xs
xsm
sm
md
lg

ดร.จินดารัตน์ & รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา “แม่-ลูกคู่ซี้ต่างวัย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>หนึ่งในคู่แม่ลูกสุดแซบที่แทบจะถอดแบบกันมาแบบสำเนาถูกต้อง ต้องยกให้คู่ของ “ดร.เอ๊าะ-จินดารัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา” คุณแม่ยังสาว และ “โอบอุ้ม-รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา” ลูกสาวยังสวยแถมเก่ง เพราะกำลังจะคว้าดีกรีดอกเตอร์มาให้คุณแม่ชื่นใจในเร็วๆ นี้

ดร.จินดารัตน์ คุณแม่ยังเปรี้ยว ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการแผนกอาหารไทยที่โรงเรียนดุสิตธานีการโรงแรม เริ่มต้นอัปเดตถึงชีวิตการทำงานเป็นเวิร์กกิ้งมัมในวัยหลังเกษียณว่า กำลังสนุกกับบทบาทใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำเมื่อต้นปี เพราะเป็นสายงานที่รัก โดยโรงเรียนแห่งนี้มีตั้งขึ้นเพื่อให้ความรู้และทักษะการให้บริการในทุกสาขาอาชีพงานของธุรกิจโรงแรมที่สามารถตอบสนองความต้องการของสถานประกอบการ ครอบคลุมเกือบทุกสาขางานในธุรกิจโรงแรม อาทิ ฝ่ายงานห้องพัก (งานแม่บ้านและงานต้อนรับส่วนหน้า) ฝ่ายงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม และฝ่ายงานผลิตอาหาร จุดเด่นคือ ใช้เวลาเรียนในแต่ละหลักสูตรเพียง 60 ชั่วโมง

“ตอนนี้อุ้มก็มาเรียนทำอาหารไทยที่นี่ด้วย แม่เองก็ยังแปลกใจ เพราะเขาทอดไข่เจียวยังไม่เป็นเลย(หัวเราะ) ไม่รู้ว่าตอนนี้อยากได้เสน่ห์ปลายจวักไปทำอะไร ทุกวันนี้แม่เลยต้องปลุกเขาทุกเช้าวันเสาร์ เพราะอุ้มต้องไปเรียน แม่ยังบอกคุณครูที่โรงเรียนเลยว่า ถ้าอุ้มทำไม่ได้ ให้ดุเลย ไม่ต้องเกรงใจแม่” ดร.จินดารัตน์ ถือโอกาสแซวลูกสาวคนสวยที่วันนี้ปรากฏตัวพร้อมหวานใจ “รองอั๋น-พ.ต.ท.อรรถพล อิทธโยภาสกุล” เล่นเอาโอบอุ้มได้แต่นั่งอมยิ้ม

ดร.เอ๊าะ พูดคุยอย่างออกรสต่อถึงบทบาทการเป็นซิงเกิลมัม โดยเธอยืดอกยอมรับว่า ค่อนข้างสปอยล์ลูกทุกคน เลี้ยงลูกแบบคุณแม่สมัยใหม่ ไมมีคำว่าหัวโบราณอยู่ในพจนานุกรมเลย เพราะเธอมองว่าเด็กสมัยนี้ไม่เหมือนยุคก่อนที่จะไปบังคับหรือกำหนดความคิดได้ ลูกแต่ละคนรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร จะให้ไปบังคับก็คงลำบาก

“อุ้มยอมรับนะว่า อุ้มถูกเลี้ยงมาแบบสปอยล์ อยากได้อะไรได้หมด สมัยเป็นเด็กเราจะรู้ว่า ถ้าอยากได้ของอะไรที่ออกแนววิชาการ มีเหตุมีผลในการซื้อต้องไปขอคุณพ่อ (สุวัฒน์ สุขสงเคราะห์) แต่ถ้าเป็นของเล่น มุ้งมิ้งแบบเด็กผู้หญิงให้ไปขอแม่ เพราะฉะนั้น เลยถือว่าเป็นความโชคดีของอุ้ม ที่สมัยเด็กไม่ว่าอยากได้อะไรก็ได้หมด” โอบอุ้มถือโอกาสเสริมผู้เป็นแม่ พร้อมบอกว่า คุณแม่เป็นแม่ที่ไม่ดุเลย ไม่เคยตี เลี้ยงลูกทุกคนเหมือนเป็นเพื่อน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจและอุ่นใจเวลามีปัญหาและอยากจะปรึกษาคุณแม่

โอบอุ้มเล่าอย่างอารมณ์ดีถึงจะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน แต่เธอก็ไม่เคยมีปมด้อย หรือ รู้สึกขาดความรัก เธอบอกว่า สมัยเด็กเธอเป็นเด็กติดพ่อมาก เพราะอยู่กับคุณพ่อเป็นหลัก จะเจอกับคุณแม่เฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เธอเล่าว่าครั้งหนึ่งคุณพ่อไปทำงานต่างจังหวัด เธอคิดถึงคุณพ่อจนถึงขนาดไข้ขึ้น แต่พอพ่อกลับมาก็หาย (หัวเราะ) ทว่าหลังจากที่เธอย้ายมาเรียนที่เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ด้วยความที่คอนโดของคุณแม่อยู่ใกล้โรงเรียนมากกว่า จึงย้ายมาอยู่กับคุณแม่แทน และได้บ่มเพาะสายใยระหว่างแม่ลูกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

“คุณพ่อกับคุณแม่จะเลี้ยงลูกคนละสไตล์ คุณพ่อจะเป็นสายวิชาการ แต่คุณแม่จะเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง ให้อิสระ ฝึกให้ดูแลตัวเอง ซึ่งอุ้มว่าเป็นสองส่วนผสมที่ลงตัวมากๆ ถามว่า กับการที่คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจแยกทางกัน ทำให้รู้สึกเป็นปมด้อยไหม อุ้มคิดว่าไม่เลย เพราะอุ้มรู้ดีว่า พ่อแม่ยังรักเราที่สุด”

ในฐานะที่เป็นคู่แม่ลูกที่สนิทกันที่สุดในจำนวนลูกทั้งหมด ทั้งคู่มองว่ามีอะไรที่คล้ายกันถึงทำให้จูนกันติด ดร.จินดารัตน์ ถือโอกาสตอบก่อนว่า มีคนทักว่าเราหน้าคล้ายกัน เป็นแฝดแม่แฝดลูก นอกจากนี้เราเป็นผู้หญิงอารมณ์ดีเหมือนกัน ชอบแต่งตัวเหมือนกัน

“มีครั้งหนึ่งเราไปทริปที่บราซิลด้วยกัน อุ้มก็จองโรงแรมที่วิวสวยมากแห่งหนึ่งไว้ ปรากฏว่าพอออกจากสนามบิน เราก็นั่งรถไปโรงแรม นั่งรถไปไกลมากก็ไม่ถึงสักที เลยถามคนขับ ปรากฏว่า โรงแรมที่เราจองอยู่ในริโอเดอจาเนโรแต่ไม่ใช่ตรงเมืองหลวงนะคะ มันเป็นรัฐที่กว้างมาก แบบเดินทางห่างออกไปอีกหลายชั่วโมงเลย...

แม่คิดว่าถ้าไปกับคนอื่นต้องมีกรี๊ดและหงุดหงิด แต่อุ้มหันมามองหน้าแม่แล้วหัวเราะ แม่ก็หัวเราะตาม บรรยากาศตอนนั้นจากที่จะเครียดเลยกลายเป็นขำ เราก็เลยพักโรงแรมนั้นคืนเดียว ทั้งที่วิวสวยจริง แต่การเดินทางไม่สะดวก พอวันต่อมาก็ย้ายเข้ามาพักในเมือง” ดร.เอ๊าะเลือกหยิบยกหนึ่งในทริปน่าจดจำจากอีกหลายทริปประทับใจ เพราะเป็นที่รู้กันว่า แต่ละปีแม่ลูกคู่นี้จะแพ็กคู่ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ

ถามถึงความประทับใจที่มีต่อกัน โอบอุ้มบอกว่า ประทับใจในทุกอย่างที่เป็นแม่ เธอบอกว่า ตั้งแต่เด็ก เพื่อนๆ มักจะบ่นเกี่ยวกับแม่ให้ฟัง แต่สำหรับเธอไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนั้นเลยสักครั้ง เพราะเธอพอใจในสิ่งที่คุณแม่เป็นและคิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เกิดเป็นลูกแม่

ขณะที่ ดร.เอ๊าะ เสริมว่า ภูมิใจในลูกสาวคนนี้ เพราะได้ดั่งใจทุกอย่าง เป็นลูกสาวที่คิดถึงแม่ตลอด และเป็นลูกสาวที่ถอดแบบตัวเธอมามากที่สุด ชอบแต่งตัว ชอบออกงานสังคม พบปะผู้คน ซึ่งในฐานะคนเป็นแม่ เห็นลูกมาถึงจุดที่ดูแลตัวเองได้ มีความคิดที่ดี ก็เชื่อว่าลูกจะมีอนาคตที่ดี แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

“อีกอย่างที่แม่อยากเห็น คือ อยากเห็นอุ้มแต่งงาน ตอนนี้ก็อายุเยอะแล้วนะ (อายุ 27 ปี) แม่อยากเป็นคุณยายค่ะ”

ดร.เอ๊าะกล่าวอย่างอารมณ์ดีทิ้งท้าย คล้ายเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง งานนี้เล่นเอาลูกสาวที่กำลังจะซึ้ง ออกอาการเขินแก้มแดงเลยทีเดียว :: Text by FLASH

Special Thanks :: โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2200-9000 ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น