คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
มนุษย์เราเกิดมาได้ยังไง? ถ้าคุณถามคำถามนี้เมื่อ 20 ปีก่อนตอนคุณเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ของคุณก็จะตอบว่าคุณเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งคุณก็เชื่อ
แต่พอโตขึ้นมาคุณก็รู้ว่ามนุษย์เกิดมาจากการมีเซ็กซ์ของชายหญิงคู่หนึ่ง ดังนั้นถ้าจะถามว่า มนุษย์เกิดมาทำไม คำตอบอาจมีหลายอย่าง แต่คำตอบสุดท้ายก็คือ มนุษย์เกิดมาเพื่อสืบพันธุ์กัน จนกระทั่งมีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มโลกอย่างทุกวันนี้
เพราะฉะนั้น เซ็กซ์จึงมีอิทธิพลมากพอที่จะเปลี่ยนทิศทางของประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของมนุษย์ ดังที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้
1. กามโรคในมหาสงคราม
เมื่อมองย้อนกลับไปดูคำสูญเสียที่เกิดขึ้นในระหว่างสงคราม หลายคนคิดว่ามันเกิดจากระเบิด กระสุนปืนและความบาดเจ็บในการสู้รบ
แต่ในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีความตายที่น่ากลัวยิ่งกว่าการถูกฆ่าด้วยอาวุธใดๆ หรือแม้แต่อาวุธเคมี ทุกวันมีทหารบาดเจ็บล้มตาย 18,000 คนในสนามรบด้วยเชื้อกามโรค
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 โกโนเรียและซิฟิลิสทำลายล้างกองทหารอย่างไม่ปรานี แม้จะมียาเพนิซิลลินที่ช่วยรักษาได้ แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของกามโรคทั้งสองนี้
ก่อนที่ทหารจะบุกเข้าไปในดินแดนต่างประเทศและแพร่เชื้อกามโรคให้แก่ผู้หญิงในประเทศนั้นๆ พวกทหารเหล่านั้นก็ติดเชื้อมาจากผู้หญิงในประเทศของตนมาแล้วด้วยซ้ำ สงครามกลางเมืองอเมริกามีการหลั่งเลือดมากมาย น้องต้องรบกับพี่ พี่ต้องรบกับซ่องนางโลม
พวกผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์จะติดตามไปในกองทัพ และกลายเป็นโสเภณีเมื่อโอกาสเปิด ผลลัพธ์ก็ชัดเจนและแพร่หลาย กล่าวคือ ทหารกว่า 100,000 คน ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองใน และประมาณ 80,000 คน เป็นซิฟิลิส
มันจึงมีโปสเตอร์อันโด่งดังของสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเขียนข้อความเตือนใจไว้ว่า “อย่าลืม...สวมมันก่อนใส่มันเข้าไป”
2. เจงกิสข่าน
มองโกล เรารู้จักพวกเขา เรารักพวกเขา เราเกลียดพวกเขา แต่มันให้บังเอิญว่าเราหลายคนอาจเป็นญาติของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา
จากการศึกษา DNA เมื่อเร็วๆ นี้เปิดเผยว่าอาจมีผู้ชายจำนวนมากมายมหาศาลที่มีกรรมพันธุ์เดียวกันกับ เจงกิสข่าน จากการประมาณการณ์ พบว่า 1 ใน 200 ของผู้ชายทุกคนสืบเชื้อสายมาจากข่านผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ซึ่งรวมแล้วเป็นจำนวน 16 ล้านคน
ตัวเลขนี้อาจดูไม่น่าเชื่อ แต่ในศตวรรษที่ 13 นั้น ยีนรวมของมนุษย์มีจำนวนน้อยกว่าปัจจุบันนี้มาก และดูเหมือนว่าเจงกิสข่านใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเขาในการมีเซ็กซ์กับผู้หญิงมากหน้าหลากหลายเผ่าพันธุ์ นักประวัติศาสตร์ไม่มีตัวเลขที่แน่นอนว่าเจงกิสข่านเป็นพ่อของลูกกี่คนในช่วงชีวิตของเขา บางคนว่าหลายร้อย แต่อีกหลายคนให้ตัวเลขว่าหลายพัน
มีเพียงลูกๆ 4 คนเกิดจากมเหสีของพระองค์เท่านั้นที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ เพราะพวกเขาเป็นทายาทอันแท้จริงของเจงกิสข่านที่มองเห็นเป็นตัวเป็นตน และแน่นอนว่าพวกเขาทั้ง 4 ก็ทำหน้าที่แพร่DNAของมองโกลต่อไป
ตูชิ ราชบุตรองค์โตของท่านข่านมีบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย 40 องค์และเป็นไปได้ว่ามีลูกนอกสมรสอีกมากกว่านั้นที่ตกสำรวจ กุบไลข่าน หลานปู่ของเจงกิสข่านมีราชบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย 22 องค์ จากมเหสีและสนมของพระองค์ กล่าวกันว่ามีผู้หญิง 30 คนมาเพิ่มในฮาเร็มของพระองค์ทุกปี ด้วยตัวเลขดังกล่าว มันก็ง่ายที่จะเห็นว่าคน 16 ล้าน สืบเชื้อสายมาจากผู้ชายคนเดียวนี้ได้อย่างไร
3. อัล คาโปน
อัล คาโปน เป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียของอเมริกา เขาแผ่อิทธิพลด้านอาชญากรรมและการค้าของเถื่อนผิดกฎหมายไปทั่วชิคาโกในทศวรรษที่ 1920 และ 30 หลังจากหลายปีแห่งการเป็นเจ้าพ่อเหล้าเถื่อนโชคของคาโปนก็หมดลง
ในที่สุดเมื่อรัฐบาลกลางตั้งข้อหาที่สามารถเอาผิดกับเขาได้อย่างแท้จริง นั่นก็คือ การหลีกเลี่ยงภาษี ในการจับกุมครั้งแรก เขาถูกส่งไปยังเรือนจำแอตแลนตา จากนั้นก็ถูกย้ายไปอยู่ในคุกอัลคาทราสอันโด่งดัง อัล คาโปน พยายามทำตัวเป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี เพื่อจะได้ออกจากคุกก่อนเวลา 11 ปี ตามคำพิพากษา
ในขณะที่ยุทธศาสตร์การเป็นคนดีของเขาได้ผล แต่ อัล คาโปน ไม่สามารถชื่นมื่นกับชัยชนะของเขาต่อระบบยุติธรรมของสหรัฐฯได้อย่างเต็มที่ ศัตรูของประชาชนคนนี้พบจุดจบของเขาในวันที่ 25 มกราคม 1947 เมื่อซิฟิลิสขั้นสุดท้ายคุกคามเขา เครือข่ายอาชญากรรมสุดท้ายของเขาล่มสลายก่อนที่เขาจะถูกฝังลงในดินด้วยซ้ำ
3. คินซีย์กับงานวิจัยของเขา
อัลเฟรด คินซีย์ เป็นนายแพทย์ชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการนับถือ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านถุงน้ำดี แต่เขาเลิกทุกอย่างหมดเพื่อทุ่มเทให้กับอีกแขนงหนึ่งซึ่งมีความจำเป็นมากกว่าและเป็นที่ถกเถียงเป็นอย่างมาก นั่นก็คือเรื่องทางเพศของมนุษย์
คินซีย์ เริ่มสอนวิชาที่ว่าด้วยการสมรส ตามการร้องขอของทางมหาวิทยาลัย นักศึกษาซึ่งคิดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ จึงถามเขาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ เมื่อเขาเห็นว่านักศึกษาส่วนใหญ่มีความสับสนและกลัวเรื่องเซ็กซ์เป็นอย่างมาก และเมื่อคินซีย์ไม่สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ เขาจึงทำการวิจัยวิชานี้
พูดมันง่ายกว่าทำ ในทศวรรษที่ 30, 40, และ 50 นั้น เป็นยุคมืดสำหรับเรื่องเซ็กซ์ และคินซีย์ต้องเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามจากทุกด้าน บางคนเรียกเขาว่าไอ้กามวิปริต ที่ใช้วิทยาศาสตร์เพื่อตอบสนองความระทึกใจของตนเอง บางคนเรียกเขาว่าคนไร้ศีลธรรม และพ่อผู้เคร่งศาสนาของเขาเองก็รู้สึกพิศวงงงงันกับเรื่องที่ลูกชายของเขาสนใจ ในช่วงคลั่งคอมมิวนิสต์ของปี 1954 คินซีย์ถูกกล่าวหาว่ากำลังพยายามบ่อนทำลายอเมริกาและประชาธิปไตยด้วยข้อมูลข่าวสารอันวิปริต
แม้กระนั้นหนังสือ SEXUAL BEHAVIOR IN THE HUMAN MALE (พฤติกรรมทางเพศในมนุษย์ผู้ชาย) ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกของเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล และมียอดขาย 500,000 เล่ม สหรัฐฯจึงดังกระหึ่มด้วยเซ็กซ์ตั้งแต่บัดนั้น ไม่เคยมีข้อมูลข่าวสารและยอดขายหนังสือเกี่ยวกับเซ็กซ์ที่แพร่หลายในท้องตลาดอย่างมากมายเช่นนี้มาก่อน
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
มนุษย์เราเกิดมาได้ยังไง? ถ้าคุณถามคำถามนี้เมื่อ 20 ปีก่อนตอนคุณเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ของคุณก็จะตอบว่าคุณเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งคุณก็เชื่อ
แต่พอโตขึ้นมาคุณก็รู้ว่ามนุษย์เกิดมาจากการมีเซ็กซ์ของชายหญิงคู่หนึ่ง ดังนั้นถ้าจะถามว่า มนุษย์เกิดมาทำไม คำตอบอาจมีหลายอย่าง แต่คำตอบสุดท้ายก็คือ มนุษย์เกิดมาเพื่อสืบพันธุ์กัน จนกระทั่งมีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มโลกอย่างทุกวันนี้
เพราะฉะนั้น เซ็กซ์จึงมีอิทธิพลมากพอที่จะเปลี่ยนทิศทางของประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของมนุษย์ ดังที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้
1. กามโรคในมหาสงคราม
เมื่อมองย้อนกลับไปดูคำสูญเสียที่เกิดขึ้นในระหว่างสงคราม หลายคนคิดว่ามันเกิดจากระเบิด กระสุนปืนและความบาดเจ็บในการสู้รบ
แต่ในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีความตายที่น่ากลัวยิ่งกว่าการถูกฆ่าด้วยอาวุธใดๆ หรือแม้แต่อาวุธเคมี ทุกวันมีทหารบาดเจ็บล้มตาย 18,000 คนในสนามรบด้วยเชื้อกามโรค
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 โกโนเรียและซิฟิลิสทำลายล้างกองทหารอย่างไม่ปรานี แม้จะมียาเพนิซิลลินที่ช่วยรักษาได้ แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของกามโรคทั้งสองนี้
ก่อนที่ทหารจะบุกเข้าไปในดินแดนต่างประเทศและแพร่เชื้อกามโรคให้แก่ผู้หญิงในประเทศนั้นๆ พวกทหารเหล่านั้นก็ติดเชื้อมาจากผู้หญิงในประเทศของตนมาแล้วด้วยซ้ำ สงครามกลางเมืองอเมริกามีการหลั่งเลือดมากมาย น้องต้องรบกับพี่ พี่ต้องรบกับซ่องนางโลม
พวกผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์จะติดตามไปในกองทัพ และกลายเป็นโสเภณีเมื่อโอกาสเปิด ผลลัพธ์ก็ชัดเจนและแพร่หลาย กล่าวคือ ทหารกว่า 100,000 คน ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองใน และประมาณ 80,000 คน เป็นซิฟิลิส
มันจึงมีโปสเตอร์อันโด่งดังของสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเขียนข้อความเตือนใจไว้ว่า “อย่าลืม...สวมมันก่อนใส่มันเข้าไป”
2. เจงกิสข่าน
มองโกล เรารู้จักพวกเขา เรารักพวกเขา เราเกลียดพวกเขา แต่มันให้บังเอิญว่าเราหลายคนอาจเป็นญาติของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา
จากการศึกษา DNA เมื่อเร็วๆ นี้เปิดเผยว่าอาจมีผู้ชายจำนวนมากมายมหาศาลที่มีกรรมพันธุ์เดียวกันกับ เจงกิสข่าน จากการประมาณการณ์ พบว่า 1 ใน 200 ของผู้ชายทุกคนสืบเชื้อสายมาจากข่านผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ซึ่งรวมแล้วเป็นจำนวน 16 ล้านคน
ตัวเลขนี้อาจดูไม่น่าเชื่อ แต่ในศตวรรษที่ 13 นั้น ยีนรวมของมนุษย์มีจำนวนน้อยกว่าปัจจุบันนี้มาก และดูเหมือนว่าเจงกิสข่านใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเขาในการมีเซ็กซ์กับผู้หญิงมากหน้าหลากหลายเผ่าพันธุ์ นักประวัติศาสตร์ไม่มีตัวเลขที่แน่นอนว่าเจงกิสข่านเป็นพ่อของลูกกี่คนในช่วงชีวิตของเขา บางคนว่าหลายร้อย แต่อีกหลายคนให้ตัวเลขว่าหลายพัน
มีเพียงลูกๆ 4 คนเกิดจากมเหสีของพระองค์เท่านั้นที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ เพราะพวกเขาเป็นทายาทอันแท้จริงของเจงกิสข่านที่มองเห็นเป็นตัวเป็นตน และแน่นอนว่าพวกเขาทั้ง 4 ก็ทำหน้าที่แพร่DNAของมองโกลต่อไป
ตูชิ ราชบุตรองค์โตของท่านข่านมีบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย 40 องค์และเป็นไปได้ว่ามีลูกนอกสมรสอีกมากกว่านั้นที่ตกสำรวจ กุบไลข่าน หลานปู่ของเจงกิสข่านมีราชบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย 22 องค์ จากมเหสีและสนมของพระองค์ กล่าวกันว่ามีผู้หญิง 30 คนมาเพิ่มในฮาเร็มของพระองค์ทุกปี ด้วยตัวเลขดังกล่าว มันก็ง่ายที่จะเห็นว่าคน 16 ล้าน สืบเชื้อสายมาจากผู้ชายคนเดียวนี้ได้อย่างไร
3. อัล คาโปน
อัล คาโปน เป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียของอเมริกา เขาแผ่อิทธิพลด้านอาชญากรรมและการค้าของเถื่อนผิดกฎหมายไปทั่วชิคาโกในทศวรรษที่ 1920 และ 30 หลังจากหลายปีแห่งการเป็นเจ้าพ่อเหล้าเถื่อนโชคของคาโปนก็หมดลง
ในที่สุดเมื่อรัฐบาลกลางตั้งข้อหาที่สามารถเอาผิดกับเขาได้อย่างแท้จริง นั่นก็คือ การหลีกเลี่ยงภาษี ในการจับกุมครั้งแรก เขาถูกส่งไปยังเรือนจำแอตแลนตา จากนั้นก็ถูกย้ายไปอยู่ในคุกอัลคาทราสอันโด่งดัง อัล คาโปน พยายามทำตัวเป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี เพื่อจะได้ออกจากคุกก่อนเวลา 11 ปี ตามคำพิพากษา
ในขณะที่ยุทธศาสตร์การเป็นคนดีของเขาได้ผล แต่ อัล คาโปน ไม่สามารถชื่นมื่นกับชัยชนะของเขาต่อระบบยุติธรรมของสหรัฐฯได้อย่างเต็มที่ ศัตรูของประชาชนคนนี้พบจุดจบของเขาในวันที่ 25 มกราคม 1947 เมื่อซิฟิลิสขั้นสุดท้ายคุกคามเขา เครือข่ายอาชญากรรมสุดท้ายของเขาล่มสลายก่อนที่เขาจะถูกฝังลงในดินด้วยซ้ำ
3. คินซีย์กับงานวิจัยของเขา
อัลเฟรด คินซีย์ เป็นนายแพทย์ชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการนับถือ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านถุงน้ำดี แต่เขาเลิกทุกอย่างหมดเพื่อทุ่มเทให้กับอีกแขนงหนึ่งซึ่งมีความจำเป็นมากกว่าและเป็นที่ถกเถียงเป็นอย่างมาก นั่นก็คือเรื่องทางเพศของมนุษย์
คินซีย์ เริ่มสอนวิชาที่ว่าด้วยการสมรส ตามการร้องขอของทางมหาวิทยาลัย นักศึกษาซึ่งคิดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ จึงถามเขาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ เมื่อเขาเห็นว่านักศึกษาส่วนใหญ่มีความสับสนและกลัวเรื่องเซ็กซ์เป็นอย่างมาก และเมื่อคินซีย์ไม่สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ เขาจึงทำการวิจัยวิชานี้
พูดมันง่ายกว่าทำ ในทศวรรษที่ 30, 40, และ 50 นั้น เป็นยุคมืดสำหรับเรื่องเซ็กซ์ และคินซีย์ต้องเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามจากทุกด้าน บางคนเรียกเขาว่าไอ้กามวิปริต ที่ใช้วิทยาศาสตร์เพื่อตอบสนองความระทึกใจของตนเอง บางคนเรียกเขาว่าคนไร้ศีลธรรม และพ่อผู้เคร่งศาสนาของเขาเองก็รู้สึกพิศวงงงงันกับเรื่องที่ลูกชายของเขาสนใจ ในช่วงคลั่งคอมมิวนิสต์ของปี 1954 คินซีย์ถูกกล่าวหาว่ากำลังพยายามบ่อนทำลายอเมริกาและประชาธิปไตยด้วยข้อมูลข่าวสารอันวิปริต
แม้กระนั้นหนังสือ SEXUAL BEHAVIOR IN THE HUMAN MALE (พฤติกรรมทางเพศในมนุษย์ผู้ชาย) ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกของเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล และมียอดขาย 500,000 เล่ม สหรัฐฯจึงดังกระหึ่มด้วยเซ็กซ์ตั้งแต่บัดนั้น ไม่เคยมีข้อมูลข่าวสารและยอดขายหนังสือเกี่ยวกับเซ็กซ์ที่แพร่หลายในท้องตลาดอย่างมากมายเช่นนี้มาก่อน
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net