xs
xsm
sm
md
lg

“หนิง-ภควดี” คนคลั่งแอร์เมส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หนิง-ภควดี อมรพิทักษ์
เชื่อว่ามีหลายคนเลือกที่จะสะสมสิ่งของ โดยเน้นที่ปริมาณ ราคาค่างวด หรือเพียงเพราะความลุ่มหลงตามกระแสแฟชั่น แต่สำหรับสาวน้อยหน้าใส หนิง-ภควดี อมรพิทักษ์กูล ทายาทแพรนด้า จิวเวลรี่ ผู้นี้ เธอเลือกที่จะสะสมแอร์เมส เบอร์กิน กระเป๋าในตำนานสุดหรูใบโปรด ด้วยความรัก ความชื่นชอบ รวมถึงประโยชน์ทั้งได้ใช้สอยและมูลค่าเพิ่มขึ้นตามวันเวลาที่ผันผ่านอีกด้วย

 
หนิง-ภควดี ภริยาหมอแบงก์-นพ.ธเนศ อมรพิทักษ์กูล แพทย์แผนปัจจุบันและผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีนเจ้าของ Herb Plus Clinic เปิดบ้านหลังงามกลางซอยสวนหลวง ให้เราได้เข้าไปแอบดูโลกส่วนตัว พร้อมพุดคุยถึงกระเป๋าและรองเท้า ของรักของหวงของเธออย่างเป็นกันเอง

หนิง เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการสะสมกระเป๋าแบรนด์เนม มาจากการสอนสั่งของคุณแม่สาวิตรี ซึ่งจบด้านดีไซน์มา มักจะสอนให้เธอแต่งตัวเป๊ะเวอร์แบบเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าจะต้องเข้าชุดกัน และต้องเป็นสีเดียวกัน ซึ่งหนิงก็ปฏิบัติตามทุกประการ โดยเฉพาะ กระเป๋าและรองเท้า ที่จะเลือกใช้แต่ของแบรนด์เนมเท่านั้น

ครั้นเมื่อเรียนจบเข้าทำงาน เธอก็เลือกหากระเป๋าในแบบที่ชอบ โดยกระเป๋าแบรนด์เนมใบแรกเป็น กระเป๋าชาแนล และใบต่อมาเป็น แอร์เมส ซึ่งหลังจากที่ได้ใช้กระเป๋าแบรนด์เนมใบหรู ที่สาวทั่วโลกคลั่งไคล้แล้ว ทำให้เธอหลงรักทันที

 
“ที่หนิงชอบกระเป๋าแอร์เมส เพราะสีสวยและความเรียบคลาสสิก ซื้อมาใบแรกเป็นหนังโทโกสีฟ้า ใช้แล้วปรากฏว่าเข้ากันได้กับเสื้อผ้าทุกสี ดูดีโดยที่ไม่ต้องมาจัดอะไรมากมาย ก็ชอบตรงสะดวกไม่ต้องคิดมาก เลือกกระเป๋าให้เข้ากับเสื้อและรองเท้า พอใช้ไปใช้มามีคนมาเห็นก็ขอซื้อ ปรากฏว่าเมื่อขายราคาก็ไม่ตกเหมือนกระเป๋าใบอื่น ยิ่งทำให้ชอบมากขึ้น”

จากนั้นเป็นต้นมา หนิงก็สวมวิญญาณซื้อมาขายไป เพราะได้เปลี่ยนกระเป๋าใบใหม่อยู่ตลอด และพอหิ้วเบื่อแล้วนำไปขายก็ได้กำไรอีกด้วย นอกจากความคลาสสิกเรื่องสีสันและรูปทรง ที่ทำให้เธอลุ่มหลงแล้ว ความประณีตในการตัดเย็บ ก็เป็นจุดโดดเด่นของกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อนี้ โดยแต่ละใบต้องใช้เวลาในการตัดเย็บนานมาก เพราะเย็บมือด้วยความประณีตและละเอียดอ่อน โดยช่างทำกระเป๋าแอร์เมสแต่ละคนต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างน้อย 3 ปี จึงจะได้รับอนุญาตให้ผลิตกระเป๋าได้ อาทิ กระเป๋าเบอร์กิน ช่างจะต้องใช้เวลาในการเย็บกระเป๋าไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมง ขณะที่กระเป๋ารุ่นเคลลี่ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 16 ชั่วโมง ก็เป็นอีกสิ่งที่เธอทึ่ง

“หนิงว่าความยากตรงนี้ ทำให้แอร์เมสเป็นกระเป๋าที่กว่าจะซื้อได้แต่ละใบ ต้องใช้เวลานาน ทุกวันนี้ก็ยังมีคนต่อคิวซื้อกระเป๋าที่ปารีสมากมาย ราคาก็ขึ้นอยู่กับหนังที่ใช้ทำ ถ้าหนังธรรมดาก็ราว 3 แสนบาท ถ้าเป็นหนังจระเข้ หนังนกกระจอกเทศ หรือตะกวด ก็จะมีราคาสูงขึ้นตามลำดับ”

 
สำหรับกระเป๋าใบโปรดของเธอนั้น ต้องยกให้เป็น “เบอร์กินหนังจระเข้สีดำ” ที่ยากตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตและการหาซื้อ โดยหนังจระเข้ที่แอร์เมสใช้เป็นพันธุ์นิโครติน ที่มีอายุประมาณ 11 ปี เวลาเลี้ยงจะต้องทะนุถนอม เลี้ยงโดยไม่มีใครรู้ได้เลยว่า หนังจระเข้แต่ละตัวนั้นจะออกมาดีหรือไม่ จึงไม่แปลกที่หนังจระเข้รุ่นนี้จะมีราคาสูงถึงใบละล้านเศษ และกว่าจะได้มาก็ต้องหอบเงินพร้อมพาสามีเดินตามหานานพอควร

“ใบนี้อยากได้มาก ไปหาซื้อที่ญี่ปุ่น ชวนคุณหมอไปเดินหาซื้อกันจนเหนื่อย ตอนนั้นเกรงใจคุณหมอมากที่ต้องมาทนลำบากกับหนิง เราเข้า-ออกหลายร้านมาก สุดท้ายก็ถอดใจกลับถึงเมืองไทยเลยสั่งซื้อกับตัวแทนกระเป๋า รอประมาณเดือนเศษก็ได้ของ ทุกวันนี้เวลาจะซื้อกระเป๋า หนิงก็จะสั่งร้านหรือตัวแทนฮันเตอร์กระเป๋าแบรนด์ ไม่คิดเปิดบิลซื้อของครบ 5 แสน หรือ 1 ล้านบาท เพื่อใช้สิทธิ์ ส่วนรุ่นซื้อยาก หนิงก็โชคดีที่เพื่อนคุณแม่เป็นวีไอพีญี่ปุ่น ฮ่องกง ฝรั่งเศส เขารู้ว่าหนิงชอบก็ฝากท่านซื้อค่ะ”

 
หนิงยังกล่าวแบบถ่อมตัวว่า ทุกวันนี้เธอมีแอร์เมสครอบครองไม่มากนัก หากเทียบกับสาวกตัวจริง โดยขณะนี้มีเก็บจริงเพียงแค่ 10 กว่าใบ ราคาตั้งแต่หลักแสนถึงล้านกว่าบาท ไม่นับแอคเซสเซอรี่ทั้งผ้า และพวงกุญแจ

ส่วนวิธีเก็บรักษานั้นหนิงบอกว่า แอร์เมสเป็นกระเป๋าที่ดูแลค่อนข้างยาก เวลาใช้ต้องระวังไม่ให้โดนน้ำ เพราะจะเป็นรอยด่าง เมื่อกลับบ้านก็นำมาเช็ดก่อนนำไปเก็บเข้าห้อง

หนิงยอมรับว่า กระเป๋าที่เธอใช้อาจมีราคาแพงเมื่อเทียบกับของชิ้นอื่น และทุกครั้งที่ซื้อก็จะถูกสายตาดุเล็กๆ ทั้งจากพ่อ-แม่ และสามี ทำให้เธอต้องอธิบายอย่างละเอียดว่า คุณภาพของกระเป๋าที่เธอหมดเงินแลกซื้อมานั้นคุ้มค่าเพียงใด ซึ่งกว่าทุกคนจะเข้าใจก็ใช้เวลาพอควร “ตอนนี้ไม่มีใครว่าแล้ว เพราะทุกคนเห็นของก็เข้าใจ อีกอย่างหนิงซื้อด้วยเงินเก็บของตัวเอง เลือกเฉพาะของที่ชอบจริงๆ ไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่เวลาซื้อต้องบอกอีกราคาค่ะ (หัวเราะ)”

 
สำหรับกระเป๋าแอร์เมสในใจอีกใบที่เธอบอกอยากได้นักหนาคือ รุ่น ''หิมาลายัน'' (HIMALAYAN) รุ่นพิเศษ ที่ทำจากหนังจระเข้ชั้นดีเลี้ยงในบ่อที่ปูด้วยหินอ่อน เพื่อให้หนังจระเข้ไม่เป็นริ้วรอยเวลาว่ายไถลไปตามพื้น และสีของกระเป๋าจะเหมือนสีของยอดภูเขาหิมาลัยที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาว สนนราคาประมาณใบละ 3 ล้านบาท

“อยากได้มากๆ สิ้นปีจะไปเที่ยวญี่ปุ่น หนิงยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ครอบครองหรือไม่ เพราะราคาก็หนักอยู่สำหรับหนิง” สาวน้อยหน้าใสกล่าวทิ้งท้าย พร้อมรอยยิ้มแสนหวานและสายตาออดอ้อนไปทางนายแพทย์หนุ่มผู้เป็นสามี

กำลังโหลดความคิดเห็น