xs
xsm
sm
md
lg

“โรคนอนไม่หลับ” จุดเปลี่ยนชีวิต "อาภาศิริ เทพหัสดินฯ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>> สำหรับใครที่กำลังเครียดเรื่องปัญหาน้ำท่วม เราขอให้คุณทำใจปล่อยวางเสียบ้าง เพราะความเครียดแม้จะดูเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับคนเมืองแบบแยกกันไม่ออกอยู่แล้ว แต่เจ้าความเครียดนี่แหละ เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดอีกสารพัดโรคที่สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้อย่างร้ายแรง เหมือนกับหญิงสาวคนนี้ที่ต้องประสบกับ "ปัญหาโรคนอนไม่หลับ" ซึ่งมีปัญหามาจากการเครียดสะสม ที่ถึงแม้จะไม่ได้เครียดจากปัญหาน้ำท่วม แต่ก็น่าจะเป็นตัวอย่างได้ดีว่าความเครียดทำอันตรายคุณได้บ้าง แล้วเราไปดูว่าเธอมีวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไร

ในวัย 39 ปี ของพีอาร์สาวคนเก่งแห่งบริษัท DotDotDot “กบ-อาภาศิริ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ดูสดใสร่าเริงและสุขภาพดี แต่เธอกลับเปิดเผยว่าเมื่อ 4 ปีก่อน เธอประสบปัญหาเป็นโรคนอนไม่หลับติดต่อเป็นปี ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ โดยวันนี้เธอจะมาเล่าประสบการณ์และการรักษาโรคนี้ด้วยตัวเอง

อาภาศิริเล่าย้อนไปในตอนเริ่มต้นของอาการ “นอนไม่หลับโดยไม่รู้สาเหตุนานเป็นเดือนๆ ติดกัน จนรูปร่างจะกลายเป็นซากศพ คืนแรกๆ ที่นอนไม่หลับก็ยังร่าเริงอยู่ แต่พอสักสัปดาห์เริ่มงง คิดว่ามันแปลกๆ แล้ว แต่เป็นอยู่ 1 ปีถึงจะไปหาหมอ เพราะตอนนั้นเราคิดว่ามันไม่มีสาเหตุอะไรที่จะทำให้เราป่วย ไม่ได้มีปัญหา ไม่ได้ทำงานด้วย เพราะเพิ่งคลอดลูก ตอนนั้นลูกอายุได้ 1 ขวบครึ่ง ซึ่งตอนที่เรามีน้อง เป็นช่วงที่เราเหนื่อยที่สุด ตอนเลี้ยงลูกเราเลี้ยงเอง เราก็จะหลับก่อนลูกทุกวัน เพราะมันเหนื่อย” เมื่อเธอไปหาหมอ หมอบอกว่าสาเหตุของการนอนไม่หลับเกิดจากความเครียด

จากคนกระฉับกระเฉง แข็งแรง แอกทีฟสุดๆ กลับกลายมาเป็นคนที่สุขภาพอ่อนแอ อาภาศิริ บอกว่า นั่นทำให้เธอมีสภาพจิตใจที่แย่มาก “มันเปลี่ยนแปลงโดยที่เราไม่รู้ตัว ทั้งตกใจ สับสน วุ่นวาย คิดหาทางว่าจะทำยังไงให้เราหาย มันก็ยิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก จนวันหนึ่งไปปรึกษาอาจารย์สอนทำสมาธิว่า นอกจากทำบุญต่างๆ นานาแล้ว ต้องทำอะไรอีกให้เราสบายใจ อาจารย์ก็บอกว่าให้เราทำใจ!

พออาจารย์บอกเราก็กลับมาตั้งสติใหม่ แทนที่จะเครียด เราก็นอนทำสมาธิไป หลับบ้าง ไม่หลับบ้าง แต่ไม่เหนื่อยเหมือนเดิม เรากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เพราะเข้าใจว่า กรรมเป็นกรรม เราก็ดูแลรักษาร่างกายเราให้ดีที่สุด ทานวิตามิน ไปหาหมอ ออกกำลังเท่าที่จะออกได้ ตอนแรกคิดเอาเองว่าตอนร่างกายแข็งแรงยังนั่งสมาธิได้ไม่ค่อยดีเลย แล้วตอนป่วยเราจะนั่งได้เหรอ แต่อาจารย์ที่สอนนั่งสมาธิบอกว่า ตอนที่ป่วยนี่แหละ ควรจะนั่ง จะได้รักษาตัวเอง จิตใจจะได้สงบ”

เมื่อใช้การนั่งสมาธิบวกกับการปฏิบัติธรรม ทำให้อาภาศิริได้เข้าใจว่าร่างกายไม่เที่ยง ควบคุมได้บ้างไม่ได้บ้าง จึงไม่เคร่งเครียดเรื่องปัญหานอนไม่หลับ แต่หันมาปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต รักษาสมดุลของร่างกายและจิตใจ รวมถึงการรับประทานอาหาร “ตอนนี้เน้นทานผักเยอะๆ กินเนื้อปลากับเนื้อไก่ เพราะกินแล้วย่อยง่าย ทานน้ำเยอะมาก ส่วนเนื้อวัวกับเนื้อหมูก็เลิกทาน กาแฟก็เลิกไปเลย เพราะดื่มแล้วรู้สึกปวดท้อง ถ้าเราทานอะไรแล้วรู้สึกไม่ดีกับร่างกาย ก็ให้คิดว่ามันไม่ดีจริงๆ และเลิกกิน”

ถึงแม้ตอนนี้สุขภาพร่างกายจะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่อาภาศิริก็ยังจัดสรรเวลาของตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เวลากับสุขภาพกาย สุขภาพใจ และครอบครัวไปพร้อมๆ กัน “เมื่อก่อนตอนร่างกายแข็งแรง เราทำงานหนัก และผลักดันตัวเองมากๆ ทะเยอทะยาน และอยากพิสูจน์ตัวเองโดยที่ไม่มีใครมาบอก แต่ตอนนี้ต้องแบ่งเวลาให้สมดุล เรายังทำงานฟูลไทม์อยู่ แต่รู้จักแบ่งเวลามากขึ้น จะตื่นประมาณ 7 โมงเช้า นอนไม่เกินเที่ยงคืน”

และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้สุขภาพของเธอดีขึ้นก็คือ การเล่นโยคะ “ตอนนี้กลับมาเล่นโยคะใหม่ เคยเล่นโยคะมาก่อน เห็นเลยว่าสุขภาพดี แต่พอมีลูกเราก็ต้องแบ่งเวลาให้ลูก จนเราไม่ได้เล่นโยคะ เลยต้องกลับมาแบ่งเวลาใหม่ ให้ล่นให้ได้ พอกลับมาเล่นรู้เลยว่าร่างกายเราต้องการมาก ทำให้เลือดสูบฉีด ตอนนี้เล่นได้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง แต่เป้าหมายคือทุกวัน จะเล่นทุกวันไม่ให้ขาด”

จากวันนั้นที่เป็นโรคนอนไม่หลับและกลับมาปกติได้ อาภาศิริใช้เวลา 3 ปี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องหนักที่สุดในชีวิตของเธอ แต่ก็ทำให้เธอได้ค้นพบสัจธรรมอย่างหนึ่งด้วย คือ การเข้าใจเรื่องกรรม “ไม่ใช่ว่าเราคิดว่ามันเป็นกรรมแล้วไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น พระพุทธเจ้าสอนให้เราเข้าใจเรื่องกรรม เพื่อให้เราไม่โทษและโกรธคนอื่น ให้เข้าใจว่ากรรมมีจริง และสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลอันนั้น ซึ่งถ้าเราทำอะไรไม่ดีไว้ มันเป็นอดีตไปแล้ว เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้ ทำจิตใจให้สงบ ถ้ามีโอกาสช่วยเหลือคนให้ช่วย ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ดูแลตัวเราเองให้ดีเท่าที่จะทำได้ ทำร่างกายให้สดใส คิดในแง่ดีเข้าไว้”

เธอยังฝากถึงคนอ่านเป็นการทิ้งท้ายด้วยว่า “เราเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถที่จะมีความสุข สามารถเข้าถึงธรรมชาติ และมีความสามารถที่จะรักษาตัวเองได้ทุกคน แต่ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะทำหรือเปล่า เราต้องกล้าทำ”

ประสบการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตสาวเก่งคนนี้ อย่างน้อยน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้หลายคนได้กลับมามองตัวเองว่าตอนนี้เราให้สมดุลกับชีวิตมากน้อยแค่ไหน... ::: Text by FLASH

 
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น