เมื่อเอ่ยถึงร้านอาหารเยอรมันในกรุงเทพฯ นักชิมทั้งหลายคงนึกถึงร้าน Bei Otto มาเป็นอันดับแรก เพราะถือเป็นร้านอาหารเยอรมันแห่งแรกในเมืองไทยก็ว่าได้ เกือบ 30 ปีที่เปิดให้บริการมาคงเป็นเครื่องการันตีความอร่อยและความเก๋าได้เป็นอย่างดี ขนาดคนดังระดับราชวงศ์ ดารา นักร้องยอดนิยมทั่วโลกต้องแวะเวียนมาลิ้มลอง
Mr.Otto Duffner เจ้าของและผู้สร้างตำนานร้านอาหารเยอรมันแห่งนี้ เขาเป็นเชฟเยอรมันที่หลงรักประเทศไทยและใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยมา 29 ปี จนวันหนึ่งหมอบอกว่าสุขภาพของเขาแย่แล้วควรจะต้องเลิกทำงานและดูแลตัวเองให้มากขึ้น Otto เลือกกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดของเขา แม้ว่าBei Otto ในตอนนี้จะเปลี่ยนเจ้าของใหม่คือบริษัท ASIAN CROSSROAD ซึ่งยังคงสืบสานความอร่อยทุกเมนูของร้านไว้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
ด้วยรสชาติอาหารแบบพื้นบ้านเยอรมันแท้ ๆ จึงทำให้คนเยอรมันที่อาศัยในเมืองไทยรวมทั้งคนเยอรมันที่อยู่รอบ ๆ เมืองไทยต้องแวะเวียนมากินอาหารที่ร้านนี้เพื่อให้คลายความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน
ถ้าแวะมาร้านนี้แล้ว สิ่งที่ต้องสั่งเป็นอันดับแรกคือ “ไส้กรอกโฮมเมด” ซึ่งมีให้เลือกลิ้มลองถึง 50 ชนิดสะใจเหล่าคนรักไส้กรอกทีเดียว ตำนานแห่งความอร่อยของไส้กรอกนี้เริ่มจาก Mr.Otto ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้อสัตว์มาเป็นผู้คิดค้นสูตรไส้กรอกสไตล์บาวาเรียนโดยเฉพาะ ความอร่อยนอกจากอยู่ที่ความหลากหลายที่มีให้เลือกทั้งเนื้อวัวและเนื้อหมูแล้ว เวลากัดลงไปจะรู้สึกถึงเนื้อไส้กรอกที่แน่นหนังตึงเปรี๊ยะ เคี้ยว ๆ จะได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศที่แทรกอยู่ในเนื้อและความแน่นกรุบเพราะใช้เนื้อล้วนไม่มีผสมแป้งเลย
จานยอดนิยมสำหรับที่ลูกค้าชอบสั่งมาคือไส้กรอกรวมที่มีไส้กรอกย่าง 4 รส 4 แบบให้ลิ้มลองความอร่อย จานนี้มีทั้งไส้กรอกหมู ไส้กรอกชีส ไส้กรอกหมูผสมเนื้อและไวท์ซอสเซสหรือไส้กรอกสีขาวที่อร่อยมาก ๆ
และถ้ายังติดใจไส้กรอกอยู่ก็สามารถซื้อติดมือกลับบ้านได้ เพราะที่ด้านหน้าร้านทำเป็น Deli - Shop เป็นซุปเปอร์มาณ์เก็ตเล็ก ๆ แต่มีผลิตภัณฑ์ไส้กรอกโฮมเมด แฮม เบคอนนานาชนิดบรรจุในถุงสุญญากาศ รวมทั้งสารพัดขนมปังสดอบวันต่อวันเปิดจำหน่ายทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า
อีกจานถ้ามาแล้วต้องกินให้ได้คือ “ขาหมูเยอรมัน” หรือขาหมูทอดนั่นเอง ( 468 บาท ) แค่ได้กลิ่นขาหมูทอดที่โชยก่อนที่เมนูจะมาถึงโต๊ะเสียอีก อะไรจะหอมได้ขนาดนี้ เล่นเอาต่อมน้ำลายทำงานทันที แค่เห็นหน้าตาก็กดLike ให้แล้ว เพราะหนังหมูทอดกรอบจนเป็นสีน้ำตาลค่อนไปทางเข้ม หนังบางส่วนถูกน้ำมันร้อนจัดจนหนังพองออกมา ขนาดชิ้นกำลังดีไม่ใหญ่หรือเล็ก เสิร์ฟคู่กับมันบดและซาวเคล้าส์แสนอร่อย
ต้องบอกว่าเชฟทอดขาหมูได้อร่อยเด็ดขาดจริง ๆ เพราะนอกจากลิ่นที่หอมแล้ว หนังยังกรุบกรอบทั้งอันไม่ต้องกลัวแข็ง ส่วนเนื้อข้างในหวานนุ่มละมุนติดเอ็นเล็กน้อยพอให้เคี้ยวสบาย ๆ เรียกว่าอร่อยจนลืมอ้วนไปเลย กินเพลิน ๆ เกือบหมดไปทั้งขาได้เหมือนกัน
ถ้ามากินกันหลาย ๆ คนขอแนะนำให้สั่งแบบ sharing Platter( 1,180 บาท) หรือชุดรวมจานใหญ่ยักษ์ประกอบไปด้วยไส้กรอกหลาย ๆ ชนิดเสิร์ฟมากับขาหมูทอด มีซาวเคล้าส์และมันฝรั่งบดรสหอม ๆ มัน ๆ กินกันแบบสามัคคีชุมนุมจะได้ลิ้มลองความอร่อยแปลกใหม่ได้หลาย ๆ อย่าง
ร้านนี้ยังมีอาหารอร่อยมีหลายอย่าง มาอุ่นเครื่องด้วยซุปซึ่งมีให้เลือกหลายอย่างซึ่งล้วนแต่เป็นซุปดั้งเดิมของเยอรมัน อาทิ Beef Goulash Soup ซุปกูลาชเนื้อ ( 185 บาท ) ซึ่งเป็นซุปที่มีความเป็นมาเก่าแก่มากต้นตำรับจริง ๆ มาจากฮังการีแล้วแพร่หลายไปทั่วยุโรป เรียกได้ว่าเป็นซุปยอดนิยมก็ว่าได้ หน้าตาซุปออกสีแดงข้นเล็กน้อย ถ้าต้นตำรับเป็นสตูว์ที่เน้นเนื้อซุปข้นและหนักกว่านี้ รสชาติหอมกลิ่นเนื้อและเครื่องเทศ นิยมเหยาะไวน์แดงลงไปเพื่อให้กลิ่นหอมและดับกลิ่นสาบของเนื้อด้วย
Potato Soup in Bread Bowl ซุปมันฝรั่งเสิร์ฟในถ้วยขนมปัง (160บาท) ซุปถ้วยนี้เป็นสไตล์บาวาเรียนที่เก่าแก่ เนื้อซุปเป็นครีมข้นที่ใส่ชีส แป้ง เกลือ พริกไทยและมันฝรั่งลงไป แต่ของแท้จะต้องใส่ในขนมปังที่ทำคล้าย ๆ โถ ซุปนี้ทั้งเนื้อและรสชาติจะเบากว่าซุปถ้วยแรกมาก ขอแนะนำให้รีบกินตอนร้อน ๆ จะได้รสชาติหอมมันแบบครีมมี ถ้าปล่อยให้เย็นลงขนมปังจะดูดน้ำจากเนื้อซุปให้แห้งลงไปจนหมดเสน่ห์
สำหรับฝรั่งแล้วการเริ่มต้นด้วยซุปข้นทั้ง 2 ข้างต้นอาจจะเบียดกระเพาะไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่คนไทยถ้ากินซุปข้นแล้วกลัวอิ่มจนกินอย่างอื่นไม่ไหว ขอแนะนำให้เลือก Liver Dumpling Soup ซุปตับก้อนน้ำใส ( 160บาท) เป็นซุปน้ำใสดั้งเดิมของเยอรมัน น้ำซุปทำจากสต็อกเนื้อมีกลิ่นหอมหวาน ทีเด็ดอยู่ที่ตับก้อนโตผสมทั้งตับบดหยาบ ๆ เห็ด ขนมปัง ไข่ ปั้นลูกลม ๆ วางมาก้อนเดียวโดด ๆ น่ากินมาก แถมอร่อยทั้งน้ำซุปและตับก้อนเรียกว่าซดจนเกลี้ยงจานเลย
ถ้ายังไม่อิ่มขอแนะนำให้ลองของอร่อยอีกจาน Pork Filet Mignon with green pepper sauce หมูสันในราดซอสพริกไทยอ่อน ฟังชื่อก็ธรรมดา แต่เห็นหน้าตาเมนูนี้แล้วเริ่มประทับใจในพรีเซนเตชั่นที่สวย ใช้หมูสันในหั่นชิ้นพองาม 2 ชิ้นราดด้วยน้ำเกรวีพริกไทยอ่อน เชฟมีทีเด็ดที่ทำให้หมูสันในเนื้อนุ่มหอมอร่อยจริง ๆ แต่ต้องการอร่อยมากไปกว่านี้ต้องเคี้ยวเม็ดพริกไทยอ่อนสด ๆ ไปพร้อม ๆ กับเคี้ยวหมู กลิ่นรสอร่อยใช่เลย
กินอาหารที่ร้านนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “ เบียร์” เครื่องดื่มประจำชาติของเยอรมัน ที่ร้านนี้มีเบียร์สดและขวดแบบจัดเต็มไม่ให้เสียชื่อเลย อยากดื่มเบียร์แบบไหนเรียกหาเมนูมาดูได้ ที่เห็น ๆ คือเบียร์สดที่รินจากเครื่องเย็นเจี๊ยบจิบคู่กับขาหมูช่วยให้รสชาติยิ่งอร่อยขึ้น
ความจริงเมนูอร่อย ๆ ในสไตล์เยอรมันยังมีอีกมากมายให้เลือกอร่อยทั้งอาหารและขนมหวาน แต่เสียดายที่ท้องไม่พอบรรจุแล้ว
บรรยากาศของร้านนี้กว่า 29 ปีแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย การตกแต่งยังเน้นอบอุ่นสบาย ๆ เหมือนร้านอาหารแบบรบ้าน ๆ ในเยอรมัน ที่ข้างฝาทุกมุมของร้านจะติดรูปภาพของบรรดาลูกค้าที่มาอุดหนุนแล้วถ่ายเก็บเป็นที่ระลึกแน่นเอี๊ยดไปหมด นาน ๆ ก็จะเปลี่ยนชุดใหม่สักทีจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ว่ามาแล้วต้องถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง
ร้าน Bei Otto เปิดบริการตั้งแต่มื้อเช้า 8.00 - 11.00 น.ที่ Deli - Shop ส่วนภายในร้านจะเปิดบริการตั้งแต่ 11.00 - 24.00 น.นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เพิ่งเปิดบริการใหม่เป็นไวน์บาร์ไว้ต้อนรับคอไวน์ที่รักอาหารในแบบเยอรมันและอื่น ๆ ในบรรยากาศสบาย ๆ ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ 18.00 - 23.00 น. และล่าสุดยังมีบริการแคเธอริ่งนอกสถานที่ด้วย
เขียนโดย : ปราณ ชีวิน
ภาพโดย : พลภัทร วรรณดี
*** พิเศษสำหรับช่วงเทศกาลOKTOBERFEST@Bei Otto! เริ่มตั้งแต่ 31ตค. - 2 พย. นี้ บริเวณลานหน้าร้านจะถูกแปลงโฉมเป็นลานเบียร์ขนาดย่อมที่เสิร์ฟเบียร์เยอรมันนานาชนิด พร้อมกิจกรรมและเกมมากมาย และห้ามพลาด เฉพาะ 3 วันแรก 31 ตค.- 2 พย.นี้ พบกับไลฟแบนด์ที่สั่งตรงจากฮัมบณุกและมิวนิค ที่จะมาบรรเลงเพลงสนุกสนานของบาวาเลียน สำรองที่นั่นได้ที่โทรศัพท์ 02 262 0892 ,02 260 0869และ 083-8421506
ข้อมูล
Bei Otto
ประเภท อาหารเยอรมัน
สถานที่ 1 สุขุมวิทซอย 20 ถนน สุขุมวิท โทรศัพท์ 02 262 0892 ,02 260 0869และ 083-8421506
Fax: 02-2581496
หรือ www.beiotto.com