คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
เพียงทันทีที่เห็นกองกระดาษสีขาวที่หล่อนเก็บไว้จากการทำบุญ ความหลังในสิ่งที่ผ่านไปก็หวนเข้ามาในมโนนึกลึกๆ
หล่อนนั่นเองที่นั่งปั้นฝันอยู่เพียงลำพังที่กลางห้อง หล่อนปั้นหญิงสาวขึ้นมาหลายชิ้น ด้วยความมุ่งหวังอยากเจือจานความสุขนั้นแก่คนที่กำลังลำบาก
ภาพของหล่อนที่อุ้มชิ้นงานไปยังบ้านเรือนอันสวยงามต่างๆ บอกเล่าแก่เจ้าบ้านถึงความทุกข์ยากของคนเหล่านั้น ที่หล่อนอยากช่วยเหลือตามกำลังเล็กๆ ที่หญิงสาวพอจะพึงมีพึงทำ และนั่น!! มันเป็นที่มาของกองใบเสร็จเล่านี้
ความแช่มชื่นได้ปรากฏขึ้นในใจของหล่อนโดยพลัน แช่มชื่นใจในความมืดมิด
ในความมืดสนิท กลิ่นของควันธูปโชยมาจางๆ เหมือนๆ ว่าหล่อนนอนอยู่ อย่างแน่นิ่งไม่ไหวติง ถ้าจิตของหล่อนเป็นความรู้สึก หล่อนกำลังรู้สึกว่า ได้มีหญิงคนหนึ่ง กำลังเดินเข้ามาหาหล่อนอย่างช้าๆ แล้วหยุดยืน
"ฝากสิ่งรักของฉันด้วยนะ จากนี้ไปฉันจะไปอยู่กับดอกไม้บนสรวงสวรรค์ ดอกไม้นั้นกำลังจะเบ่งบาน และมันเป็นดอกไม้แห่งความสุขและการดำรงอยู่อย่างยืนนานของเหล่าคนธรรพ์วิทยาธรทั้งหลาย และฉันกำลังจะไปจุติเป็นต้นดอกไม้นั้น"
"บอกเขาด้วยว่า ไม่มีอะไรที่เขาได้ทำผิดต่อฉัน เขาทำหน้าที่ทุกอย่างของเขาอย่างสมบูรณ์พร้อมแล้ว เป็นเพราะฉันหมดสิ้นอายุ และคงอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว วันเวลาของฉันได้หมดลง และฉันกำลังจะไปเป็นดอกไม้"
แล้วเธอผู้นั้นก็ก้าวถอยหลัง แล้วเดินห่างออกไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งลับหายไปในความมืดสนิท ท่ามกลางกลิ่นธูปอึงอวล
หล่อนเริ่มตระหนักรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงผู้นี้เป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้า แหวน และต่างหู เป็นเจ้าของลายมือในจดหมายรักเก่าแก่ฉบับนั้น นั่นเอง
เธอตายไปแล้ว ตายไปหลายปีแล้ว นี่หล่อนได้มาพบและพูดคุยกับคนที่ตายไปแล้วหรือนี่!!!
ไม่ ไม่จริง ฉันกลัว!!!
แล้วหล่อนก็เห็นว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนทางโค้งที่มีต้นดอกแก้วกำลังผลิดอกเบ่งบานเต็มไปหมดที่สองริมข้างทางถนนสายนั้นที่หล่อนเดินอยู่ กลิ่นดอกแก้วหอมฟุ้งตลบอบอวล เข้ามาแทนกลิ่นธูปเมื่อครู่นี้ที่เจือจางลงและหายไปจนหมดสิ้น
ความมืดมิดนั้น ถูกแทนที่ด้วยความสว่าง หล่อนเห็นแสงของพระอาทิตย์ยามเย็นที่ปลายทางถนนสายโค้งนั้น และกำลังก้าวเดินไปยังแสงสว่าง
ปลายเปลือกตาของหญิงสาวกระพริบถี่ๆ ยิบยับพริบพรับ แล้วค่อยๆ ปรือเปลือกตาลืมตาขึ้น
หล่อนตื่นขึ้นมาและเห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง มีสายท่อสอดไว้ที่รูจมูกทั้งสอง
มีแผ่นกาวเหนียวหนึบ ที่เชื่อมต่อกับเครื่องวัดหัวใจที่กำลังทำงานส่งเสียบ ปิ๊บ ปิ๊บ ปิดแน่นอยู่หลายต่อหลายจุดบนร่างกายของหล่อน
หล่อนกระดุกกระดิกปลายเท้าและข้อมือ หายใจเข้า หายใจออกได้เต็มปอดของตัวเอง ไอเย็นๆ สดชื่นจากปลายสายท่ออ็อกซิเจนทำให้หล่อนรู้สึกสบาย
นี่คือร่างกายของฉัน นี่คือตัวของฉัน ความรู้สึกที่ว่า ฉันเป็นฉัน มันได้กลับคืนมาแล้วอย่างชัดเจน บนเตียงแห่งนี้ ปากหล่อนเผยอยิ้ม สูดหายใจเข้าออกจนอกกระเพื่อมด้วยความยินดียิ่งนัก ในสิ่งอันแสนล้ำค้าของตนได้หวนคืนกลับมา นั่นคือชีวิตและตัวตนของตนเอง
หล่อนแสนจะตระหนักกับตัวเองอย่างแจ่มชัดในเวลานั้นว่า
ฉันช่างโชคดีเสียเหลือเกิน ที่ได้มีโอกาสทบทวนชีวิต ฉันโชคดีที่ได้เรียนรู้กับเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ได้ทำงานศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันรักและมันสุดแสนพิเศษตรงที่มันคอยรับใช้อารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้งให้แก่ฉัน อันดินนั้นฉันปั้นมันกับมือ
มันทำให้ผู้คนทั่วไปได้รับรู้ว่า อันดินที่มาจากผู้คนเหยียบย่ำ ก็สามารถให้คุณค่า ทรงคุณค่า กับผู้คนทั่วไปได้ชื่นชม
และถึงแม้จะมีใครๆ อีกหลายคนที่มองงานของฉันอย่างไม่เข้าใจ มีเงื่อนไข มีขอบเขตในการมองของเขา เช่นความไม่สมบูรณ์ในงานของฉัน ฉันเองก็อยากจะขอบคุณพวกเขาทุกคนด้วยเช่นกัน
"คนไข้ฟื้นแล้วๆ" เสียงของนางพยาบาลกล่าว
(ที่มาของการสร้างงานเขียนชุดพิเศษนี้ : ขอขอบคุณการอบรม วิถีสู่ความตายอย่างสงบ (บ้านน้ำสาน))
ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว
รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
เพียงทันทีที่เห็นกองกระดาษสีขาวที่หล่อนเก็บไว้จากการทำบุญ ความหลังในสิ่งที่ผ่านไปก็หวนเข้ามาในมโนนึกลึกๆ
หล่อนนั่นเองที่นั่งปั้นฝันอยู่เพียงลำพังที่กลางห้อง หล่อนปั้นหญิงสาวขึ้นมาหลายชิ้น ด้วยความมุ่งหวังอยากเจือจานความสุขนั้นแก่คนที่กำลังลำบาก
ภาพของหล่อนที่อุ้มชิ้นงานไปยังบ้านเรือนอันสวยงามต่างๆ บอกเล่าแก่เจ้าบ้านถึงความทุกข์ยากของคนเหล่านั้น ที่หล่อนอยากช่วยเหลือตามกำลังเล็กๆ ที่หญิงสาวพอจะพึงมีพึงทำ และนั่น!! มันเป็นที่มาของกองใบเสร็จเล่านี้
ความแช่มชื่นได้ปรากฏขึ้นในใจของหล่อนโดยพลัน แช่มชื่นใจในความมืดมิด
ในความมืดสนิท กลิ่นของควันธูปโชยมาจางๆ เหมือนๆ ว่าหล่อนนอนอยู่ อย่างแน่นิ่งไม่ไหวติง ถ้าจิตของหล่อนเป็นความรู้สึก หล่อนกำลังรู้สึกว่า ได้มีหญิงคนหนึ่ง กำลังเดินเข้ามาหาหล่อนอย่างช้าๆ แล้วหยุดยืน
"ฝากสิ่งรักของฉันด้วยนะ จากนี้ไปฉันจะไปอยู่กับดอกไม้บนสรวงสวรรค์ ดอกไม้นั้นกำลังจะเบ่งบาน และมันเป็นดอกไม้แห่งความสุขและการดำรงอยู่อย่างยืนนานของเหล่าคนธรรพ์วิทยาธรทั้งหลาย และฉันกำลังจะไปจุติเป็นต้นดอกไม้นั้น"
"บอกเขาด้วยว่า ไม่มีอะไรที่เขาได้ทำผิดต่อฉัน เขาทำหน้าที่ทุกอย่างของเขาอย่างสมบูรณ์พร้อมแล้ว เป็นเพราะฉันหมดสิ้นอายุ และคงอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว วันเวลาของฉันได้หมดลง และฉันกำลังจะไปเป็นดอกไม้"
แล้วเธอผู้นั้นก็ก้าวถอยหลัง แล้วเดินห่างออกไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งลับหายไปในความมืดสนิท ท่ามกลางกลิ่นธูปอึงอวล
หล่อนเริ่มตระหนักรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงผู้นี้เป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้า แหวน และต่างหู เป็นเจ้าของลายมือในจดหมายรักเก่าแก่ฉบับนั้น นั่นเอง
เธอตายไปแล้ว ตายไปหลายปีแล้ว นี่หล่อนได้มาพบและพูดคุยกับคนที่ตายไปแล้วหรือนี่!!!
ไม่ ไม่จริง ฉันกลัว!!!
แล้วหล่อนก็เห็นว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนทางโค้งที่มีต้นดอกแก้วกำลังผลิดอกเบ่งบานเต็มไปหมดที่สองริมข้างทางถนนสายนั้นที่หล่อนเดินอยู่ กลิ่นดอกแก้วหอมฟุ้งตลบอบอวล เข้ามาแทนกลิ่นธูปเมื่อครู่นี้ที่เจือจางลงและหายไปจนหมดสิ้น
ความมืดมิดนั้น ถูกแทนที่ด้วยความสว่าง หล่อนเห็นแสงของพระอาทิตย์ยามเย็นที่ปลายทางถนนสายโค้งนั้น และกำลังก้าวเดินไปยังแสงสว่าง
ปลายเปลือกตาของหญิงสาวกระพริบถี่ๆ ยิบยับพริบพรับ แล้วค่อยๆ ปรือเปลือกตาลืมตาขึ้น
หล่อนตื่นขึ้นมาและเห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง มีสายท่อสอดไว้ที่รูจมูกทั้งสอง
มีแผ่นกาวเหนียวหนึบ ที่เชื่อมต่อกับเครื่องวัดหัวใจที่กำลังทำงานส่งเสียบ ปิ๊บ ปิ๊บ ปิดแน่นอยู่หลายต่อหลายจุดบนร่างกายของหล่อน
หล่อนกระดุกกระดิกปลายเท้าและข้อมือ หายใจเข้า หายใจออกได้เต็มปอดของตัวเอง ไอเย็นๆ สดชื่นจากปลายสายท่ออ็อกซิเจนทำให้หล่อนรู้สึกสบาย
นี่คือร่างกายของฉัน นี่คือตัวของฉัน ความรู้สึกที่ว่า ฉันเป็นฉัน มันได้กลับคืนมาแล้วอย่างชัดเจน บนเตียงแห่งนี้ ปากหล่อนเผยอยิ้ม สูดหายใจเข้าออกจนอกกระเพื่อมด้วยความยินดียิ่งนัก ในสิ่งอันแสนล้ำค้าของตนได้หวนคืนกลับมา นั่นคือชีวิตและตัวตนของตนเอง
หล่อนแสนจะตระหนักกับตัวเองอย่างแจ่มชัดในเวลานั้นว่า
ฉันช่างโชคดีเสียเหลือเกิน ที่ได้มีโอกาสทบทวนชีวิต ฉันโชคดีที่ได้เรียนรู้กับเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ได้ทำงานศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันรักและมันสุดแสนพิเศษตรงที่มันคอยรับใช้อารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้งให้แก่ฉัน อันดินนั้นฉันปั้นมันกับมือ
มันทำให้ผู้คนทั่วไปได้รับรู้ว่า อันดินที่มาจากผู้คนเหยียบย่ำ ก็สามารถให้คุณค่า ทรงคุณค่า กับผู้คนทั่วไปได้ชื่นชม
และถึงแม้จะมีใครๆ อีกหลายคนที่มองงานของฉันอย่างไม่เข้าใจ มีเงื่อนไข มีขอบเขตในการมองของเขา เช่นความไม่สมบูรณ์ในงานของฉัน ฉันเองก็อยากจะขอบคุณพวกเขาทุกคนด้วยเช่นกัน
"คนไข้ฟื้นแล้วๆ" เสียงของนางพยาบาลกล่าว
(ที่มาของการสร้างงานเขียนชุดพิเศษนี้ : ขอขอบคุณการอบรม วิถีสู่ความตายอย่างสงบ (บ้านน้ำสาน))
ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว
รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews