ชิคาโกเป็นอีกเมืองหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่มีชาวไทยไปอาศัยอยู่จำนวนไม่น้อย โดยส่วนหนึ่งประกอบอาชีพทำร้านอาหารไทย และทันทีที่คนไทยในเมืองชิคาโกทราบข่าวการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่างก็โศกเศร้าไม่น้อยไปกว่าคนไทยที่อยู่ในแผ่นดินแม่เช่นกัน
ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งคนไทยจำนวนหนึ่ง จึงไม่สามารถทนนั่งอยู่ในบ้านได้ ต่างออกมารวมตัวกันอย่างสงบโดยมิได้นัดหมายที่ Dailey Plaza ในวันนั้นไม่มีการเตรียมกิจกรรมใดๆ มีเพียงการจุดเทียนและเสียงร้องไห้กับการสูญเสียพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นก็มีการพูดคุยกันว่า น่าจะมีการจัดงานแสดงความอาลัยอย่างเป็นทางการ จึงเลือกวันที่ 23 ตุลาคาม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของคนไทยคือ วันปิยะมหาราช ทุกคนช่วยกันเป็นเจ้าภาพจัดงานกันคนละไม้คนละมือ โดยมีผู้นำคือ เอนก บรรณประดิษฐ์ นายกสมาคมไทย ชิคาโก อรุณ สัมพันธวิวัฒน์ ประธานศูนย์ไทยทาวน์ ชิคาโก และ มูลนิธิไทยอเมริกัน ชิคาโก ชนานาฏ สุขกิจ เลขาธิการ ศูนย์ไทยทาวน์
โดยใช้บริเวณลานพระพรหมฯ ศูนย์ไทยทาวน์ เป็นสถานที่จัดงาน
อนวัช สัมพันธวิวัฒน์ เป็นหัวหน้าฝ่ายศิลปกรรม ที่ทำแท่นสักการะโดยลำพังถึงสองวันอย่างหามรุ่งหามค่ำ ได้อัญเชิญพระบรมสาทิสลักษณ์ มาจากวัดธัมมาราม รวมทั้งจัดโต๊ะให้คนไทยที่มาร่วมงานลงนามไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มาลงนามกันที่ไทยทาวน์เป็นเวลา 1 เดือน ก่อนที่จะส่งกลับไปให้รัฐบาลที่เกี่ยวข้องในเมืองไทย
วันนั้น คนไทยที่มาส่วนใหญ่เป็นเจ้าของร้านอาหารไทย ต่างนำอาหารมาเลี้ยงดูกัน นำดอกไม้ธูปเทียนมาสักการะทั้งพระปิยะ พระพรหม และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิธีเริ่มตอน 21.00 น. ซึ่งค่อนข้างดึกไปหน่อย เพราะต้องการให้เจ้าของร้านอาหารไทยมีโอกาสมาถวายความจงรักภักดีและไว้อาลัยด้วย
อรุณ สัมพันธวิวัฒน์ เจ้าของร้านอาหารไทยที่ชิคาโก ซึ่งใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกมากว่า 20 ปี ได้อ่านฉันท์ที่แต่งถวายถึง 3 บท คือ บุญบรรพ์ (จิตรปทาฉันท์๘) ปองภักดิ์ (อินทรวิเชียรฉันท์๑๑) และ ธรรมิราช (อินทรวิเชียรฉันท์๑๑) และ ครูโต้ง-ชำนิ ศรีพระราม เป็นผู้เป่าขลุ่ย
คืนนั้นทุกคนอยู่กันไปจนเกือบถึงตีสองกว่าจะกลับ ดึกแสนดึกก็ไม่มีใครคิดจะกลับ เพราะต้องการอยู่ร่วมรับรู้ความรู้สึกของการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงร่วมกัน
อรุณ ได้บอกเล่าถึงความรู้สึกว่า “ไม่น่าเชื่อว่า หลายคนที่มาใช้ชีวิตในชิคาโกเป็นเวลาครึ่งค่อนชีวิต ไม่เคยรู้จักกัน กลับมาได้รู้จักกันเป็นครั้งแรก มานั่งคุยกัน ทานอาหารร่วมกัน ราวกับเป็นพี่น้องกัน ลึกๆ เห็นได้ชัดว่าคนไทยรักกันเหมือนพี่น้อง เหตุการณ์ในคืนนั้น เห็นได้ชัดว่า พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยจริงๆ”