>>ท่ามกลางสังคมเมืองในปัจจุบันที่อยู่ยากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าครองชีพ หรือการแข่งขันทางธุรกิจ ทำให้หลายครอบครัวต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของชีวิต แต่สำหรับครอบครัว “ลิมปิชาติ” ที่เราแวะมาทักทายวันนี้เขาบอกว่าครอบครัวเน้น “ชิล” ขอใช้ชีวิตเอนจอยมากกว่าที่จะต้องต่อสู้อย่างเคร่งเครียด เพราะคนเรารู้วันเกิดแต่ไม่รู้วันตาย จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้!
ครอบครัวนี้ประกอบด้วย 4 สมาชิกในครอบครัว คือ คุณพ่อแอร์ “ปวีณ ลิมปิชาติ” อดีตผู้คร่ำหวอดในแวดวงทางสายการเงินการธนาคาร และหลักทรัพย์มาเกือบ 20 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจเกษียณตัวเองออกมาทำธุรกิจส่วนตัว โดยปัจจุบันเขาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร “Bar & Bed” รีสอร์ตที่เกาะเสม็ด
คุณแม่น้ำอ้อย “พิมพวรรณ ลิมปิชาติ” อดีตอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ เมื่อก่อนเธอทำงานให้กับบริษัทไรแฟนเบิร์กที่เกี่ยวกับตกแต่งภายใน เนื่องจากต้องดูแลลูกที่ยังเล็กเธอจึงออกมาเป็นฟรีแลนซ์รับงานออกแบบทั่วไป โดยลูกสาว 2 คนที่เธอต้องดูแลก็คือ “อิ๊งค์-สุลดา ลิมปิชาติ” ลูกสาวคนโตวัย 28 ปี เธอใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ด้วยความที่ชินกับวัฒนธรรมเพราะไปเรียนอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็ก หลังจากเรียนจบทางด้านแฟชั่น เธอจึงยังคงเลือกที่จะใช้ชีวิตได้ทำในสิ่งที่เธอชอบเกี่ยวกับแฟชั่นและออนไลน์ จะกลับมาเมืองไทยปีละครั้งเท่านั้น
ส่วนลูกสาวคนเล็ก “แอ้ม-ปวีณลักษณ์ ลิมปิชาติ” เธอจบการศึกษาไฮสคูลจาก Methodist Ladies College เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แล้วเลือกที่จะไปเรียนต่อปริญญาตรี สาขาการเต้นและการแสดง (Performance Art) ที่มหาวิทยาลัยคิงส์ตัน ประเทศอังกฤษ หลังจากกลับมาเมืองไทยแอ้มได้ลองฝึกงานที่บริษัทอีเวนต์ออร์แกไนเซอร์ เพื่อหาประสบการณ์การทำงาน เรียนรู้ที่จะได้ทำหลายๆ แผนก โดยปัจจุบันนี้เธอเข้ามาร่วมงานกับบริษัทเอเยนซียักษ์ใหญ่อย่างโอกิลวี่ ในตำแหน่ง Account Executive ติดต่อกับลูกค้าซึ่งตอนนี้เธอกำลังรู้สึกสนุกกับงาน
“โอกิลวี่เป็นองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียง ทุกคนทำงานกันเก่งมาก ทำให้เรายิ่งต้องแอกทีฟ แอ้มชอบการทำงานเป็นทีมมาก แม้งานจะเยอะแต่ทุกคนช่วยกันทำ ทำให้บรรยากาศในการทำงานไม่เครียด สิ่งแวดล้อมในการทำงานดีมาก เพื่อนร่วมงานทำให้แอ้มสนุก อยากเรียนรู้ ซึ่งเราได้ฝึกความครีเอทีฟด้วย”
ถึงเวลาต้องเกษียณตัวเอง!
จากการได้นั่งพูดคุยและสัมผัสกับครอบครัวลิมปิชาติในการมาเยี่ยมบ้านของพวกเขาครั้งนี้ เรารู้สึกได้ถึงความสบายๆ ใช้ชีวิตกันแบบชิลชิล ไม่จำเป็นต้องไปแก่งแย่งแข่งขันกับใคร ขอเพียงได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบก็พอ หากเมื่อถามถึงงานประจำของทั้งพ่อแอร์และแม่อ้อยแล้ว ทั้งสองกลับตอบตรงกันว่าวันนี้ “เกษียณ” แล้ว ทั้งที่วัยเพียง 50 นิดๆ เท่านั้น!
ปวีณ :: “ทุกวันนี้เหมือนกึ่งรีไทร์นะ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมลาออกจากงานประจำก็มาทำงานส่วนตัวเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ พอดีเจอเพื่อนที่เขาทำรีสอร์ตอยู่บนเกาะ ผมก็เลยมาทำเพราะผมชอบทะเลอยู่แล้ว และเสม็ดก็อยู่ไม่ไกลนะ ขับรถ 2 ชั่วโมงเอง พอๆ กับไปหัวหินเลย”
พิมพวรรณ :: “ตอนนี้รีไทร์เต็มตัว เมื่อก่อนเราทำงานอินทีเรียร์ แต่ถ้าเพื่อนๆ ให้ช่วยเหลืออะไรเราก็ช่วย บางคนอยากแต่งบ้านเราก็ช่วยเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ หรือเพื่อนจะเปิดร้านอาหารก็ไปช่วยเขาเลือกของแต่งร้าน ถ้าจะให้เรารับงานเต็มตัวคงไม่เอาแล้วเพราะไม่อยากทุ่มเวลาไปกับการทำงานจนเกินไป เราอยากรีแลกซ์แล้ว”
ปวีณ :: “ถึงเวลาต้องเกษียณตัวเองนะ เพราะอายุขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่หยุดทำงานจะเอาเวลาที่ไหนเที่ยวล่ะ!?” ผมไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ขอเอนจอยกับชีวิตนิดนึง ใช้ชีวิตกับครอบครัว กับเพื่อน กับตัวเอง ผมชอบเล่นดนตรีด้วย ก็จะเล่นเปียโนแจมกับกลุ่มเพื่อนบ้างสนุกๆ ”
พิมพวรรณ :: “อยู่ๆ ก็อยากเกษียณอายุตัวเอง เราอยากออกมาทำอะไรจุกจิกของเรามากกว่า ได้ใช้ชีวิต ได้เดินทาง พบปะเพื่อนฝูง ยิ่งตอนนี้ลูกโตแล้วเรายิ่งสบายขึ้น”
ปวีณ :: “ผมเป็นคนเพื่อนเยอะ แล้วกับคุณอ้อยเองเราต่างคนก็ต่างเอนจอยกับการสังสรรค์ เราชอบเจอเพื่อน ชอบสังคม ชอบมีกิจกรรม ชีวิตไม่ต้องมีรูทีน ซึ่งเราเคยเป็นมาแล้วสมัยช่วงที่เราทำงานแค่นั้นก็พอแล้ว มีความรู้สึกว่าสบายกับการใช้ชีวิตแบบนี้ ลูกจบแล้วยิ่งสบาย มีเวลามากขึ้น ลูกโตแล้วการที่จะไปท่องเที่ยวไหนก็มีความคล่องตัวขึ้น ว่างก็ไปพร้อมกัน หรือใครอยากไปไหนก็ไป ไม่มีการบังคับ”
ความห่วงใยที่ไม่คาดหวังของแม่
ด้วยแนวคิดการใช้ชีวิตแบบชิลชิล สบายๆ เน้นเรื่องการใช้ชีวิตให้มีความสุข ซึ่งคอนเซ็ปต์ตรงนี้ก็ยังส่งผลถึงการอบรมเลี้ยงดูลูกด้วย แต่ตามธรรมชาติของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ย่อมอยากให้ลูกมีความสุขทั้งในเรื่องของการทำงานและการใช้ชีวิต เราจึงอยากรู้วิธีการเลี้ยงลูกอย่างไรในเมื่อคุณพ่อคุณแม่ชอบการใช้ชีวิตแสนชิลขนาดนี้ แล้วเคยคาดหวังอะไรกับลูกๆ บ้างไหม? ซึ่งเมื่อมาถึงคำถามตรงนี้คุณพ่อขอโยนให้คุณแม่เป็นผู้ตอบดีกว่า
ปวีณ :: “ส่วนใหญ่คุณแม่จะใกล้ชิดกว่า ผมก็สนิทกับลูก แต่ไม่ค่อยกุ๊กกิ๊กกันเท่าไหร่ ลูกสาวบ้านเราไม่ค่อยอ้อนพ่อนะ (หัวเราะ)”
พิมพวรรณ :: “ถ้าถามว่ามีความคาดหวังมั๊ย บอกจริงๆ ว่าก็หวังอยู่ลึกๆ ว่าอยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราไม่ได้กดดันเขา เพราะรู้สึกว่าชีวิตเป็นของเขา เขาต้องมีโอกาสที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง ในเมื่อตัวเราเองไม่ชอบความผิดหวัง ถ้าเราไปคาดหวังกับเขาเราอาจผิดหวังได้ ฉะนั้นก็เลยปล่อยๆ เฉยๆ แล้วแต่เขาว่าอยากจะทำอะไร
ทั้งสองคนช่วยตัวเองได้เยอะมาก คนโตไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษตั้งแต่ 10 ขวบ แอ้มก็ไปเรียนที่ออสเตรเลียตั้งแต่ 12 ขวบ ทั้งสองคนเขาสามารถจัดการชีวิตตัวเองได้ทุกอย่าง เลือกเองว่าจะเรียนอะไร ตัดสินใจเอง จัดการสมัครเรียนของเขาเอง เรามีหน้าที่สนับสนุนเขาอย่างเดียว”
ปวีณลักษณ์ :: “ที่จริงคุณพ่อคุณแม่เป็นคนชิลนะ อยากทำอะไรก็ทำ อยากเรียนอะไรก็เรียน ถึงเราจะไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กแต่ท่านก็จะสอนให้เรามีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ แล้วก็เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี”
พิมพวรรณ :: “ต้องให้เครดิตคุณยาย เพราะคุณยายค่อนข้างเจ้าระเบียบ แล้วตอนลูกเล็กๆ จะใกล้ชิดกับคุณยายมากก็จะได้เรื่องความเป็นระเบียบจากคุณยาย”
เลี้ยง 2 สาวซ่านิดๆ แต่อยู่ในโอวาท
ข้อดีของการที่พ่อแม่ส่งลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กนั้นก็คือการฝึกเรื่องความรับผิดชอบและดูแลตัวเอง นอกจากนั้นอีกข้อดีก็คือ ทำให้สามารถปรับตัวอยู่ได้กับสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม อย่างไรก็ดีการใช้ชีวิตสไตล์นักเรียนนอกอาจจะซ่าหน่อย แต่สำหรับลูกๆ ทั้งสองของครอบครัวลิมปิชาติ แม้จะมีออกนอกกรอบบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยซ่า แถมยังอยู่ในโอวาทอย่างดีอีกด้วย!!
ปวีณลักษณ์ :: “ที่จริงแอ้มเป็นเด็กที่เชื่อฟังพ่อแม่นะ พ่อแม่ก็เลยแค่สอน ไม่จำเป็นต้องดุ นอกจากอะไรที่เราทำผิดจริงๆ คุณแม่หวงมาก มักจะดุในเรื่องที่การวางตัวหรือเรื่องจุกจิกของผู้หญิงๆ ส่วนคุณพ่อชิลๆนะ แต่จะห่วงเรื่องการใช้เงิน เรื่องงาน และจะคอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องการวางแผนในการใช้ชีวิต แต่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็เข้าใจนิสัยของเรา แม้เขาจะส่งเราไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กๆ”
พิมพวรรณ :: “แอ้มไม่ค่อยซ่านะลูกสาวคนโต (อิ๊งค์-สุลดา ลิมปิชาติ) ซ่ากว่า เขาเรียนด้านแฟชั่น เป็นคนที่มีความมั่นใจและแต่งตัวเปรี้ยวกว่าแอ้มเยอะ ส่วนแอ้มเขาง่ายๆ”
ปวีณ :: “โชคดีที่ลูกไม่เหลวไหล ถึงไม่ได้เก่งแต่เขาก็เอาตัวรอดได้ แอ้มอยู่เมืองไทยเยอะกว่าอิ้งค์ ลูกสาวคนโต คนนั้นจะกลับมาแค่ปีละครั้ง”
ปวีณลักษณ์ :: “ตอนนี้กลับมาก็อยู่กับครอบครัวมากขึ้น รู้สึกเหมือนเป็นลูกคนเดียว เพราะพี่สาวเรียนอยู่ต่างประเทศ อบอุ่นมาก (ลากเสียงยาว) แต่แอ้มติดเพื่อนมาก คุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่เห็นว่าเราโตสักที (หัวเราะ) พ่อก็ห่วงอีกแบบนึง เช่นเรื่องทำงาน การเงิน คุณแม่ก็จะเป็นเรื่องความปลอดภัย ไม่อยากให้กลับบ้านดึก”
“ทะเล”…“ชีวิต” ของบ้านลิมปิชาติ
หนึ่งกิจกรรมที่ทุกคนในบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหลงรัก และเมื่อมีเวลาจะต้องพุ่งไปทันที นั่นคือการได้ใช้ชีวิตอยู่กับท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นการนั่งมองทะเลอยู่เฉยๆ หรือการลงไปสำรวจโลกใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ได้เห็นอีกสิ่งที่ไม่เคยเห็น
ปวีณ :: “บ้านเราชอบไปทะเล เราชอบกิจกรรมแอดเวนเจอร์กันทั้งบ้าน พวกเราดำน้ำกันหมดทุกคน อย่างแอ้มเชื่อมั้ยเขาเป็นผู้หญิงที่ชอบผิวสีแทนนะ เขาจะสามารถไปทำกิจกรรมเอาต์ดอร์ ลุยๆ ได้ ไม่เหมือนสาวๆ คนอื่นที่กลัวแดดมาก”
ปวีณลักษณ์ :: “แอ้มชอบออกกำลังกาย ชอบเล่นกิจกรรม ชอบผู้หญิงมีกล้ามหน่อยๆ ดูแข็งแรงดี สมัยเด็กๆ แอ้มยังเคยเป็นนักว่ายน้ำด้วย แอ้มไม่กลัวตัวดำนะ แอ้มว่าดูเซ็กซี่ดีออก”
พิมพวรรณ :: “อย่างที่บอกว่าเราชอบใช้ชีวิต ชอบทำกิจกรรม ฉะนั้นพี่จะชอบไปดำน้ำ ไปใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ รู้สึกว่าคนที่ชอบกีฬาดำน้ำ จะเป็นคนง่ายๆ คุยกันรู้เรื่อง อย่างเวลาเราดำลงไปเจอปลาอะไรก็มาคุยกัน โลกใต้น้ำเป็นที่สวยงาม ใต้น้ำไม่มืดนะ เพราะแสงลงไปถึง แต่ยิ่งลึกสีก็ยิ่งเข้มขึ้นเพราะแสงลงไปถึงน้อย”
ส่วนทริปดำน้ำที่ประทับใจของแต่ละคนนั้นหลากหลายที่แตกต่างกันออกไป เพราะไปกันมาหลายทริปเหลือเกิน!
พิมพวรรณ :: ทริปที่ประทับใจที่สุดคือปีที่แล้วไป “กาลาปากลอส” ได้เห็นทุกอย่างที่อยากเห็น ได้เห็นฉลามวาฬตัวใหญ่ 14 เมตร, sun fish, ฉลามหัวค้อน ได้ว่ายน้ำกับสิงโตทะเล นกเพนกวิน และโลมา เหมือนเราเป็นเพื่อนกันเลย”
ปวีณลักษณ์ :: “แอ้มประทับใจ สิปปาดัน อยู่ที่อินโดนีเซีย แล้วก็มัลดีฟส์ด้วย ที่ไปกับคุณพ่อคุณแม่”
ปวีณ :: “ผมว่าแค่เกาะเต่าก็โอเคนะ ไปได้บ่อยๆ เพราะเป็นทะเลที่ใกล้สุด ดำน้ำเป็นกีฬาที่เราไม่ควรประมาท จริงๆ ก็กีฬาทุกประเภทแหละ เราต้องเซฟตี้ ต้องรู้จักอุปกรณ์ให้ดี รู้วิธีการปรับตัวใต้น้ำ การลงน้ำ และที่สำคัญต้องรู้จักสัตว์ทะเลด้วย”
โฮมทาวน์แต่งเต็ม
ทาวน์โฮมหลังสูงย่านเอกมัยเป็นสถานที่ในการพักผ่อนและใช้ชีวิตสบายๆ ของครอบครัวลิมปิชาติ แม้ภายนอกจะดูเหมือนทาวน์โฮมหลังอื่นๆ ในโครงการ แต่เมื่อเราเคาะประตูบ้านเข้าไปกลับให้ความรู้สึกอีกแบบ ราวกับอยู่ในรีสอร์ตที่ได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่ประตูไม้บานใหญ่ รวมถึงความโอ่โถงของห้องรับแขก ไม่เสียชื่อ “คุณน้ำอ้อย-พิมพวรรณ” อดีตอินทีเรียร์ดีไซเนอร์สุดติสท์
“บ้านหลังนี้มี 5 ชั้น ชั้นล่างสำหรับคนดูแลบ้าน มีครัวทำอาหาร ชั้น 2 เป็นโถงรับแขก แล้วก็มีห้องนั่งเล่นที่ชั้น 3 ส่วนชั้น 4-5 เป็นห้องส่วนตัวของแต่ละคน ในเรื่องการตกแต่งพี่ไม่ได้ลงมือเขียนแบบเอง แต่เราบอกคอนเซ็ปต์และคุมงานเองทั้งหมด ของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นพี่เป็นคนซื้อเอง ส่วนหนึ่งก็เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่แล้ว ย้ายมาจากบ้านเก่าที่เราซื้อสะสมไว้
พี่เป็นคนชอบไม้ ชอบสีเข้ม ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างก็อยู่ในคอนเซ็ปต์เพราะความที่เราชอบแบบไหนเราก็มักจะซื้อของในสไตล์นั้นเก็บไว้ เชียงใหม่เป็นแหล่งที่ได้เฟอร์นิเจอร์ในการแตกแต่งบ้านของเราเยอะที่สุด เวลาไปซื้อของให้ลูกค้าก็ซื้อของที่เราชอบด้วย (หัวเราะ) แต่พอย้ายมาบ้านนี้ห้องเก็บของค่อนข้างเล็กก็เลยทำให้เราหยุดซื้อ ก็ดีไปอย่าง ไม่อย่างนั้นเราก็ซื้อแหลก”
Bar & Bed
นอกจากการใช้ชีวิตปกติวิ่งวุ่นของแต่ละคนที่อยู่ในเมืองหลวงแล้ว ครอบครัวลิมปิชาติก็ยังปลีกเวลาไปใช้ชีวิตและย้ายเตียงนอนไปอยู่กันที่ “Bar & Bed” รีสอร์ตสไตลฮิป ดิบ เปลือยที่คุณพ่อ-ปวีณ ลิมปิชาติเป็นหนุ่งในผู้ถือหุ้น มีส่วนดูแลตั้งแต่เริ่มสร้างจนกระทั่งเปิดให้บริการ โดยรีสอร์ตแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ บริเวณอ่าวน้อยหน่า ของเกาะเสม็ด
ปวีณ :: “เกาะเสม็ดมีหลายหาด ซึ่งการเดินทางไปแต่ละหาดนั้นต้องนั่งรถสองแถวไปซึ่งค่อนข้างลำบาก ผมกับหุ้นส่วนคุยกันว่าเราอยากทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อยู่ในที่เดียวกัน ทั้งที่พักและที่สังสรรค์ ก็เลยกลายมาเป็น “Bar & Bed” รีสอร์ตขนาด 32 ห้อง เป็นแนวฮิปๆ ดิบๆ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “บาร์” มีไว้สำหรับปาร์ตี้ “เบด” ก็คือที่สำหรับนอน อยู่ในหาดส่วนตัว
เราเองก็พยายามจัดปาร์ตี้อีเวนต์อยู่เรื่อยๆ เพื่อเพิ่มความคึกคักให้กับเกาะ โดยใช้คอนเซ็ปต์ว่า “Sleepless Society in samed” มีความหมายคล้ายๆ ที่นี่มีสิ่งที่เกิดขึ้นให้คุณแอกทีฟได้ตลอดเวลา เคยจัดคอนเสิร์ตมา 3 ครั้ง ผลัดเปลี่ยนศิลปินไป อยากให้คอนเซ็ปต์เป็นตัวที่จะดึงดูดลูกค้า
ที่นี่ก็เป็นที่พักผ่อนที่หนึ่งของครอบครัวด้วย เสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่ได้ไปไหน เราก็จะไปอยู่กันที่เกาะเสม็ด แต่ผมไปก็ไม่ค่อยได้พักผ่อนนะเพราะเราไปดูความเรียบร้อย (หัวเราะ)”
พิมพวรรณ :: “ช่วงแรกที่คุณแอร์ทำรีสอร์ตก็ไม่ค่อยได้ช่วย เพราะเขามีทีมของเขา แต่มาช่วยคอมเมนต์ในช่วงหลังๆ เพราะว่าเรื่องรายละเอียดผู้หญิงอย่างเราจะรู้ว่าอะไรที่ควรจะมีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาพัก อะไรที่แก้ไขได้เขาก็แก้ไข”
ปวีณลักษณ์ :: “เสาร์-อาทิตย์ จะไปเสม็ดกับคุณพ่อ แอ้มตามคุณพ่อไปตั้งแต่เริ่มสร้างแล้ว ช่วยซัปพอร์ตงานคุณพ่อนิดๆ หน่อยๆ แล้วแอ้มก็ทำเสื้อกับหมวก “บาร์แอนด์เบด” ไปขายเป็นที่ระลึกของรีสอร์ตด้วย” :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/