xs
xsm
sm
md
lg

ยามเช้าที่สรรคบุรี และ พิธีครอบครู : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

เช้าตรู่ของวันสิ้นสุดของปี...

หลังจากที่นำอาหารไปทำบุญที่วัด ฉันขับรถ ออกจากวัดเพื่อมุ่งไปยังอำเภอเล็กๆ อีกอำเภอหนึ่งที่อยู่ตรงรอยต่อระหว่างจังหวัดที่ฉันอยู่คือสิงห์บุรีกับชัยนาท

เมื่อครั้งกลับมาอยู่บ้านใหม่ๆ นั้น ฉันเคยขับรถออกจากบ้านในช่วงเช้าตรู่ ไปยังตลาดเช้าในต่างอำเภอ ใกล้เคียงมาแล้วแทบหมดหมด ไล่มาตั้งแต่ อินทร์บุรี ท่าช้าง เดิมบางฯ และท้ายที่สุดตลาดยามเช้าที่ฉันเลือกที่จะไปอย่างเสมอนั่นคือ ตลาดนัดวันพระ ที่อำเภอสรรคบุรี

ด้วยระยะทางที่ไม่ไกล บวกกับทางที่ฉันเลือกสัญจรเป็นทางสายเล็กๆ ตัดผ่านหน้าบ้านที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน และประกอบไปด้วยทุ่งนาอันเขียวขจีตลอดเส้นทาง ดังนั้นการสัญจรผ่านของฉันในแต่ละครั้ง จึงพบบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น มีเด็กๆ กำลังถีบจักรยานไปโรงเรียนให้ได้เห็น ตลอดจน ชาวนากำลับขับรถอีแต๋น ออกจากบ้าน ,แม่ค้าตามเพิงเล็กๆ ริมทาง เช่น เพิงขายกล้วยแขก และก๋วยเตี๋ยว ที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการจัดร้านรวงของตัวเองไปเรื่อยๆ แต่ไม่รีบร้อน เพราะเป็นเพียงร้านเล็กๆ บนถนนสายทุ่งนา

ภาพของวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและธรรมดาสามัญ ของผู้คนเล็กๆ ในท้องถิ่นอันสงบงาม ทำให้ฉันหลงใหลในเส้นทางสายนี้


ในทุกตลาดนัดวันพระ ที่เมืองสรรคบุรีแห่งนี้ จะมีพ่อค้าแม่ค้า ทั้งที่เป็นคนในชุมชนและคนต่างถิ่น พากันนำสินค้ามากมาย มาตั้งร้านจำหน่ายให้ผู้คนได้เลือกซื้อ

ส่วนในเช้าวันสิ้นปีของปีนี้ ก็เหมือนดังเช่นวันพระที่ผ่านมาแทบทุกวันพระของฉัน ที่มักจะตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อหุงข้าวและทำอาหาร ใส่ปิ่นโตไปทำบุญที่วัดใกล้ๆ เพียงนำอาหารจากปิ่นโตถ่ายใส่ลงในถ้วย ตักข้าวใส่บาตรพระ และก้มกราบพระพุทธรูปที่ประจำอยู่บนศาลาแล้วฉันก็กลับ ไม่เคยได้อยู่ถึงการฟังพระให้ศีลให้พร เพราะการได้ขับรถเล่นในยามเช้าตรู่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นนั้น เป็นสิ่งที่ฉันหวงแหน ไม่อาจพลาด..

แม้การจ่ายตลาดจะเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นสิ่งธรรมดาในชีวิตประจำวันของทุกๆ คนอยู่แล้ว แต่ ฉันทำให้มันเป็นการหย่อนใจของตนเองไปด้วย..

ผู้คนมากมายในวันสิ้นปี ทั้งหญิงชายและเด็กๆ ต่างจูงไม้จูงมือกันเลือกซื้อหาของกินของใช้กันอย่างขวักไขว่ วันที่ผู้คนซึ่งจากบ้านไปทำงานที่อื่น ได้กลับมาบ้านเกิด

ส่วนคนแก่ๆ นั้นเล่าก็ถือตะกร้าซึ่งบรรจุขันใส่ข้าวที่ว่างเปล่า ด้วยเพิ่งกลับจากการทำบุญเช่นเดียวกับฉัน ข้าวปลาอาหารถูกนำไปทำบุญจนหมดแล้ว คงเหลือแต่ร่องรอยแห่งความเอิบอาบฉายอยู่บนใบหน้าของคนที่อิ่มในผลแห่งบุญ

"ฉันหลงรักเมืองนี้"


หลังเตร็ดเตร่ ไปจนทั่วตลาดอันกว้างใหญ่ บ่อยครั้งที่ฉันนั่งลง ชิมอาหารจากแม่ค้าที่ปรุงไปขาย

ร้านขนมจีนน้ำพริกน้ำยา...ร้านขายข้าวและน้ำพริกผักต้มมากมาย ถือเป็นร้านที่ทำให้ฉันพิสมัยเป็นยิ่งนัก ใช่แต่เพียงรสชาติอาหาร แต่ฉันยังได้ฟังเสียงคนข้างเคียงที่มานั่งร่วมกิน ร่วมนั่งบนโต๊ะไม้ตัวยาวตัวเดียวกันนั้น พูดคุยถึงเรื่องราวจิปาถะของพวกเขา ฉันกินไปและฟังไปด้วยความสนใจในเรื่องแห่งชีวิตที่พวกเขาคุยกันเสม

เรื่องราวจากคนแปลกถิ่น แปลกหน้า แปลกสำเนียง ที่ฉันเพียงผ่านมาและได้ยินได้ฟัง เรื่องที่เริ่มขึ้นเมื่อเรานั่งลง และหมดไปเมื่อเราลุกขึ้นและจากไป นับเป็นการได้ยินได้ฟังอย่างไร้ภาระนี้เป็นอีกสิ่งที่ฉันรัก"

พอถึงเวลาสายฉันก็จะออกจากที่นั่น ไปด้วยใจอิ่มเอิบและอิ่มท้อง หอบหิ้วกับข้าวกับปลาที่เพิ่งซื้อมาใส่ไว้ที่ท้ายรถแล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน...

ในวันสิ้นปีผู้คนกลับมาบ้านกันเยอะเหลือเกิน ทั้งยวดยานที่จอแจ และผู้คนมากมายผิดกว่าทุกๆ ครั้ง ฉันจึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน โดยเลือกเส้นทางอีกเส้นหนึ่งที่ขนานกันกับถนนเมื่อขามา

โดยปกติฉันจะไม่เลือกใช้เส้นทางนี้ เพราะเป็นถนนสายหลังบ้านซึ่งฉันเคยรู้สึกถึงการเดินทางที่ช่างแสนเหงา เมื่อครั้งเคยขับผ่านมา

ทว่าในวันนี้ความคึกคักของผู้คนได้ผลักให้ฉันต้องกลับในทางสายนี้ และด้วยฉันกำลังมีหัวใจที่อิ่มเอิบใหม่ๆ จากการได้ทำบุญ และฤทธานุภาพแห่งความอิ่มเอิบทางใจนี้ ได้ปกป้องหัวใจของฉัน ให้แข็งแรง จนความเหงาใดๆ ไม่อาจเข้ามาแผ้วพานได้

ฉันย้อนคิดถึงคำสอนของท่านอาจารย์...

”จิตจะรับอารมณ์ได้ทีละอย่าง ถ้าในขณะที่จิตเป็นกุศล หรือจิตมีความสุข ในขณะนั้นอกุศลหรือความทุกข์ก็จะมาแทรกไม่ได้”

ท่านอาจารย์ ชยสาโรภิกขุ คือท่านอาจารย์ผู้ที่ฉันไปร่วมฝึกปฏิบัติธรรมกับท่านในทุกๆ ปีนั่นเอง

ฉันมองโลกที่อยู่ข้างหน้าพวงมาลัยด้วยหัวใจที่แย้มยิ้ม...


กระทั่งเมื่อฉันผ่านวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ริมถนนจากนั้นไม่ไกล และเห็นมีรถจอดกันอยู่อย่างมากมาย มีผู้คนเดินกันอย่างขวักไขว่ในลานวัดนั้น ด้วยความสนใจและคิดว่า ช่างเป็นโอกาสที่ดีเหลือเกิน ที่ในวันสิ้นปีนี้ ฉันจะได้ทำบุญที่นี่อีกสักเล็กน้อย ฉันจึงไม่ลังเลรีบเลี้ยวรถเข้าไปในวัดที่ไม่รู้จักแห่งนั้น ในทันที

เมื่อลงจากรถฉันเห็นรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณขนาดสูงใหญ่องค์หนึ่ง ซึ่งกำลังสร้างจวนแล้วเสร็จ และรอบๆ รูปปั้นนั้นกำลังมีพิธีบวงสรวงกันอยู่ ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ซื้อหาดอกไม้มาไหว้พระและถวายปัจจัยร่วมทำบุญ

เสียงของชายในชุดสีขาวซึ่งเป็นพราหมณ์ทำพิธีกำลังท่องมนตร์ พร้อมด้วยการประโคมดนตรีปี่พาทย์ดังกระหึ่มก้องไปทั่วบริเวณนั้น....ท่ามกลางควันธูปที่ลอยกรุ่นจากในกระถาง ท่ามกลางกลิ่นอันอบอวลของธูปเหล่านั้น

เมื่อได้ฟังคำอัญเชิญเทพเทวดาและบรรดาบูรพกษัตริย์ผู้มีคุณต่อแผ่นดินมากต่อมากมาย ทำให้ฉันอดนึก ด้วยความปิติไม่ได้ว่า เออหนอ..สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองเราคือเมืองไทยหรือเมืองสยามนี้ ช่างมีมากมายเหลือเกิน

เมื่อทำบุญและนั่งฟังครู่ใหญ่ ฉันก็ลุกขึ้น แล้วกลับไปยังรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน...ก่อนที่จะถึงรถฉันพลันเห็น โบสถ์เก่าๆ หลังเล็กๆ ในอีกด้านหนึ่งของวัดที่มีคนกำลังมุงกันอยู่มากมาย บางคนก็กำลังชะโงกหน้าเข้าไปทางหน้าต่างของโบสถ์นั้น ด้วยความสงสัยฉันจึงเดินไปที่โบสถ์

พี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนเข้าแถวอยู่ที่หน้าโบสถ์ได้บอกกับฉันว่า เขากำลังรอ "ครอบครู" กันอยู่

“ครอบครู ? มันเป็นอย่างไรหรือคะ ?” ฉันถาม...

“ก็...ทำแล้วก็จะเป็นสิริมงคลกับตัวเองน่ะค่ะ ไม่ว่าจะค้าขายหรือทำอาชีพอะไรเมื่อครอบครูแล้วก็จะเป็นมงคลต่อชีวิต” พี่ผู้หญิงคนนั้นอธิบายให้ฉันฟังด้วยความเป็นมิตร

ฉันมองแถวที่ยาวเหยียดไปจนรอบๆ โบสถ์หลังนั้น แล้วถอนใจ..."หนูกลัวกับข้าวจะเสียและผักจะเหี่ยวเสียก่อนน่ะค่ะ"เพราะรถจอดตากแดดอยู่ หนูบังเอิญผ่านมา"

"บ้านอยู่อีกไกลไหมล่ะ?...เอาของไปเก็บก่อนก็ได้แล้วค่อยมาต่อคิว” พี่ผู้หญิงท่านนั้นให้คำแนะนำ

“อีกยี่สิบกว่าโลค่ะ” ฉันบอกไป

“ โอ๊ย..ทันอยู่แล้ว ไปเถอะแล้วมาใหม่ค่ะ” ฉันเชื่อคำแนะนำนั้น และขับรถกลับบ้าน

เมื่อนำกับข้าวต่างๆ เข้าแช่เก็บในตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว จึงออกจากบ้านเพื่อกลับไปยังวัดนั้นอีกครั้งหนึ่ง และไปยืนรอเข้าแถว เพื่อทำพิธีครอบครู ที่ฉันไม่เคยลองทำมาก่อน

การครอบเศียรครู เป็นพิธีกรรมที่ให้ระลึกถึงครูบาอาจารย์ ระลึกถึงคำสั่งสอนและความดีงาม หากผู้เข้าพิธีครอบเศียร เป็นผู้อยู่ในศีลในธรรม ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามแบบอย่างครูบาอาจารย์แล้ว อานิสงส์ก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่อาจประมาณได้ แต่หากผู้ครอบเศียรไม่ได้อยู่ในครรลองครองธรรม นอกจากไม่เกิดอานิสงส์จากการครอบเศียรแล้ว ยังจะทำให้เกิดโทษและสิ่งอัปมงคลในชีวิตอีกด้วย

ในระหว่างที่ยืนรออยู่นั้น ฉันกดโทรศัพท์หา “นายดี” ผู้เป็นอดีตเพื่อนใจของฉัน และเป็นผู้ทำให้ฉันรู้จักกับการปั้นดิน

ฉันบอกกับนายดีว่า ฉันกำลังมายืนรอเข้าคิวเพื่อครอบครูอยู่ และรู้สึกอยากจะบอก ให้นายดีรับรู้ "เพราะนายดีคือครูของฉัน"

เมื่อพูดถึงงานปั้นที่ฉันกำลังทำอยู่ในทุกวันนี้ มีพี่บางคนได้เคยบอกกับฉันว่า ”องุ่นมีของเก่าที่ติดตัวมา” ซึ่งหมายความเป็นนัยถึง งานปั้นนั้นคงเป็นสิ่งที่เคยทำมาก่อนในภพชาติที่ผ่านมาแล้วของฉัน แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรมาพิสูจน์และนอกเหนือวิสัยทั้งปวง

แต่ในทุกๆ ครั้งที่ฉันทำบุญและอุทิศบุญ ฉันจะระลึกถึง “ครู” ในอดีตของฉันด้วยเสมอ

เมื่อพูดถึงครู ฉันหาได้มีแต่ครูผู้ให้ความรู้ในทางวิชาการและให้การศึกษาเท่านั้น

แต่ สิ่งใด..คนใด ที่มีการกระทำไม่ว่าดีหรือร้าย และการกระทำของเขานั้นได้ทำให้ฉันเกิดการฉุกคิด และได้ใคร่ครวญ จนกระทั่งหาคำตอบและได้พบคำตอบ อันเกิดประโยชน์กับชีวิต

ฉันถือว่า สิ่งต่างๆ และคนต่างๆ เหล่านั้น ทุกๆ คนต่างเป็นครูให้กับฉันด้วยเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวไม่รู้ตัว จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ตาม

ถ่ายภาพโดย : มณีดิน และ องุ่น 



รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม

จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี

ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด

ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี

เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า

“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ

รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข

ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”

ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW

ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews


กำลังโหลดความคิดเห็น