xs
xsm
sm
md
lg

“เดชโรจน์ ตั้งสิน” ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ต้น-เดชโรจน์ ตั้งสิน
บ่ายวันศุกร์สดใส ห้องสวีทหรูบนชั้นสูงสุดของโรงแรมแม่น้ำ ริเวอร์ไซด์ ต้น-เดชโรจน์ ตั้งสิน ทายาทเจ้าของโรงแรมแม่น้ำ เปิดประตูต้อนรับเราเพื่อพูดคุยถึงภารกิจการสานงานของครอบครัวตั้งสิน ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 อย่างอบอุ่น

หนุ่มต้นในวัย 27 ปีเล่าว่า หลังจบปริญญาโท วิศวะอุตสาหการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาตั้งใจจะบินไปเรียนต่อปริญญาเอก แต่บังเอิญครอบครัวมีแผนก่อสร้างคอนโดมิเนียมชื่อ แม่น้ำเรสซิเด้นท์ เจริญกรุง 72 เป็นโครงการใหญ่มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท คุณพ่อเดชา ตั้งสิน จึงขอให้เขาช่วยงานครอบครัวก่อน

“ตอนแรกอยากไปเรียนต่อ เพราะกลัวว่าถ้าหยุดมาทำงานกลับไปเรียนจะไม่ต่อเนื่อง แต่พอเห็นโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งใหญ่มาก ก็รู้สึกท้าทาย เลยบอกคุณพ่อ “โอเค” ตอนนี้ได้รับมอบหมายให้ประสานงานทุกเรื่อง ซึ่งก็ตรงกับที่เรียนมา คือพัฒนาระบบ เน้นใช้เวลาการทำงานให้น้อยที่สุด”
 

ครอบครัวตั้งสิน เติบโตมาจากธุกิจโรงแรมยาวนานกว่า 60 ปี เขาเล่าว่า ได้ซึมซับเรื่องการทำงานโรงแรมมาตั้งแต่เล็กๆ จากคุณพ่อ เพราะตอนเด็กคุณพ่อจะพาครอบครัวมาอยู่ที่โรงแรม จึงได้เห็นการบริหารงานของคุณพ่อมาตลอด เป็นเสมือนการวางรากฐานการบริหารงานในอนาคตโดยไม่รู้ตัว

“ตอนเป็นนักศึกษาผมก็เริ่มเข้ามาช่วยงานโรงแรมเล็กๆ ของครอบครัวที่เพิ่งเปิดใหม่ มีหน้าที่ช่วยดูแลฟรอนท์ เซ็ตระบบ ก็ช่วยกันคิดว่าเวลาลูกค้ามา ต้องมีไฟล์อะไรเก็บบ้างแบบนี้ พอดีมีความรู้เรื่องไอทีบ้าง เลยเซ็ตโปรแกรมสำหรับฟรอนท์ของโรงแรม”
เดชา ตั้งสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม่น้ำ เรสซิเดนท์ จำกัด และ รองประธาน
หนุ่มต้นยอมรับว่า ช่วงฝึกงานเจอปัญหามากมาย แต่ก็ได้รับคำแนะนำในการแก้ปัญหาจากคนในครอบครัว โดยเฉพาะ จากคุณพ่อของเขา ที่เคยผ่านอุปสรรคต่างๆ มาแล้วกว่ายี่สิบปี คุณพ่อมักจะเล่าถึงปัญหาในการบริหารงานในช่วงเริ่มต้น บุกเบิกโรงแรมแม่น้ำกับคุณปู่ ทำให้ต้นได้ซึมซับวิธีการแก้ไขปัญหามาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งการสอนของคุณพ่อ ที่ยึดหลักการให้ลูกคิดและหาคำตอบด้วยการปฏิบัติ
 

แม้จะเกิดมาในครอบครัวมีฐานะ แต่ตระกูลตั้งสินก็สอนให้ลูกหลานรู้จักประหยัดและเห็นคุณค่าของเงิน โดย ต้นเล่าถึงสไตล์การเลี้ยงลูกของคุณพ่อเดชาว่า ตอนที่เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ คุณพ่อถามว่าต้องใช้เงินเป็นค่าใช้จ่ายจนเรียนจบเท่าไหร่ เมื่อต้นคำนวณค่าใช้จ่ายตลอดสี่ปีที่เรียนเป็นเงิน 3 แสนบาท ซึ่งเขาได้เงินก้อนนี้จากคุณพ่อมา เขาบอกว่านั่นเป็นวิธีการสอนลูกให้รู้จักบริหารเงิน และเป็นวิธีการเดียวกับที่คุณปู่ของเขาทำกับคุณพ่อเช่นกัน

“จริงๆ ทุกคนพอมีเงินเยอะก็ไม่ค่อยกล้าใช้ กลัวเงินจะหมดก่อนเรียนจบ ผมก็เอาไปฝากประจำแล้วคำนวณว่าแต่ละปีจะใช้เงินเท่าไหร่ จนปีสามตอนนั้นเหลือเงินประมาณครึ่งหนึ่ง ก็อยากลองทำธุรกิจดู”
ครอบครัว ตั้งสิน
 
ครั้งนั้นต้นกับเพื่อนลงขันเปิดร้านไอศกรีมกันคนละ 1 แสนบาท ครั้งแรกคุณแม่ไม่เห็นด้วยเนื่องจากกลัวว่า ถ้าธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จแล้วเงินจะสูญ แต่คุณพ่อเดชากลับไม่คัดค้านอะไร เขาจึงเดินหน้าเปิดร้านไอศกรีมชื่อsatosoft's ย่านสยามสแควร์

ชีวิตการเป็นเจ้าของธุรกิจของต้นในวัยแค่ 20 ปี ตอนนั้นค่อนข้างจะหนักพอสมควร เพราะเขาต้องสลับกับเพื่อนมาเปิดร้านในตอนเช้า พอตอนบ่ายเลิกเรียนเขาจะมาดูแลต่อจนปิดร้าน แม้จะเหน็ดเหนื่อยมากแต่เขาก็บอกว่าคุ้มค่า

 
จากความมุ่งมั่นของเขา เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงหนึ่งแสน ก็สามารถต่อยอดไปจนปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของร้านไอศกรีมถึง 4 สาขา “กว่าจะได้ทุนคืนก็เกือบปี ตอนนั้นร้านแรกอยู่ทำเลไม่ค่อยดี เลยไปดูที่ใหม่บนสยาม เปิดเป็นสาขา 2 ซึ่งเปิดเพียง 4 เดือนก็ได้ทุนคืนแล้ว ที่ดีใจคือมีคนมาขอแฟรนไชส์”

การเป็นเจ้าของธุรกิจร้านไอศกรีมในขณะที่ยังศึกษาอยู่ ทำให้ต้นรู้สึกภูมิใจที่ได้ใช้ความรู้และวิธีการสอนของครอบครัวมาปรับใช้ จนเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จไปอีกก้าว กับธุรกิจขนาดจิ๋วแต่เจ๋ง !

 
และเมื่อเกือบ 30ปีมาแล้ว ทั้งคุณปู่และคุณพ่อได้ร่วมกันบุกเบิกตั้งวางฐานรากของโรงแรมรามาดา แม่น้ำ ริเวอร์ไซด์ บนถนนเจริญกรุง ซึ่งถือเป็นโปรเจกต์ใหญ่มากในยุคนั้น จนถึงปีนี้กำลังเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของครอบครัวนี้ ที่จะฉีกแนวธุรกิจมาทำคอนโดมิเนียมขนาดยักษ์ คุณพ่อเดชาและต้นกำลังช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เพื่อก้าวสู่ยุคที่สามของครอบครัว

ต้นบอกว่า “คอนโดมิเนียมเป็นการบริหารงานอีกแบบหนึ่ง ซึ่งท้าทายเพราะต้องเรียนรู้ใหม่หมด อยากทำโปรเจกต์นี้จนจบแล้วค่อยไปเรียนต่อ เพราะผมว่าเราอาจไม่ได้สร้างตึกแบบนี้อีกแล้ว ผมคิดว่าเราอยู่เรียนรู้ที่นี่จะได้อะไรเยอะกว่าไปเรียนต่อเมืองนอกมากนัก”

“พ่อจะสอนและย้ำตลอด อย่าหวังมรดกจากพ่อ ให้หาความรู้ใส่ตัวให้ได้มาก และให้รู้จักการใช้ชีวิตอย่างสมถะ” ต้นกล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มอันสดใส
การปลูกฝังของเดชาและครอบครัวที่มีต่อลูกชายตั้งแต่เด็ก ทั้งการใช้ชีวิต การปล่อยให้คิดเอง ทำเอง ทำให้วันนี้ “ต้น-เดชโรจน์ ตั้งสิน” คืออีกหนึ่งนักทายาทนักธุรกิจหน้าใหม่ ที่น่าจับตามอง
กำลังโหลดความคิดเห็น