แสดงละคร “เพื่อนรัก เพื่อนริษยา” ได้เพียงเรื่องเดียว พระรองน้องใหม่ค่ายโพลีพลัส อย่าง เป๋า-วฤธ หงสนันทน์ ก็เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวน้อย-สาวใหญ่ได้ไม่แพ้พระเอกรุ่นพี่ นอกจากงานแสดงละคร งานเดินแบบแล้ว ชีวิตจริงของหนุ่มนัยน์ตาหยีคนนี้ คือทายาทพันล้านของ เจ้าของ บริษัท เอฟ เอ ดับบลิว (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้ารถสิบล้อจากประเทศจีนมาขายในไทยอีกด้วย เรียกว่า หล่อ รวยเวอร์ คงไม่ผิดนัก
ในวันที่ “มูจีแก” ปฏิบัติการกระหน่ำสายฝนลงมาสร้างความเย็นฉ่ำในเมืองไทย หนุ่มตี๋หน้าหล่อ เป๋า-วฤธ ลูกชายคนสุดท้องของ ศักดิ์ชัย ลีสวรรค์ เจ้าของธุรกิจจำหน่ายรถสิบล้อยี่ห้อ FAW รถนำเข้ามาจากประเทศจีน ที่ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยการรับบทเป็นพระรองในละคร เพื่อนรัก เพื่อนริษยา เดินทางฝ่าสายฝนมาพูดคุยกับเราถึงชีวิตนอกวงการ ความเป็นตัวตนของเขา พร้อมกับอัปเดตชีวิตการทำงานให้ฟัง โดยเริ่มต้นบอกว่า ถูกส่งไปใช้ชีวิตในโรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เมื่อศึกษาจบระดับปริญญาตรี ก็บินลัดฟ้า กลับมาช่วยธุรกิจขายรถสิบล้อที่นำเข้าจากจีนของครอบครัวทันที
โดยปริญญาตรีด้านออกแบบตกแต่งภายใน จาก Chelsea Collage of Art & Design ที่เขาอุตส่าห์หอบข้ามน้ำข้ามทะเล นำกลับมาเป็นของขวัญให้พ่อและแม่นั้น แม้จะไม่ได้นำมาใช้ในชีวิตการทำงานเลย แต่เป๋าก็ยืนยันว่า อย่างน้อยดีกรีอินทีเรียดีไซน์ที่เรียนนั้น สอนให้เขามีกระบวนความคิดที่เป็นแบบแผนมากขึ้น
"พ่อ-แม่ ไม่บังคับว่าต้องกลับมาทำงานที่บ้าน แต่ผมรู้ตลอดว่า อย่างไรก็ต้องมาช่วยครับ ผมคิดว่าชีวิตการทำงาน ใช้ประสบการณ์ชีวิตมากกว่านำเนื้อหาในตำราเรียนมาใช้ อย่างที่เห็นอยู่บ่อยๆ ว่า คนจบ ป.4 แต่ก็ประสบความสำเร็จ สร้างเนื้อสร้างตัวจากงานที่ทำได้ด้วยตัวเอง ผมเลยคิดว่าถึงผมจะไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้โดยตรง แต่ผมสามารถเรียนรู้เรื่องค้าขาย เรียนรู้เรื่องเครื่องจักร เครื่องยนต์ อะไหล่ทุกชิ้นจากงานที่ทำทุกๆ วันได้ครับ"
หนุ่มเป๋า ขยับตัวผ่อนคลายอิริยาบถเล็กน้อย ก่อนจะเล่าถึงการทำงานที่บริษัทของเขาว่า ไม่ง่ายนัก เพราะความน่าเชื่อถือต่อแบรนด์รถจากประเทศจีน ยังไม่แข็งแกร่งเท่าแบรนด์รถจากประเทศญี่ปุ่น ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรานานกว่ารถจากจีน ที่เพิ่งมาบูมในช่วง 4-5 ปีหลัง ดังนั้น ทุกครั้งเขาพร้อมพ่อ และ ปาล์ม-ฐณส ลีสวรรค์ ผู้เป็นพี่ชาย จะต้องเดินทางไปพรีเซนต์กับลูกค้าด้วยตัวเอง จึงถือเป็นงานที่ท้าทายสำหรับเขายิ่งนัก
หากจะมองการใช้ชีวิตของหนุ่มเป๋าเพียงผิวเผิน เขาก็ไม่ต่างไปจากนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงคนอื่นๆ ที่มุ่งมั่นผลักดันยอดขายให้ทะลุเป้าที่วางไว้ อีกทั้งยังพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อจะได้นำมาเป็นแบบอย่างในการทำงานให้ดีและมีคุณภาพ แต่ลึกลงไปใครจะรู้ว่า หนุ่มเป๋าคนนี้ ก็มีไลฟ์สไตล์ไม่ต่างจากวัยรุ่นคนอื่นๆ ที่ชื่นชอบในแฟชั่น ดนตรี และกีฬา ดังนั้น เมื่อมีโอกาสรู้จักกับ นิด-อรพรรณ พานทอง แล้วถูกชักชวนให้ลองเล่นละคร เขาจึงตกปากรับคำทันที
“ผมไม่ได้หวังว่าจะต้องเข้ามาอยู่วงการบันเทิง แต่เมื่อโชคดีได้เข้ามาก็ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดครับ ตอนเข้ามาพี่นิดสอนทุกเรื่อง ตั้งแต่การวางตัว การแสดง พี่นิดเป็นคนทำงานที่ละเอียดมาก ทุกครั้งพี่เขาจะบอกเลยว่า ฉากนี้อยากให้ผมถ่ายทอดอารมณ์อย่างไร ตรงไหนไม่ดีพี่นิดจะคอยแนะนำ แรกๆ ผมรู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ตั้งใจไว้ แต่โชคดีที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงมืออาชีพ ทุกคนก็ช่วยกันสอน พี่นิด คุณพ่อ คุณแม่ก็ให้กำลังใจตลอด ว่าเรื่องแรกได้แบบนี้ก็ดีแล้ว ก็ทำให้ผ่อนคลายลง”
หนุ่มเป๋ายังบอกเล่าถึงการทำงานของเขาว่า ทุกวันนี้มีความสุขกับงานทั้ง 2 ด้าน และ ณ วันนี้ ยังสามารถแบ่งการทำงานด้วยตัวเองไหว โดยวันไหนที่ต้องถ่ายละคร ถ่ายแบบ หรือโชว์ตัว เขาก็ยังทำงานขายรถสิบล้อควบคู่ไปด้วย “ใช้มือถือ ไอแพดติดตามงาน เช็คอีเมล์ คุยกับลูกค้าตลอด ผมไม่อยากขาดงาน เพราะถ้าขาดงานไปหนึ่งวัน เท่ากับผมได้เรียนรู้ช้าลงไปอีก" นี่คือวินัยที่เขาใช้ในการงานของเขาให้ฟัง
หลังละครเรื่องแรกผ่านไป ชื่อเสียงของ เป๋า-วฤธ ก็โด่งดังราวพลุแตก หากแต่หนุ่มเป๋ายังยืนยันว่า ชีวิตของเขายังเป็นเหมือนเดิม คือดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย มีความสุขกับการทำงานและเล่นกีฬา ออกกำลังกายตามโอกาสที่จะอำนวย “ก็ยังเหมือนเดิมนะครับ เวลาทำงานอาจจะง่ายขึ้นนิดหน่อย ตรงที่มีคนรู้จักผมมากขึ้น ลูกค้าหลายคนเจอผมก็ทักว่า ได้ดูละครที่ผมเล่น ผมก็รู้สึกดีใจที่คนรู้จักมากขึ้น แต่ทุกครั้งคุณแม่กับคุณพ่อก็จะสอนเสมอว่า อย่าลืมตัว ซึ่งผมก็เตือนตัวเองตลอดเวลา”
เมื่อถามถึงอนาคตข้างหน้า หนุ่มเป๋ายิ้มกว้างบาดใจเราก่อนบอกสั้นๆ ว่า “ผมพอใจในชีวิตแล้ว ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ผมไม่เคยคาดหวังอะไร ได้ทำทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาอย่างดีที่สุดแล้ว ในอนาคตข้างหน้าเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ” เป๋า-วฤธ หงสนันทน์ ดารา-นักธุรกิจน้องใหม่ บอกเล่าความเป็นตัวตนของเขา ก่อนลาจากด้วยรอยยิ้ม