มาร์ค ณ นคร ดิมิทร๊อฟ หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-บัลกาเรีย คือหนึ่งในผู้ที่ได้มีโอกาสเดินในริ้วขบวนพระอิสริยยศในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 เมษายนนี้
ที่น่าแปลกคือเด็กหนุ่มหน้าฝรั่งคนนี้บอกว่าที่เขาสมัครใจมาเดินในริ้วขบวนครั้งนี้เพราะต้องการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของ รัชกาลที่ 6 และ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ที่มีต่อชีวิตของเขา
หนุ่มหล่อเจ้าของความสูงเกือบ 2 เมตรคนนี้เกิดที่ฝรั่งเศส จนอายุได้ 4 ขวบ คุณพ่อซึ่งเป็นชาวบัลกาเรีย จึงย้ายครอบครัวมาทำธุรกิจจิวเวอร์รี่ที่ภูเก็ต ในวัยเด็กเขาเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลภูเก็ต จนถึงชั้นประถมปีที่ 6 แล้ววันหนึ่งคุณแม่ของมาร์คนั่งรถผ่านโรงเรียนวชิราวุธก็เกิดความคิดผุดขึ้นมาในใจว่าอยากให้ลูกเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้บ้าง
มาร์คต้องเพียรสอบถึง 2 ครั้ง จึงสามารถเข้ามานักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนแห่งนี้ได้ “ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเรียนที่นี่ ช่วงแรกก็คิดว่าไม่ไหวอยากลาออกคือยังปรับระบบไม่ได้ แต่พอยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่ารักและก็ผูกพัน เริ่มรักเพื่อน รักพี่ รักโรงเรียน คือที่นี่ก็สอนเราหลายอย่างมาก ทำให้ได้รู้ว่ารัชกาลที่ 6 ทรงมีพระปรีชาสามารถมีพระคุณกับพวกเราอย่างไร? รู้ว่าสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯพระธิดาของพระองค์ก็ทรงดูแลพวกเราเป็นอย่างดี” มาร์ค ย้อนถึงความรู้สึกเมื่อครั้งศึกษาที่นี่
โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยก่อตั้งขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2453 โดยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีพระประสงค์ให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถาบันที่ให้การศึกษาอย่างแท้จริงแก่กุลบุตรชาวไทย และเป็นเสมือนพระอารามหลวงประจำรัชกาล ซึ่งมิได้โปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพราะทรงมีพระราชดำริว่า ในรัชสมัยของพระองค์พระอารามหลวงต่างๆ มีอยู่มากแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนขึ้นตามแบบโรงเรียนรัฐบาลของประเทศอังกฤษ และพระราชทานนามโรงเรียนแห่งนี้ว่า "โรงเรียนมหาดเล็กหลวง" ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
จากครั้งแรกที่ไม่อยากมาเรียน แต่พอนานไปมาร์คยอมรับว่าผูกพันกับที่นี่ โดยเฉพาะรัชกาลที่ 6 ทรงวางรากฐานเพื่อให้พวกเขาเป็นคนดี อาทิ หน้าที่หนึ่งของเด็กวชิราวุธทุกคนทำทุกเช้า คือ ท่องพระบรมราโชบาย 9 ข้อ เป็นกรอบให้นักเรียนวชิราวุธน้อมนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมาร์คยอมรับและเชื่อว่าตัวเขาเองและเพื่อนๆอาจจะปฏิบัติไม่ได้ทั้ง 9 ข้อ แต่เมื่อใดที่ออกนอกกรอบ และย้อนกลับมาคิดถึงคำสอนทั้ง 9 ข้อนี้ พวกเขาก็จะพยยามกลับเข้ามาอยู่ในกรอบให้ได้
นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เด็กวชิราวุธฯทุกคนรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ภาคภูมิใจคือการมีโอกาสได้ถวายงานรับใช้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ โดยมาร์คเองก็มีโอกาสได้ถวายการรับใช้บ่อยครั้ง แม้จะไม่ได้เข้าเฝ้าเห็นพระพักตร์โดยตรง “วันเกิดท่านเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ผมอยู่ในวงปี่สก๊อตของโรงเรียนวชิราวุธที่ได้เข้าไปบรรเลงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ มีการตัดเค้ก ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้า ได้เห็นพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด และเห็นท่านว่าทรงประชวรมากแล้ว ตอนนั้นผมรู้สึกประทับใจและภูมิใจแทนพระองค์ท่านที่มีคนเข้าไปถวายพระพรท่านมากมาย ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นบุคคลสำคัญ” มาร์คกล่าว
ตอนจบมัธยม 6 ก่อนจะเข้าไปกราบทูลลาสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ในวังรื่นฤดีตามระเบียบโรงเรียน เขาได้รับคัดเลือกให้เป็นนักเรียนทุนสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ในฐานะที่เรียนเก่ง เล่นกีฬาเก่งและเป็นคฑากร ครั้งนั้นนอกจากได้รับพระราชทานเข็มที่ระลึกแล้ว ยังได้รับทุนการศึกษาอีกจำนวนหนึ่งด้วย ทั้ง ๆ ที่เด็กวชิราวุธทุกคนเสียค่าเล่าเรียนเพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่พระราชทานให้แก่เด็กทุกคนตลอดมา
ชะตาชีวิตของมาร์คเข้ามาผูกพันกับตรงนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ คือสอบคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันที่ พระบาทสมเด็จพระมงกฏเกล้าเจ้าอย่าหัว ทรงก่อตั้ง ที่นี่มาร์คได้รับรู้และซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ว่า พระองค์ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างห้องสมุดประจำคณะเพื่อให้นิสิตใช้หาความรู้เพิ่มเติม
สำหรับวันนี้ (9 เม.ย.55) งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี มาร์คเป็นคนหนึ่งที่สมัครใจเข้ามาเดินเพื่อถวายอาลัย ซึ่งเขาบอกว่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้รับใช้เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
“คุณค่าความเป็นคนอย่างหนึ่ง คือ การที่เราได้สำนึกในบุญคุณต่อผู้มีพระคุณที่ทำให้เราได้มีมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้นการที่เรารู้ถึงข้อมูลและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งบางครั้งแม้ว่าจะไม่สามารถได้รับใช้โดยตรง แต่ผมคิดว่าเราสามารถช่วยกันเผยแพร่ความดีของพระองค์ท่านและผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
จุดเริ่มต้นของความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์นั้น ต้องเป็นการเริ่มด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ และแสดงเป็นภาคผลของการกระทำที่ตรงกับจิตใจ ก่อนจะลาจากกันในวันนั้นมาร์ค ณ นคร ดิมิทร๊อฟ บอกกับเราว่า ตัวเขาเองนั้นไม่เคยลืมพระมหากรุณาธิคุณ และจะนำสอนทุกคำนั้นจะคงอยู่กับเข้าตลอดไป...จนกว่าชีวิตจะหาไม่