xs
xsm
sm
md
lg

ส่องชีวิตเขยหมื่นล้านโบ๊เบ๊ “วัลลภ กมลวิศิษฎ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาร์ค-วัลลภ กมลวิศิษฎ์
 
ของเล่น ยังเป็นตัวแทนของความสนุกในอดีตที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน ผ่านนักสะสม อย่าง มาร์ค-วัลลภ กมลวิศิษฎ์ ผู้ที่หลงใหลของเล่น ของสะสม และโมเดลคาแรกเตอร์การ์ตูนฮีโร่และการ์ตูนชื่อดัง ทั้งจากฝั่งตะวันตกและฝั่งเอเชีย เป็นชีวิตจิตใจ ถึงขนาดควักเงินมาบริหารจัดการพื้นที่บนห้างสรรพสินค้าอย่าง เมก้า พลาซา สะพานเหล็ก ให้กลายเป็นแหล่งรวมการซื้อขายของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 
มาร์ค-วัลลภ เป็นหลานชายแท้ๆ ของอดีตนักเมืองดัง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยอมรับว่า เขาค่อนข้างโชคดีเพราะเมื่อมาแต่งงานกับ พัชรวดี วีรบวรพงศ์ ก็ได้กลายมาเป็นเขยของตระกูล “วีรบวรพงศ์” ทำให้วรวิทย์ ผู้เป็นพ่อตา เปิดโอกาสให้เข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัว ในฐานะเจนเนอเรชันที่ 2 ไม่ว่าจะเป็น เมก้า พลาซา สะพานเหล็ก, โบ๊เบ๊ ทาวเวอร์, โรงแรมปรินซ์ พาเลซ, พาลาเดียม ไอที ประตูน้ำ รวมถึง โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์

หากดูเพียงผิวเผิน งานทั้งหมดอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กหนุ่มวัยเพียง 27 ปี แต่กับ “มาร์ค” แล้วมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา เพราะปริญญาตรีและปริญญาโท Business Management จาก University of Edinburgh, United Kingdom ที่อุตส่าห์หอบข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศอังกฤษ ถูกนำมาใช้กับภารกิจตรงนี้ได้เป็นอย่างดี

 
มาร์ค เริ่มต้นพูดถึงการทำงานของเขาด้วยท่วงท่าสบายๆ ว่า จริงๆ แล้วเขาเรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจมาจากคุณพ่อ-คุณแม่ (ประดิษฐ์-จรูญลักษณ์ กมลวิศิษฎ์) ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจที่ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ HARA “ตอนเด็กๆ ช่วงปิดเทอมถ้ามีโอกาสกลับเมืองไทย จะตามพ่อแม่ไปทำงาน ทานข้าวพูดคุยกับลูกค้า ทำให้ซึมซับและเรียนรู้เรื่องการติดต่อการค้าบ้าง ประสบการณ์ที่ ฮาร่า ช่วยผมได้มาก ทำให้เราได้รู้ว่า การดูแลลูกค้าที่ดีควรทำอย่างไร พ่อจะเน้นมากเรื่องความซื่อสัตย์ ประหยัด และขยัน 3 ข้อนี้เป็นหลักเลย ซึ่งผมก็ได้นำมาใช้กับงานตรงนี้” มาร์คเล่าย้อนถึงเส้นทางการทำงานก่อนต้องมาบริหารโครงการใหญ่ทั้ง 6 แห่งให้ฟัง

ทายาทรุ่น 2 ที่มาพร้อมกับภารกิจสำคัญคือ การต่อยอดธุรกิจของ “วีรบวรพงศ์” ผู้ใหญ่บุกเบิกไว้ดีแล้วให้ดียิ่งขึ้น ยอมรับว่า หลังได้เข้ามาดูงานที่นี่แล้ว เขามีความคาดหวังกับทุกโครงการ แต่ละโครงการมีโจทย์ที่แตกต่างกันไป โดย โบ๊เบ๊ ทาวเวอร์ มหานาค ยังคงรักษาคอนเซ็ปต์เดิมคือ ค้าส่งเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดของไทย ส่วน เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ชอปปิง ตั้งใจให้เป็นแหล่งซื้อขายจิวเวลรี, เสื้อผ้า และศูนย์ไอทีที่ใหญ่ในกรุงเทพฯ ขณะที่ เมก้า พลาซา สะพานเหล็ก โครงการสุดรักจะทำให้เป็นศูนย์กลางการซื้อขายของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

 
“ผมใส่ใจกับงานทุกชิ้น ผลตอบรับช่วง 1 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างดีทุกโครงการ อาจเป็นเพราะงานทุกชิ้นที่ทำเป็นงานที่ผมชอบ ตรงกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของผมกับภรรยา ที่เป็นคนชอบเที่ยว ชอบเดินห้างสรรพสินค้า ชอบชอปปิง ชอบไปในที่แปลกๆ ซึ่งแต่ละที่ที่ไปเราจะศึกษาเรียนรู้งานไปด้วย ส่วนไหนดีอาจนำมาปรับใช้กับธุรกิจของเรา ส่วนไหนไม่ดีไม่ชอบก็จะไม่ทำเด็ดขาด”

มาร์คยังยกตัวอย่างความชอบส่วนตัวที่นำธุรกิจเข้ามาสวมใส่ว่า เขาเองก็เหมือนกับเด็กทั่วไปที่ชื่นชอบของเล่น เมื่อได้ไปเดินสะพานเหล็ก เห็นของเล่นวางขายมากมายก็อยากต่อยอดทำห้างสรรพสินค้าที่เกี่ยวกับของเล่นโดยเฉพาะ พอดีเป็นช่วงเดียวกับที่วรวิทย์ได้เข้าเทคโอเวอร์ เมอรี่คิงส์ วังบูรพา และยกให้ดูแล เขาจึงเนรมิตความฝัน รวบรวมร้านขายของเล่นมาไว้ในศูนย์การค้าแห่งนี้

 
“ที่เราสามารถทำสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะช่วงนั้นเป็นที่รัฐบาลจัดระเบียบร้านค้าและแผงลอยพอดีด้วย พ่อค้าแม่ค้าหลายรายตรงนั้นเคว้งคว้าง ผมเห็นภาพตรงนั้นก็เข้าใจในความรู้สึก อยากช่วยแบ่งเบาภาระพวกเขาด้วย เลยปรึกษาคุณพ่อ (วรวิทย์) ว่า ถ้าเราจะให้เขาเข้ามาเซ้งร้านในห้างเรา ในราคาที่พวกเขาพอรับไหวได้มั๊ย คุณพ่อก็โอเคทันที บอกให้ช่วยกัน วันนั้นเชื่อมั๊ยครับ 500 ห้อง พ่อค้าแม่ค้าที่ถูกไล่ที่มาลงชื่อจองเต็มหมดในพริบตา ใจหนึ่งผมรู้สึกดีใจและมั่นใจว่า ห้างนี้ต้องไปได้สวยแน่นอน ขณะที่ อีกใจหนึ่งรู้สึกโล่งที่เราได้ช่วยพวกเขาให้มีที่ทางทำมาหากินต่อไป” มาร์คกล่าว

 
ยามที่ได้พูดถึงของเล่น ดูเหมือนหนุ่มมาร์คจะมีความสุขไม่น้อย เราจึงขอให้เขาขยายความถึงเรื่องราวความชื่นชอบของเล่นของเขาให้ฟัง โดยเขาบอกว่า เขาชอบเล่นเกมส์ทุกชนิด แม้ว่าในยุคที่เขาเติบโตมา จะได้เห็นแต่ของเล่นยุคใหม่ อย่าง รถบังคับ, เลโก้, ตัวการ์ตูนที่ทำจากพลาสติก และเกมคอมพิวเตอร์ “ผมไม่ทันของเล่นสังกะสีนะครับ เคยเห็นแต่ในรูปภาพ พอได้เห็นของจริงจากร้านค้าในเมก้าผมก็ชอบ ชอบความคลาสสิกที่ทำเลียนแบบของจริง อย่าง รถไฟ รถดับเพลิง รถเมล์ เครื่องบินและสัตว์ต่างๆ รวมทั้งกีฬา เช่น ปิงปอง คนเลื่อยไม้ อันไหนสวยก็ซื้อเก็บ แต่ที่สะสมจริงๆ เพราะชอบมากตอนนี้จะเป็นพวกหมี Bearbrick ชอบที่หน้าตาน่ารัก แล้วเขามาสมใส่ชุดฮีโร่ต่างๆ ที่ผมชื่นชม อย่าง แบทแมน, ซูเปอร์แมน, สไปเดอร์แมน ครับ”

 
รอยยิ้มและดวงตาสดใส ตอนที่พูดถึงของสะสม และความสุขที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ ทำให้เรารู้สึกถึงตัวตนและความน่ารักหนุ่มคนนี้ ยามนี้จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเขาถึงได้เป็นเขยสุดเลิฟแห่งครอบครัว “วีรบวรพงศ์”
 
 
เรื่อง  เดียว
ภาพ  โต๊ด
กำลังโหลดความคิดเห็น