ดัชเชสแห่งอัลบา พระบรมวงศ์สตรีชั้นสูงสุดของยุโรป สิ้นพระชนม์แล้วเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ด้วยพระชันษา 88 ปีที่พระตำหนักส่วนพระองค์ในเมืองเซบีญา โดยผู้แจ้งข่าวนี้คือ ฆวน อิกนาซิโอ โซอิโด นายกเทศมนตรีของเมืองเซบีญา
ดัชเชสแห่งอัลบา หรือ ดัชเชสจอมซ่า ทรงมีพระนามเต็มว่า มารีอา เดล โรซาริโอ คาเยตาน่า อัลฟอนซ่า วิคตอรีอา อูเจเนีย ฟรานซิสก้า ฟิตซ์-เจมส์ สจ๊วต อี ดา ซิลว่า และยังมีฐานันดรมากกว่า 40 ตำแหน่ง ซึ่งล้วนผูกพันกับทุกราชวงศ์ในยุโรป ซึ่งถือได้ว่าทรงเป็นเจ้านายสตรีพระองค์เดียว ที่มีฐานันดรและทรัพย์ศฤงคารมากที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งฐานันดรและพระนามของพระองค์ ถูกจารึกไว้ในกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด เป็นที่เรียบร้อย
และจากฐานันดรอันสูงส่งของพระองค์ ในฐานะทายาทของราชวงศ์แห่งอัลบ้า ที่สืบทอดมากว่า 5 ศตวรรษ ส่งผลให้ทรงมีฐานันดรที่สูงส่งขนาดไม่ต้องคุกพระชงฆ์ต่อองค์พระสันตะปาปา และยังมีสิทธิพิเศษที่ไม่ต้องทรงพระดำเนิน หากแต่สามารถทรงม้าเข้าสู่มหาวิหารแห่งเซบีญ่าอีกด้วย
แน่นอนที่สุดว่า เมื่อทรงมั่งคั่งทั้งทรัพย์สินและฐานันดรขนาดนี้ เมื่อทรงอยู่ในวัยสาว ย่อมต้องเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั่วทั้งยุโรป โดยเป็นที่รู้จักในวงสังคมชั้นสูงของอังกฤษ เมื่อครั้งที่พระบิดาคือ ดยุคแห่งอัลบ้า ทรงได้รับตำแหน่งเอกอัครราชทูตของสเปน ประจำราชสำนักเซนต์ เจมส์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ II
ดัชเชสแห่งอัลบ้าทรงเข้าพิธีเสกสมรสครั้งแรกกับ เปโดร หลุยส์ มาร์ติเนซ เดอ อิรูโฆ อี อาร์ตาซคอซ ดยุคแห่ง โซโตเมยอร์ โดยงานพิธีเสกสมรสครั้งนี้ หนังสือพิมพ์ ”นิวยอร์ค ไทมส์” ถึงกับนำไปลงพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งว่า เป็นงานแต่งงานที่แพงที่สุดในโลกทีเดียว
หลังจากครองรักกันมานานกว่า 20 ปี ในปี ค.ศ. 1972 พระสวามีก็สิ้นพระชนม์ รักครั้งใหม่ของดัชเชสเป็นหนุ่มสามัญชน เจซูซ อากิเร อี ออร์ติซ เดอ ซาราเต อดีตนักบวชนิกายเยซูอิต ที่มีวัยอ่อนกว่าถึง 11 ปี แต่ทั้งคู่ก็ครองรักกันจนถึงปี 2001 ฝ่ายชายก็เสียชีวิต ซึ่งดัชเชสแห่งอัลบาได้ครองตัวเป็นม่ายมาอีกถึงสิบปี จึงเข้าพิธีสมรสอีกครั้ง กับน้องชายของพระสวามีคนที่สอง ที่มีวัยอ่อนกว่าพระองค์ถึง 25 ปี ท่ามกลางเสียงคัดค้านของพระโอรสและพระธิดาที่เกิดจากพระสวามีพระองค์แรก ที่ไม่ต้องการตัวหารในกองมรดกของพระองค์ จนอัลฟองโซ ดิเอซ คาราบานเตซ สามีคนใหญ่ต้องทำเอกสารรับรองว่า จะไม่เรียกร้องมรดกใดๆ จากฝ่ายหญิงที่มีมูลค่าทั้งหมดประมาณ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ พิธีแต่งงานครั้งที่สามจึงลุล่วงไปได้
ในวันสมรสนั้น ดัชเชสออกอาการดีพระทัยอย่างออกนอกหน้า ด้วยการทรงฉลององค์สีชมพูและทรงเต้นระบำฟลาเมงโก้อวดแขกเหรื่อที่มาในงาน เพื่อยืนยันว่าสุขภาพยังแข็งแรงพอที่จะมีสามีหนุ่มได้อีกครั้ง
ทั้งสองครองรักกันมาได้เพียง 3 ปี ในที่สุด ดัชเชสแห่งอัลบาก็สิ้นพระชนม์โดยมีสามีคนที่ 3 ดูแลอย่างใกล้ชิด