xs
xsm
sm
md
lg

ภัทรพรรณ-ภัทรพร สาลีรัฐวิภาค เพราะพอเพียงจึงมีเพียงพอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นก-ภัทรพรรณ (ซ้าย)และ ณัฐ-ภัทรพร (ขวา) สาลีรัฐวิภาค ลูกสาวฝาแฝด 2 คนเล็กของ พีระพันธ์ และ สุนงค์ (โทณวณิก) สาลีรัฐวิภาค
 
ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เผชิญการชี้นำของทุนนิยมและสังคม ที่ให้ความสำคัญกับวัตถุแล้ว ใครจะเชื่อว่าทายาทนักการเมืองดัง อย่าง นก-ภัทรพรรณ และ ณัฐ-ภัทรพร สาลีรัฐวิภาค หลานสาวฝาแฝดของ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เจ้าของโรงแรมดุสิตธานี จะกลับเลือกที่จะยึดมั่นกับหลักคำสอนของผู้ใหญ่อย่างจริงจัง เน้นใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยานอย่างที่เด็กสาวทั่วไปควรจะเป็น

นก-ภัทรพรรณ และ ณัฐ-ภัทรพร เป็นลูกสาวฝาแฝด 2 คนเล็กของ พีระพันธ์ และ สุนงค์ (โทณวณิก) สาลีรัฐวิภาค เจ้าของเพนนินซูล่า พลาซ่า โดย แฝดผู้พี่ ณัฐ-ภัทรพร กำลังศึกษาวิชาเอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ Pepperdine University ลอสแองเจลิส ส่วนแฝดน้อง นก-ภัทรพรรณ กำลังศึกษาการออกแบบภายใน ที่ Pratt Institute นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

 
ทั้งสองเปิดมุมมองเรื่องราวการใช้ชีวิตของเธอให้เราฟังว่า แม้จะเติบโตมากับคุณพ่อ-คุณแม่ และคุณยาย (ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย) แต่ไม่เคยถูกบังคับ หรือวาดหวังให้ต้องมาทำงานการเมือง “ที่บ้านทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้บังคับเรื่องการเรียน หรือโตขึ้นต้องทำงานอะไร เราสองคนก็คิดเรื่องเดียวคือตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ที่ณัฐเลือกเรียนรัฐศาสตร์ อาจเป็นเพราะมีโอกาสเห็นคุณพ่อทำงาน เห็นการเมืองไทยแล้วรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง”

แต่กระนั้นแฝดผู้พี่ก็มั่นใจว่า คงไม่ลงเล่นการเมืองเด็ดขาด แต่ที่สนใจเรียนรัฐศาสตร์เพราะคิดว่า จบมาแล้วคงทำงานในองค์กรไหนสักแห่ง ที่สามารถทำประโยชน์ต่อสังคมได้บ้าง ขณะที่ แฝดผู้น้อง นก บอกว่า ที่เธอเลือกเรียนตกแต่งภายในเพราะชื่นชอบงานออกแบบ เมื่อจบแล้วก็อยากมาปรับปรุงโรงแรมให้มีอะไรมากขึ้น แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต เพราะความจริงแล้วโรงแรมของคุณยายมีทุกอย่างที่ดีอยู่แล้ว

 
เห็นเป็นเด็กนอกอย่างนี้ แต่ทั้งสองกลับยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีไทย โดยได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณยายชนัตถ์นั่นเอง นกเล่าย้อนถึงชีวิตวัยเด็กที่ผูกพันกับคุณยายว่า ตอนเด็กๆ คุณยายชอบเล่าประสบการณ์ชีวิต ให้ฟังบ่อยๆ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จักคุณค่า จนเมื่อได้เดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกาได้เห็นชีวิตหลากหลายได้เห็นวัฒนธรรมต่างชาติ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณยายสอนแล้วทำให้รู้ว่า วัฒนธรรมไทยมีคุณค่ามากมาย ประสบการณ์จากคุณยายที่เคยสอนเธอทั้งสองคน สามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่

"คุณยายไม่เคยให้เราคิดว่าเป็นคนรวย แต่สอนให้เป็นคนดี มีความสุข เพราะเมื่อเติบโตขึ้น เราจะตัดสินคนอื่นด้วยคุณค่าไม่ใช่ราคา ให้เป็นคนถ่อมตัวอย่าหลงว่า ตัวเองเป็นหลานเจ้าของโรงแรม อย่าหลงว่าตัวเองมีสตางค์และห้ามดูถูกคนอื่น ซึ่งเราเองก็ไม่ชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะเวลาที่ใครมาปฏิบัติไม่ดีกับเรา เช่นถ้าบางทีไปไหนมาไหนไม่เคยบอกใครว่า เป็นหลานยายท่านผู้หญิงชนัตถ์ เพราะบางคนรู้ก็ปฏิบัติกับเราดีแต่บางคนไม่รู้ปฏิบัติไม่ดีกะเรา เราไม่ชอบตรงนี้ก็เลยจำการสอนของคุณยาย และพยายามไม่ไปทำแบบนี้กับใคร" นกเล่าให้เราฟัง

 
ณัฐยังบอกเล่าความทรงจำที่ได้รับการอบรมจากคุณยาย ในเรื่องอาหารการกินอีกว่า คุณยายสอนเรื่องการประหยัดอดออม "อย่างเรื่องอาหารคุณยายจะเน้นเสมอว่า กว่าชาวนาจะปลูกข้าวได้แต่ละเม็ด ดังนั้นตักมาแล้วก็ต้องทานให้หมด ตรงนี้ก็จำมาตลอดค่ะ"

ปัจจุบันแม้ทั้งสองจะเติบโตมากับโรงเรียนนานาชาติ และถูกหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรมฝรั่งมังค่า แต่เลือดความเป็นไทยที่ถูกปลูกฝังนั้นเข้มข้นนัก ฝาแฝดคนสวยบอกว่า ทุกวันนี้พยายามจะสวมใส่ผ้าไทยเพื่อเป็นตัวอย่างกับคนรุ่นเดียวกัน ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ตอนนี้สิ่งไหนที่ทำแล้วสบายใจ หรือมีส่วนช่วยเผยแพร่ความเป็นไทยเธอก็จะทำ อย่างเช่น การนำผ้าไทยอย่างผ้าไหมและผ้าพื้นเมืองมาตัดเสื้อผ้าใส่

“เราไม่คิดว่าการใส่ผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมือง จะทำให้เราแตกต่างหรือโดดเด่นไปกว่าคนอื่นค่ะ แต่เราใส่ด้วยความภูมิใจว่านี่คือศิลปะวัฒนธรรมไทย ซึ่งแบบนี้ฝรั่งไม่มีเหมือนเรา ตอนนี้กลับมาเมืองไทยจะชอบไปเที่ยวทางภาคเหนือกัน" สองสาวช่วยกันเล่าทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มสดใสและเป็นกันเอง

กำลังโหลดความคิดเห็น