หลังยุติบทบาทนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยอย่างถาวร มาวันนี้ แว-อภิภู พรหมโยธี ก็สวมบทนักธุรกิจเต็มตัว ด้วยการเปิดกรุสมบัติ ปัดฝุ่นที่ดินมรดกล้ำค่าจากปู่-ย่าย่านหลังสวน มาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สุดหรูพิสูจน์ฝีมือในบทบาทใหม่อย่างเต็มที่
แม้จะไม่ได้เป็นตระกูลที่เปิดตัวหวือหวานักในแวดวงธุรกิจยุคนี้ แต่หากย้อนไปหลายสิบปีตระกูล “พรหมโยธี” เป็นที่รู้จักอยู่ไม่น้อยในฐานะเป็นสกุลขุนทางชั้นผู้ใหญ่ของ พลเอกมังกร พรหมโยธี และหม่อมเจ้าหญิงบรรเจิดวรรณวรางค์ วรวรรณ (ท่านหญิงแต๋ว) ที่สำคัญยังเป็นเจ้าของที่ดินหลายแห่งในทำเลทองของกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ดังนั้นธุรกิจหลักของครอบครัวพรหมโยธีจึงคลุกคลีอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่รุ่นพ่อมาจนถึงปัจจุบัน
แว-อภิภู พรหมโยธี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด เป็นลูกชายคนโตของ กำจรเดช กับ อัมพิกา เกิดและเติบโตย่านหลังสวน ในวัยเด็กมีโอกาสเรียนขี่ม้าอย่างจริงจัง นำมาซึ่งการฝึกซ้อมอย่างหนักและต่อเนื่อง จนปี 2544 ระหว่างที่เรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติ ได้เข้าแข่งขันรายการแรกในกีฬาซีเกมส์ ประเทศมาเลเซีย คว้าเหรียญเงินประเภททีมให้กับทีมชาติไทย
“ภูมิใจนะครับ ตอนนั้นอายุ 16 เหรียญแรกที่ได้ทำให้ผมมุ่งมั่นต่อไปในเส้นทางนี้ ก็ได้แข่งอีกหลายรายการ และเป็นโค้ชให้นักกีฬาไทยด้วย ช่วงหลังถึงจุดที่เรารู้สึกอยากไปต่อ แต่การสนับสนุนจากครอบครัวฝ่ายเดียวมันไม่พอ จะไปต่อก็ไม่ถึงเป้าหมายแน่ ผมจึงต้องหยุด แล้วมาเรียนรู้งานสานต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว” อภิภู เริ่มต้นบอกเล่าถึงชีวิตในอดีตกับเราด้วยรอยยิ้มสดใส
หลังตัดสินใจกระโดดลงจากอานม้าแล้ว หนุ่ม “แว” ก็เริ่มต้นงานให้กับครอบครัวของเขา โดยจับมือกับพี่ชาย (ลูกอา) ร่วมกันก่อตั้งบริษัท ปอร์ติโก พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และพัฒนาที่ดินผืนแรกของเขา ด้วยการปั้น “เดอะ ปอร์ติโก้ คอมมิวนิตี้มอลล์” เป็นโครงการแรกในซอยหลังสวน ทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทย เดอะ ปอร์ติโก้ ได้พิสูจน์ตัวเองมาตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการปี 2556 ว่าเป็นจุดนัดพบใหม่คนเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา สนุกสนาน ทำให้ซอยหลังสวนไม่เงียบเหงา
ที่ดินหลังสวน อันมีถนนชิดลมพาดผ่าน ถือเป็นจุดเชื่อมความเจริญสูงสุดของ กทม.เมืองหลวง ราคาประเมินจากกรมที่ดินล่าสุดก็เฉียดหลักล้านบาทแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกการเคลื่อนไหวในที่ดินผืนนี้มักเป็นที่น่าสนใจยิ่งนัก “แว” จึงเลือกเปิดกรุมรดกที่ดิน ที่ท่านแต๋ว-หม่อมเจ้าหญิงบรรเจิดวรรณวรางค์ ผู้เป็นย่ายกเป็นมรดกแก่ลูกและตกทอดถึงเขามาปัดฝุ่นอีก 1 ผืน
“ครอบครัวเรามีที่ดินเป็นมรดกจาก คุณปู่คุณย่า ที่หลังสวนรวม 3 แปลงครับ ผมวิ่งเล่นตรงนี้มาตั้งแต่เด็กๆ วิถีชีวิตคนตรงนี้เปลี่ยนจากอดีตไปมาก ผมคิดว่าได้เวลาที่ควรนำมาต่อยอดพัฒนาให้มีคุณค่า ดีกว่าปล่อยเป็นที่ดินว่างเปล่า เลยตัดสินใจทำคอนโดมีเนียม ใช้ชื่อ “ณ วรา เรซิเดนส์”
จากบุคลิกหนุ่มนักกีฬาที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีสไตล์ชัดเจน คิดไว ทำไว ของนักธุรกิจรุ่นใหม่ จึงอาจทำให้ถูกมองเป็นคนที่มุทะลุ มุ่งมั่นในทางที่ตนเองเลือกเดิน เพราะเมื่อครั้งเป็นนักกีฬา เขาจะทุ่มเทสุดตัวสุดกำลังเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ และเมื่อเป็นนักธุรกิจจึงมีความนึกคิดไม่ต่างไปจากเมื่อครั้งเล่นนักกีฬา
“สำหรับผมไม่หมือนกันนะครับ เวลาผมเล่นกีฬา ได้อยู่กับม้า บริหารและควบคุมม้าให้เป็นไปอย่างใจผมได้ แต่ธุรกิจอยู่กับคน ผมไม่สามารถควบคุมคนทุกคนให้ได้อย่างใจไม่ได้หรอกครับ เราต้องพยายามเข้าถึงจิตใจของคนรอบข้าง ผมเชื่อว่าการบริหารคนคือการบริหารจิตใจของตนเองและมองผู้อื่นอย่างเข้าใจ”
แม้จะใช้ชีวิตตามกรอบที่ดีงาม มีหลักการและเหตุผล แต่ทุกการทำงานก็มีเรื่องให้ต้องคิด และแก้ไขตลอดเวลา อภิภูบอกว่า ทุกประสบการณ์ที่พบ ทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามา เขาไม่เก็บเอามาคิดซับซ้อนวุ่นวายให้ทุกข์หนักเหมือนก่อน เมื่อเกิดปัญหาก็ยอมรับให้ได้ว่ามีอยู่ หาวิธีแก้ปัญหา และดำเนินชีวิตต่อไป “ผมเชื่อมั่นใจกำลังใจตัวเองนะครับ ผมคิดว่าทุกอย่างถ้าตั้งใจทำต้องสำเร็จ ท้อได้แต่ไม่เคยถอย ทุกปัญหาต้องมีทางแก้ไข"
ณ วันนี้ แว- อภิภู พรหมโยธี กำลังสร้างบทพิสูจน์ตัวเองด้วยความมุ่งมั่นครั้งสำคัญ จากนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยสู่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์พันล้าน
เรื่อง : วรกัญญา สมพลวัฒนา
ภาพ : วชิร สายจำปา