ด้วยความเชื่อที่ว่า เด็กทุกคนล้วนเป็นของขวัญชิ้นพิเศษ ที่พระเจ้ามอบให้ผู้เป็นพ่อและแม่ ดังนั้น เมื่อพระเจ้าส่ง “กาเบรียล” (Gabrielle) ให้มาเป็นลูกสาวคนเล็กของ โรสซาลีน่า อเล็กซานเดอร์ แมคเคย์ เธอจึงหลงรักตั้งแต่แรกเห็น และตั้งใจเลี้ยงเขาอย่างดี โดยไม่ยอมให้ความแตกต่างใดๆ มาสกัดกั้นพัฒนาการของลูกสาวเธอเลย
โรส-โรสซาลีน่า อเล็กซานเดอร์ เคยทำงานโฆษณาที่เอเจนซีและงานทรัพยากรบุคคลชื่อดังของไทย ได้รู้จักและแต่งงานกับ พอล แมคเคย์ ชาวออสเตรเลีย โดยให้กำเนิด “จอร์จีน่า” ลูกสาวคนแรกที่เมืองไทย ก่อนจะย้ายตามสามีไปอยู่อเมริกา จนเมื่อ “จอร์จีน่า” อายุได้ 5 ขวบ โรสซารีน่าก็ให้กำเนิดลูกสาวคนที่สองโดยตั้งชื่อว่า “กาเบรียล”
“กาเบรียล” เป็นเสมือนของขวัญชิ้นที่ 2 ที่พระเจ้ามอบให้กับครอบครัวแมคเคย์ โรสเล่าว่าเห็น กาเบรียล หลังคลอดเพียงไม่กี่นาที ตอนนั้นเธอเองยังไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไร จนพยาบาลอุ้มลูกออกไป คุณหมอก็เข้ามาบอกว่าลูกของเธอเข้าข่าย “เด็กพิเศษ” แต่เพื่อความแน่ชัด จะขอเจาะเลือดไปตรวจ 3 วันจึงจะรู้ผล
โรสเล่าย้อนหลังถึงความรู้สึกในวินาทีที่รู้ข่าวลูกว่า “ตอนหมอบอกไม่ช็อกนะคะ แต่ช่วงรอผล 3 วัน ยอมรับว่ากังวลเล็กน้อยว่าเราจะทำอย่างไร พอผลออกมายืนยันว่า กาเบรียลเป็นดาวน์ซินโดรม หมอก็แนะนำว่าต้องทำอย่างไร แต่เราก็ยังรักเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเรารักเขาเข้าไปแล้วนี่ จะให้เลิกรักเป็นไปไม่ได้”
โรสบอกว่า โชคดีที่กาเบรียลไปเกิดที่อเมริกา เพราะหากเกิดที่เมืองไทย ข้อมูลความรู้ที่มีอาจจะไม่ได้ช่วยให้เขามีพัฒนาการอย่างที่เขาได้รับก็ได้ “ตอนนั้นถ้าอยู่ที่เมืองไทย พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเป็นอย่างไร อาจเคว้งคว้างหาทางออกไม่ได้ แต่ที่อเมริกา ถ้าครอบครัวไหนมีเหตุการณ์เช่นนี้ เขาจะมีเอเจนซีที่มีนักบำบัดเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง มาช่วยดูแลสุขภาพของลูกเราว่าเป็นอย่างไร จะได้รักษาให้ตรงจุด ให้ลูกโตเหมือนเด็กทั่วไป ของกาเบรียลมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อมัดใหญ่ไม่แข็งแรง ก็ต้องรักษากล้ามเนื้อให้แข็งแรงก่อน เพื่อที่เขาจะได้มีแรงไปเรียนรู้เรื่องอื่นๆ ตอนนั้นหมอก็แนะนำให้กาเบรียลต้องทานวิตามินเสริมและกายภาพบำบัดเพื่อกล้ามเนื้อ”
กาเบรียลได้รับการวิเคราะห์และดูแลจากนักบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาได้อย่างตรงจุด ขณะเดียวกัน “แม่” อย่างโรสเอง ก็ต้องเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงลูกในแบบใหม่ๆ เมื่อทุกอย่างกำลังเข้าที่ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ทำให้โรสก็ต้องเสียขวัญอีกครั้งเมื่อกาเบรียลเกิดอาการลมชัก
“ตอนที่ลูกเป็นลมชัก เขามีอาการเหมือนผวาติดๆ กัน 10 ครั้งใน 2 นาที เราก็รีบพาส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าต้องรอพบแพทย์เฉพาะทาง อาการลมชักนี่เป็นอาการที่พบได้บ่อยในเด็กที่มีความต้องการพิเศษ หมอบอกว่าการรักษาจะต้องใช้ยาคุมอาการ ยาชนิดแรกมีอัตราการตาย 0.05 เปอร์เซ็นต์ ชนิดที่สองลูกจะสูญเสียศักยภาพการมองระยะใกล้ ชนิดถัดไปทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เราก็เริ่มกันที่ยาที่มีฤทธิ์อ่อนที่สุด ช่วงนั้น กาเบรียลที่เคยร่าเริง กลายเป็นเด็กที่ไม่แสดงอารมณ์ออกทางสีหน้า ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ เหมือนไม่ใช่คนเดิม (น้ำตาคลอ) คือตาของเขาจะเหมือนมีอะไรมาบังอยู่บางๆ เขาทานยาอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ครึ่ง อาการลมชักก็หยุด แต่ตาของเขาก็ยังมีน้ำรื้นๆ อยู่ตลอดเหมือนกับมีม่านบางๆ กั้นไว้ จนอยู่มาวันหนึ่ง กำลังป้อนข้าวเขาอยู่ แล้วเขามองหน้าเรา วินาทีนั้น แววตาของเขาเปลี่ยนไป พี่เห็นแล้วรู้เลยว่า “กาเบรียล” กลับมาแล้ว กำแพงที่ตาของเขามันพังไปแล้ว”
นั่นเป็นอีกวันหนึ่งที่แม่โรสกลับมามีความสุขอีกครั้ง หลังจากกังวลเรื่องลูกอยู่พักใหญ่
เมื่อกาเบรียลอายุได้ 2 ขวบ ครอบครัวแมคเคย์ต้องย้ายกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ครั้งนี้โรสต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อเสาะหาสถานที่ช่วยพัฒนาลูก แต่ก็ไม่มี สุดท้ายเธอก็ใช้ประสบการณ์ที่เรียนรู้จากนักบำบัดและข้อมูลที่ได้จากการค้นหาในโลกไซเบอร์ที่มีอยู่เลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน หากมีโอกาสพบเจอแม่คนอื่นที่มีลูกคล้ายกาเบรียล ถ้าเธอช่วยได้ก็จะช่วยอย่างเต็มที่
“แม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษที่พี่เจอส่วนใหญ่ จะหมดกำลังใจกันทั้งนั้น พอพ่อแม่หมดกำลังใจ เด็กก็แย่เลย ใครจะสอนเขาล่ะ เขาก็ต้องโตมาแบบไม่มีโอกาสได้เรียกร้อง หรือได้พูดว่าเขาก็ปกติเหมือนเด็กทั่วไปนะ ตรงนี้พี่ก็เลยคิดอยากตั้งชมรมอะไรก็ได้ที่จะช่วยเด็ก จนได้มาเจอคุณนันทรี ชีวมงคล ก็เลยช่วยกันจัดตั้งกลุ่ม “เรนโบว์ รูม” เพื่อช่วยเด็กๆ และรับฟังแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน”
โรสยังฝากบอกถึงคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษว่า อย่าท้อแท้ เด็กทุกคนล้วนมีศักยภาพในตัวเองทั้งนั้น “ในโลกนี้มีใคร 2 คนเหมือนกันบ้างไหม ไม่มีเลย เพียงแต่สิ่งที่เขาแตกต่างจากเรา อาจจะเห็นชัดเจนกว่าคนอื่นๆ โรสอยากเห็นเด็กๆ อยู่รวมกัน อย่ามองว่าเขาแตกต่าง อยากเห็นสังคมให้เกียรติซึ่งกันและกัน เชื่อในพลังบวก และความรักที่จะมีให้กับเพื่อนมนุษย์ เด็กเหล่านี้มีแต่ความจริง เขาไม่ได้อยู่ในความหลอกลวง เขาไม่ได้โกหก เขาคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ไม่มีความซับซ้อน เราต้องมองให้เห็น ถ้าเราเปลี่ยนแว่นมองเราอาจจะเห็นก็ได้”
ก่อนจากกัน คุณแม่ผู้เข้มแข็งยังบอกอีกว่า “เธอโชคดีมากที่ได้จอร์จีน่าและกาเบรียลมาเป็นลูก เพราะลูกทั้ง 2 สอนให้เธอใจเย็นขึ้น เข้มแข็งและมีความเข้าใจมากขึ้น กาเบรียลอาจจะเรียนรู้ในเวลาที่มากกว่า แต่พัฒนาการเขาก็เหมือนเด็กทั่วๆ ไป พี่พยายามสอนให้เขาช่วยตัวเองมากที่สุด มองสิ่งที่โดดเด่นของเขา และช่วยในสิ่งที่เขายังต้องเรียนรู้ แล้วดูสิเขาก็เหมือนเด็กทั่วไป ทำได้ทุกอย่าง เขามาสอนบทเรียนในชีวิตที่มีค่ามากที่สุด นั่นคือการรู้จักรักโดยไม่มีเงื่อนไข แล้วอย่างนี้ลูกจะไม่ใช่ของขวัญพิเศษจากพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร” โรสกล่าวพร้อมกับสายตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก ที่จับจ้องไปยังสาวน้อยกาเบรียล ซึ่งกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน นั่นคือหนึ่งตัวอย่าง ของพลังความรักอันยิ่งใหญ่ที่แม่มีให้แก่ลูก
ภาพโดย จิรโชค พันทวี