xs
xsm
sm
md
lg

เยือนครัวเชฟสาวชื่อดัง “ดณีญา บุนนาค” เปิดสูตรเมนูสุขภาพจากน้ำมันมะพร้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>น้ำมันมะพร้าวที่มีประโยชน์และคุณสมบัติที่ดีต่อร่างกายมนุษย์เราอย่างมากมายนั้น นอกจากใช้รับประทานแบบเพียวๆ หรือนำไปประกอบอาหารแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ได้อีกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในวันนี้เราได้เชฟสาวคนสวยอย่าง “ดณีญา บุนนาค” มาแนะนำการนำน้ำมันมะพร้าว “แมน เนเจอร์” (Man Nature) มาปรุงอาหารสไตล์อาหารว่างกึ่งขนมอย่าง กราโนลา (Granola) ที่เธอยกให้เป็นสุดยอดอาหารเช้าที่เปี่ยมคุณค่าและดีต่อสุขภาพ

สาวสวยคนนี้ “นิดา-ดณีญา บุนนาค” นับเป็นเชฟขนมหวานคนเก่งที่กำลังมาแรงในฐานะ Food Blogger ที่มีแฟนๆ ติดตามผลงานของเธอผ่านโลกออนไลน์และตามหน้านิตยสารมากมาย ด้วยความที่เธอมักจะมีสูตรการทำขนมหรือของว่างสไตล์ Home Cooking แบบที่ทั้งอร่อย ดีต่อสุขภาพ และทำได้ง่ายๆ มาแบ่งปันอยู่เสมอ




สาวสวยผู้รักการทำอาหาร

บัณฑิตการโรงแรมมาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลคนนี้ ด้วยความชื่นชอบในเรื่องการทำอาหารและขนม หลังเรียนจบเธอก็เข้าศึกษาต่อคอร์สเรียนทำขนมจนจบระดับขั้นสูงสุด โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าวันนี้ความชอบนั้นจะกลายมาเป็นอาชีพอย่างจริงจังขึ้นมา

“ทุกวันนี้นิดาทำงานหลายอย่างมากค่ะ ส่วนหนึ่งคือช่วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว แล้วก็เป็นอาจารย์สอนธุรกิจการโรงแรมและร้านอาหารให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 และ 2 ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ขณะเดียวกันก็ทำงานด้านอาหารไปด้วย คือ ทำทั้ง Blog ชื่อ mysousvidelife.com และ facebook.com/mysousvidelife ที่จะคอยให้ความรู้เกี่ยวกับอาหาร แบ่งปันสูตรขนม และสอนวิธีทำต่างๆ

รวมไปถึงเป็นคอลัมนิสต์เกี่ยวกับอาหารให้กับนิตยสารหลายๆ เล่ม แล้วก็มีพวกงานโปรเจกต์ ที่นิดาเขาไปช่วยคิดเมนูใหม่ๆ ให้กับแบรนด์อาหารต่างๆ เป็นแคมเปญหรืออีเวนต์อยู่เรื่อยๆ ที่สำคัญในช่วงประมาณเดือนสิงหาคมนี้ กำลังจะมีพ็อกเกตบุ๊กที่ชื่อว่า Sweetness ซึ่งรวบรวมสูตรขนมของนิดาออกวางขายค่ะ”

นั่นนับเป็นโปรเจกต์ใหญ่ชิ้นสุดท้ายก่อนที่เชฟสาวคนสวยนี้จะลาไปเรียนต่อปริญญาโททางด้าน MBA ที่สหรัฐอเมริกาในอีก 2 เดือนนี้ แต่กระนั้นแฟนๆ ทั้งหลายก็ไม่ต้องเศร้าไป เพราะสาวนิดาบอกว่าถึงแม้ตัวจะจากไปไกลแต่ยังมีผลงานให้เห็นกันผ่านคอลัมน์ต่างๆ และจะคอยอัปเดต Blog อยู่ตลอด ไม่ทิ้งไปไหน”

สูตรอาหารง่ายๆ ทำเองได้ที่บ้าน

สไตล์การทำของนิดาจะเป็นแนว Comfort Food เป็นขนมที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องประดิดประดอยตกแต่งอะไรมากมาย ทำให้คนที่อ่านหรือดูวิดีโอแล้วสามารถเอาไปทำเองได้

“การทำเพจหรือคอลัมน์ของนิดา คือ อยากให้ดูแล้วเอาไปทำตาม มักจะเป็นเมนูที่จับต้องได้ ใครก็สามารถทำเองในครัว ไม่ต้องการทักษะอะไรเยอะ ที่สำคัญคือจะไม่มีการกั๊กสูตรเลย บอกหมดว่าต้องเท่าไร ทำอะไร กี่นาที เพราะนิดาเข้าใจหัวอกคนอ่านดี จากที่เคยมีประสบการณ์ เวลาทำตามสูตรต่างๆ แล้วพบปัญหาว่า สูตรที่เขียนไม่ครบ หรืออธิบายไม่ละเอียด เราก็ไปต่อไม่ถูก...

พอมาเป็นคนเขียนเอง ก็ตั้งใจเลยว่า จะเขียนหมดเลยทุกขั้นตอน เพราะอยากให้คนอ่านเอาไปทำได้จริงๆ ไม่ใช่แค่มาเปิดดูภาพขนมสวยๆ เท่านั้น และถ้าใครมีปัญหาหรืออ่านแล้วยังไม่เคลียร์ สามารถสอบถามนิดาได้ผ่านทั้งทาง Blog หรือเฟซบุ๊กเพจ นิดาพร้อมตอบให้หมด”

สูตรทั้งหลายที่เธอทำ มักจะเป็นเมนูที่มีความผูกพันกับเธอ นั่นคือถ้าไม่เป็นเมนูที่เธอชอบรับประทาน ก็จะเป็นเมนูที่เธอมักทำให้กับคนในครอบครัวทาน เหมือนอย่างเมนูที่เธอจะมาแนะนำให้เรารู้จักกันในวันนี้ ก็เป็นเมนูอาหารเช้าสุดโปรดที่เธอและครอบครัวรับประทานมาอยู่เป็นประจำอย่าง กราโนลา (Granola)

Granola เมนูสุขภาพ

“นิดารับประทานกราโนลามาตั้งแต่เด็กแล้ว ยิ่งตอนเรียนที่สหรัฐอเมริกาก็จะเลือกทานเป็นอาหารเช้าแทบทุกวัน เพราะทำได้รวดเร็ว ง่าย สะดวกมาก ที่สำคัญได้สารอาหารครบ และมีคุณค่าทางโภชนาการดีกว่าซีเรียลด้วย ดีต่อสุขภาพมากกว่ากันเยอะ เพราะซีเรียลจะหนักไปทางแป้งและน้ำตาล”

แต่สำหรับเมนูกราโนลาที่สาวนิดาทำเองนี่ เธอจะเลือกสรรวัตถุดิบเพิ่มเติมให้ Healthy ขึ้นได้ ด้วยการเติมทั้งถั่ว โปรตีน หรือผลไม้เติมเข้าไปด้วย

“คนส่วนใหญ่มักจะคิดกันว่าถ้าอยากสุขภาพดีต้องไม่งดหวาน อย่ากินแป้ง หรือต้องงดการใส่น้ำมัน แต่ที่จริงกินของพวกนี้ได้นะคะ แต่รู้จักเลือกกิน อย่างความหวานก็ให้ใช้น้ำผึ้ง หรือถ้าเป็นแป้ง ก็ใช้พวกข้าวโอ๊ตที่ไม่ได้เป็นแป้งขัดขาว ส่วนไขมัน ก็แบบพวกถั่ว ที่สำคัญคือการเลือกใช้น้ำมันมะพร้าว ก็สามารถรับประทานได้ไม่เสียสุขภาพแต่อย่างใด”

สารพัดประโยชน์น้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัว นั่นคือการที่องค์ประกอบที่เป็นกรดไขมันส่วนใหญ่จะไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน หรือ ไฮโดรเจนเพิ่มเติมแล้ว ทำให้เมื่อโดนความร้อนแล้วไม่เปิดช่องให้อนุมูลอิสระเข้าโจมตี ขณะเดียวกันก็ไม่กลายสภาพเป็นไขมันทรานส์ที่จะเป็นคราบเหนียวๆ ก่อให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน และโรคมะเร็ง และด้วยความที่น้ำมันมะพร้าวมีสัดส่วนของกรดไขมันสายปานกลางมากที่สุด ต่างจากไขมันจากพืชและสัตว์ชนิดอื่นที่เป็นกรดไขมันสายยาว ทำให้น้ำมันมะพร้าวสามารถดูดซึมเป็นพลังงานเพิ่มอัตราการเผาผลาญกับร่างกายได้เร็วและดีที่สุดโดยไม่ตกค้าง ซึ่งต่างจากไขมันทุกชนิด

โดยนอกจากสาวนิดาจะเลือกใช้น้ำมันมะพร้าวในการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีแล้ว เธอยังยกให้น้ำมันมะพร้าว “แมน เนเจอร์” (Man Nature) เป็นของที่ควรมีติดไว้ทุกบ้าน เนื่องจากสามารถใช้งานได้สารพัดประโยชน์ ตั้งแต่ทำอาหาร บำรุงรักษาความงาม ไปจนถึงการล้างพิษ

“ครอบครัวนิดาใช้น้ำมันมะพร้าวมานานแล้วค่ะ นอกจากใช้ทำครัวแล้ว นิดายังชอบเอามาหมักผม และทาผิวเพื่อความชุ่มชื้น ส่วนคุณพ่อคุณแม่จะใช้ทำ Oil Pulling ใช้น้ำมันมะพร้าวกลั้วปาก เพื่อช่วยดึงเอาสารพิษ แบคทีเรีย เชื้อโรคต่างๆ ออกจากร่างกายได้ด้วย เรียกได้ว่าขวดเดียวดูแลสุขภาพได้ครบเลยค่ะ”

สาวนิดาฝากทิ้งท้ายว่า “เพราะ You are what you eat ดังนั้น ถ้าเราจะรับประทานอะไรเข้าไปในร่างกาย ก็ต้องรู้จักเลือกของที่ดีต่อสุขภาพสำหรับเราให้มากที่สุดค่ะ”

Tips การใช้น้ำมันมะพร้าว

เนื่องด้วยน้ำมันมะพร้าวจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ปกติแล้วเวลาจะนำมาปรุงอาหารจึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม โดยกลิ่นของน้ำมันมะพร้าวอาจจะไม่เหมาะกับอาหารหรือขนมบางชนิด ดังนั้นถ้าจะเลือกน้ำมันมะพร้าวมาใช้ปรุงอาหาร ควรเลือกน้ำมันมะพร้าวอย่าง Coconut Cooking Oil ของ “แมน เนเจอร์” ที่ผลิตขึ้นเพื่อการปรุงอาหารโดยเฉพาะ โดยไร้กลิ่นน้ำมันมะพร้าว ทำให้สามารถนำไปปรุงอาหารได้สารพัดเมนู และยังนำไปทอดอาหารให้มีสีสวยไม่ดำเหมือนน้ำมันชนิดอื่น ได้ทั้งรสชาติที่อร่อยและยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย

Home-made Granola สูตรกราโนลาแบบฉบับของนิดา

ส่วนผสม
ข้าวโอ๊ต (rolled oats) 3 ถ้วย
เมล็ดดอกทานตะวัน 1/4 ถ้วย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1/4 ถ้วย
อัลมอนด์ 1/4 ถ้วย
งา หรือ flax seed 1/4 ถ้วย
ลูกเกด 1/2 ถ้วย
วานิลลาเอ็กซ์แทรกต์ 1 ช้อนชา
น้ำมันมะพร้าว 1/4 ถ้วย
น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย
น้ำเชื่อมเมเปิล 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. กรุถาดอบด้วยฟอยล์ และวอร์มเตาไว้ที่ความร้อน 160 องศา
2. ผสมของแห้งทั้งหมดเข้าด้วยกัน ยกเว้นลูกเกด
3. ผสมน้ำมันมะพร้าว น้ำเชื่อมเมเปิล น้ำผึ้งและวานิลลาเข้าด้วยกัน
4. นำไปตั้งไฟปานกลางรอจนเดือด แล้วนำไปราดบนของแห้ง คลุกเคล้าให้เข้ากัน
5. เทส่วนผสมลงไปในถาดที่กรุฟอยล์ไว้และเกลี่ยให้ทั่วถาด ไม่ให้ชั้นหนาจนเกินไป
6. นำไปอบ 15 นาทีแล้วจึงนำออกมาคนสักเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ตัวเนื้อเกาะกันมากนัก และทำให้กรอบทั่วกัน
7. จากนั้นก็อบต่ออีกประมาณ 10 นาทีจนกรอบได้ที่และกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ ทั่วทั้งถาด
8. ยกออกจากเตา แล้วนำมาแผ่ลงในถาด รอให้เย็นตัวลง แล้วจึงใส่ลูกเกดลงไป
9. เก็บไว้ในกล่องสุญญากาศซึ่งเก็บได้นานนับเดือน เวลาจะรับประทาน ตักเสิร์ฟพร้อมกับนมหรือโยเกิร์ต และเติมด้วยผลไม้ :: Text by FLASH


กำลังโหลดความคิดเห็น