xs
xsm
sm
md
lg

โดยลำพัง ทั้งน้ำตา : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม

ณ ห้องนอนข้างฝาไม้สีดำ ตัดกับผ้าม่านหน้าต่างพริ้วเบาสีขาวปักลวดลายดอกไม้ และเตียงนอนไม้สักเก่า กับผืนผ้าห่มอันอบอุ่น..

ที่นี่คือห้องนอนของฉัน ในยามค่ำคืนเช่นนี้ เมื่อใดที่ได้ปิดประตูลงกลอนแล้ว ที่แห่งนี้คือที่ๆปลอดภัยที่สุดของฉัน...

แต่บ่อยครั้งที่ฉันก็ต้องจากมันไป ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน ในปีแรกๆ ที่ฉันกลับมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ฉันได้ฝากสำลีสุนัขแสนรักไว้กับพ่อและแม่


บางเวลาเพื่อเดินทางไปเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอนตามลำพัง ฉันต้องนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพขึ้นไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยตีตั๋วรวดเดียว ใช้ระยะเวลาเดินทาง 16 ชั่วโมง เพื่อไปถึงที่นั่น

เมืองแม่ฮ่องสอนคือเมืองที่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วที่ฉันเดินทางไปที่นั่นครั้งแรกและได้แลเห็นชายชรานอนหลับอยู่ตู้ใต้ร่มไม้ข้างทางอย่างมีความสุข

การนอนเช่นนั้นของชายชราหากเป็นในเมืองใหญ่เมืองอื่นๆ แล้วเขาต้องถูกมองเป็นคนร่อนเร่ หรือคนจร แต่ทว่าสำหรับเมืองนี้ภาพที่เห็นนั้นไม่ทำให้รู้สึกไปในทางนั้นเลย และภาพนั้นเป็นความประทับใจของฉันไม่รู้ลืม

เมื่อไปถึง ฉันเลือกที่พักราคาถูกและอยู่ท่ามกลางแหล่งชุมชนใจกลางเมือง เพื่อความสะดวกในการเดินไปในแต่ละที่ของฉัน

และฉันคิดว่าในย่านที่มีคนพลุกพล่านนั้นทำให้ฉันอุ่นใจและรู้สึกปลอดภัยยามเดินเที่ยวตามลำพัง

ฉันถีบจักรยานไม่เป็น จึงออกเดินไปทั่วเมืองตั้งแต่เช้าตรู่

เดินตามตลาด เดินดูถนนดูบรรยากาศผู้คนในยามเช้าไปรอบๆ ชุมชนเหล่านั้น

และเมื่อได้เจอวัดฉันก็จะเข้าไปทำบุญและสูดลมหายใจเก็บกลืนเอาบรรยากาศของพ่อแก่แม่อุ๊ยที่นั่งพิงเสาอยู่ในโบสถ์อันสงบงาม ให้ซึมซับเข้าไว้ในหัวใจของฉัน....


ในบางครั้งฉันก็ต้องจากห้องนอนที่แสนจะปลอดภัยของฉันไปด้วยเรื่องแห่งการงาน...

รถยนตร์คันเก่าคันนั้นของฉันแทบทุกพื้นที่ในรถนั้นได้ถูกจัดวางด้วยลังกระดาษเรียงรายไปทั่วทั้งคันรถ และด้านหลังฝากระโปรงรถ การขนงานที่เป็นดินเผานั้นต้องใช้ความระมัดระวังในการห่อและขนอย่างมาก หากวางและบรรจุหีบห่อไว้ไม่แน่นหนาหรือคลอนแคลนไม่มั่นคงแล้ว ก็จะแตกหักเสียหายโดยง่ายดาย

เมื่อฉันฉันรับคำเชิญชวนของเจ้าของสถานที่อันสวยงามคือ หอศิลป์ริมน่าน ที่จังหวัดน่าน ให้ไปแสดงงานที่นั่น ฉันตอบรับด้วยความยินดีและดีใจและค่อยๆ ขับรถขึ้นเหนือไปอย่างระมัดระวัง

รถของฉันนั้นทั้งเก่าและไม่เคยได้เช็คสภาพความปลอดภัยของรถมานานแสนนาน...

แต่ฉันก็ฝากความหวังและการพึ่งพิงทั้งหมดไว้กับมัน ภายใต้การขับเคลื่อนของตัวฉันเอง บ่อยครั้งที่ฉันพูดกับรถของฉันในขณะเดินทางไกล ว่า "อดทนหน่อยนะ เราจะเดินทางด้วยกันนะ" ราวกับมันเป็นสิ่งมีชีวิต...

ฉันแต่งกายอย่างเรียบร้อยและมิดชิด พร้อมใส่หมวกกันแดดและปกปิดใบหน้า เปิดไว้แต่เพียงดวงตา อันเป็นหมวกเหมือนกันกับที่ชาวไร่แถบบ้านฉันใส่ทำไร่กันนั่นเอง

ในการเดินทางด้วยข้อจำกัดของเงินในกระเป๋าที่มีนั้น ฉันตระหนักแก่ใจตนเองดีว่า..ฉันกำลังเดินทางด้วยความเสี่ยงภัยเสมอๆ


โค้งแล้วโค้งเล่าของถนนบนภูเขานั้น ช่วยให้ฉันเห็นหัวใจของตนเองอย่างชัดเจน

หัวใจที่บากบั่นและมุมานะ คิดถึงจุดหมายเป็นที่ตั้ง แต่ทว่ามันก็บรรจุไว้ด้วยความกลัวและความหวาดระแวงสารพัน ..กลัวรถเสียในทางเปลี่ยว...กลัวอุบัติเหตุจากทางโค้งแห่งขุนเขาที่ตนเองไม่คุ้นชิน

ดังนั้นฉันจึงได้เตรียมเวลาสำหรับการเดินทางให้กับตัวเองถึงสองวัน

จากสิงห์บุรีไปน่าน ฉันค่อยๆ ขับรถเก๋งเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยชิ้นงานเต็มคันรถ ไปอย่างช้าๆ เรื่อยๆ และระมัดระวัง

ฉันเลือกที่จะไปพักค้างคืนที่เมืองลับแล อันเป็นเมืองในตำนานที่ฉันได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ และอยากสัมผัสพบเจอ...

ในการเดินทางโดยลำพังและรู้สึกเสี่ยงภัยเช่นนี้นั้น ฉันพบว่า มันกลับทำให้ฉันรักและห่วงในตัวของตัวเองและเห็นคุณค่าของการมีชีวิตเป็นอย่างยิ่ง

บนถนนที่ฉันดั้นด้นไปผ่านโค้งมากมายบนภูเขา ผ่านหมู่บ้านในชนบทและป่าเปลี่ยวที่น่าสะพรึง ผ่านแสงแดดแผดกล้า และสายฝน

แต่ที่สุดแล้วเมื่อถึงที่หมาย ฉันสูดลมหายใจอย่างผู้ชนะ ชนะในโชคชะตา ที่ฉันผู้เดินทางมากับความเสี่ยงในแทบทุกๆ ด้าน ได้ผ่านพ้นมันมาได้อีกครั้ง....

งานแสดงได้ถูกจัดขึ้นอย่างสมบูรณ์และเรียบง่ายท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายในจังหวัดนั้น

ฉันยิ้มรับกับแขกเหรื่อเหล่านั้นและกล่าวเล่าถึงงานของตนเองพร้อมกับแจกเมล็ดพันธ์ดอกชงโคและกาหลง ที่ฉันบรรจงเก็บรวบรวมจากต้นที่บ้าน แล้วนำใส่ถุงผ้าสีขาว พร้อมทั้งนั่งปักลายด้วยมือของตนเองในถุงทุกๆ ใบ เพื่อเป็นของขวัญให้กับแขกผู้มาร่วมงาน

ด้วยฉันหวังว่า เมล็ดพันธ์แห่งดอกไม้เหล่านั้น เมื่อไปตกหล่นที่ใดก็จะงอกงามและไปผลิดอกให้คนชมที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นข้างทาง ในป่า หรือในบ้าน ก็ยังความชื่นใจให้แก่ผู้คน และโลกที่จะสวยขึ้นด้วยดอกไม้เหล่านั้น

หลังความเหนื่อยยาก มักจะมีรอยยิ้มของความสำเร็จรอเราอยู่เบื้องหน้าเช่นนี้.........


แต่ในบางครั้ง การเดินทางโดยลำพัง แม้ว่าจะเป็นความเคยชินในชีวิตของฉัน แต่ก็ไม่วายที่ฉันต้องเสียน้ำตาให้กับตัวเองในระหว่างทางอย่างช่วยไม่ได้ด้วยเช่นกัน...

ในครั้งหนึ่งที่ฉันต้องเดินทางขึ้นไปส่งงานแก่ผู้ซื้องานยังจังหวัดเชียงใหม่ด้วยตนเอง เมื่อมีผู้ซื้องานท่านหนึ่งได้บอกขอซื้องานบรอนซ์็จากฉัน

ลำพังงานบรอนซ์นั้น ฉันสามารถที่จะส่งทางขนส่งหรือไปรษณีย์แก่เขาก็ย่อมได้ แต่ด้วยผู้ซื้อท่านนี้เป็นผู้มีอุปการะคุณที่ได้บริจาคเงินทำบุญให้กับ มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ ที่ฉันได้เคยทำรูปปั้นจำหน่ายหารายได้ช่วยเหลือในครั้งกระนั้น

ฉันจึงคิดทำของขวัญคือรูปปั้นที่เป็นดินเผาขึ้นมาเป็นของขวัญให้กับเขาอีกสองชิ้น โดยที่ฉันไม่ได้บอกกล่าว การจะส่งรูปปั้นดินเผาทางไปรษณีย์ หรือบริษัทขนส่งนั้นดูจะไม่ปลอดภัยสำหรับงานอันเปราะบางเช่นนั้น ฉันจึงจำเป็นต้องเดินทางขึ้นไปส่งงานด้วยตนเอง....

เมื่อฉันไปรับงานบรอนซ์ซึ่งเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ออกจากโรงหล่อในจังหวัดอยุธยา ฉันขับรถออกจากอยุธยาในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันเดียวกัน โดยมีจุดหมายคือเชียงใหม่

ฉันค่อยๆ ขับรถมุ่งหน้าขึ้นทางทิศเหนืออย่างเรื่อยๆ และคิดเหมือนทุกครั้งว่า ค่อยๆ ไป ค่ำมืดที่ไหนก็นอนที่นั่น

และฉันได้ไปถึงที่จังหวัดตากในเวลาราวเที่ยงคืนกว่าๆ เมื่อท้องหิวฉันจึงถามทางไปตลาดโต้รุ่ง และไปนั่งกินอาหารในตลาดโต้รุ่งของเมืองตากนั้น

ราวตีหนึ่งกว่าๆ ฉันจึงขับรถออกมาหาโรงแรมที่พัก เมืองนี้เคยเป็นแต่เมืองผ่านของฉัน แทบไม่เคยได้เข้ามาและไม่เคยพักค้างที่นี่มาก่อนเลย

เมื่อฉันเห็นป้ายโรงแรมที่ดูสว่างไสวและสวยงาม ฉันจึงรีบเลี้ยวรถเข้าไป พนักงานของที่นั่นบอกว่า โรงแรมเต็มหมดทุกห้องแล้ว พร้อมกับบอกทางให้ฉันไปยังอีกสาขาหนึ่งของโรงแรมเครือเดียวกันของเขา ฉันจึงไปตามคำบอก แต่เมือไปถึงปรากฏว่าห้องพักนั้นก็เต็มอีก

ฉันจึงขับรถออกมาจากที่นั่น แล้วมองหาโรงแรมที่พักที่อื่นๆ ในละแวกนั้น ฉันพบโรงแรมแห่งที่สามไม่ไกลจากสองที่แรกนัก ฉันรีบขับรถเข้าไปสอบถาม แต่ก็ได้รับคำตอบจากพนักงานว่า โรงแรมเต็มอีก ฉันรู้สึกเหนื่อยแสนเหนื่อย เมื่อเดินกลับจากการสอบถามกลับมาที่รถข

เมื่อฉันได้มองรถยนต์เก่าๆ ของตัวเองที่ขับมาโดยไม่ได้ล้างมีฝุ่นจับเขรอะไปทั่วทั้งคัน รวมทั้งตัวฉันที่เหนื่อยล้าและแสนขมุกขะมอม

พลันน้ำตาของฉันก็ไหลริน ฉันยืนร้องไห้อยู่ที่หน้ารถของตนเอง อย่างที่ไม่ได้ตั้งใจมาก่อน พร้อมกับคำรำพึงที่มีให้กับตัวเองว่า

ทำไมผู้หญิงอย่างฉันนั้นจึงตกระกำลำบากมากมายอย่างนี้หนอ...แล้วฉันก็ก้าวขึ้นรถ และขับมันไปออกไปจากที่นั่นทั้งน้ำตา

ในเวลาดึกสงัดเกือบตีสองฉันจึงได้พบโรงแรมแห่งที่สี่ และมีห้องพักสำหรับฉัน ฉันปิดประตูลงกลอน สำรวจกลอนที่หน้าต่างกระจกในห้องพักนั้น..แล้วอาบน้ำล้มตัวลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อยปนน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง...

รุ่งเช้าฉันจึงค่อยๆ เดินทางต่อ จนกระทั่งถึงเชียงใหม่ ฉันมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของผู้ซื้องาน

ก่อนลงจากรถฉันมองใบหน้าของตนเองในกระจก หยิบตลับแป้งมาผัดหน้าให้ดูสดชื่น หญิงสาวผู้ดูแลบ้านนั้นได้มาต้อนรับฉันอย่างดียิ่ง

ฉันตั้งใจมาส่งงานที่ถูกซื้อด้วยตนเองและมอบงาน
อีกสองชิ้นให้เป็นของขวัญในความมีน้ำใจของเจ้าของบ้าน ในขณะที่เขาไม่อยู่ และฉันตั้งใจเช่นนั้น...เมื่อเสร็จธุระจึงรีบกลับออกมา

ฉันมีความสุขที่งานของฉันได้เดินทางไปยังที่ที่มีคนเห็นคุณค่าของมัน...

ดึกดื่นคืนนี้ ท่ามกลางเสียงหริ่งหรีดเรไรที่นอกห้องนอน ฉันอยู่ในนี้ บนเตียงของย่า ในห้องนอนไม้ที่มีฝาผนังสีดำ ตัดกับผ้าม่านสีขาวลายปักดอกไม้บนผ้าม่านนั้น

แม้จะซีดจางด้วยกาลเวลา แต่มันก็ยังคงสวยงามเสมอ

ถ่ายภาพโดย : มณีดิน และ องุ่น


รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม

จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี

ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด

ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี

เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า

“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ

รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข

ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”

ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW

ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews


กำลังโหลดความคิดเห็น