xs
xsm
sm
md
lg

ไม่เครียดน้ำท่วม! ฮอลลี่ อัมระนันท์ เส้นเลือดสมองโป่งเกือบตาย ทุกวันนี้อยู่กับมะเร็ง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เหตุการณ์น้ำท่วมหนักที่สร้างความโกลาหลให้กับบ้านเมืองอยู่ยามนี้ อาจทำให้หลายท่านต้องรู้สึกซึมเศร้า เหงา เครียด ….. เช่นเดียวกับ “ฮอลลี่ อัมระนันท์” เซเลบริตี้คนดัง ที่บ้านพักในย่านสุขุมวิทของเธอ ก็เป็นอีกจุดเสี่ยงที่มวลน้ำอาจย่างกรายเข้าไปถึง

คุณฮอลลี่ เธอยอมรับว่าเครียดจากเหตุการณ์นี้อยู่บ้าง ….. แต่ขอย้ำว่า ไม่มากนัก!

หากอยากทราบว่าเพราะเหตุใด “น้องน้ำ” ที่หลายคนกำลังขยาด ถึงสร้างความตึงเครียดให้กับเธอได้ไม่มากเท่าไหร่ ก็คงจะไม่มีทางใดดีไปกว่าการได้รับฟังคำตอบจากปากของเธอ....

“พอรู้ว่าน้ำจะท่วม ก็หนีน้ำมาอยู่ที่ชะอำค่ะ ตอนแรกๆ ก็รู้สึกเครียดอยู่บ้าง เพราะเราไม่รู้ว่าน้ำจะมาเมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวเก็บข้าวของ ป้องกันบ้านเต็มที่ พอป้องกันบ้านแล้ว เราก็รู้สึกว่าถึงยังอยู่ในบ้านต่อไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ถ้าน้ำมายังไงมันก็ท่วมอยู่ดี เลยตัดสินใจชวนลูกสาว (แนน- นันทินี อัมระนันท์) มาที่ชะอำ

วันที่มาถึงวันแรกๆ ก็ยังเครียดอยู่ ดูข่าว เช็คข่าวในอินเทอร์เน็ตทั้งวันเลย ห่วงว่าน้ำจะท่วมบ้านเพื่อน บ้านคนที่เรารู้จักหรือยัง จนสุดท้ายเราก็รู้สึกว่า ไม่ไหวแล้ว ขืนเป็นอย่างนี้ต่อเดี๋ยวก็เครียดเกินไป เลยทำใจ แล้วก็ชวนลูกสาวไปหยิบ DVD มาดูกับลูก ชวนกันไปซื้อของ ไปนวดตัว ชวนกันทำอาหารทานเพื่อคลายเครียด เพราะรู้สึกว่าเครียดไปมันก็เท่านั้น” คุณแม่ยังสาวเปิดประเด็นเล่าถึงสถานการณ์น้ำท่วม ที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเธอ ให้เราฟัง

สารพัดโรคร้าย …ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้จิตใจ
คุณฮอลลี่ และลูกสาวคนสวย “แนน- นันทินี อัมระนันท์”
พูดคุยถึงประเด็นฮอตกันพอหอมปากหอมคอ ม่ายสาวคนสวยเปิดเผยอย่างยิ้มแย้มว่า ปัญหาน้ำท่วมครานี้ มิได้ทำให้เธอเครียดและกังวลมากนัก ทั้งนี้เพราะในอดีตเคยมีประสบการณ์เฉียดตาย ที่ทำให้เธอทั้งเครียดและกังวลยิ่งกว่านี้หลายเท่านัก

นั่นคือ การเป็นมะเร็งเต้านมที่ทำให้เธอต้องฉายรังสีรักษาเนื้อร้ายกว่า 30 ครั้ง กระทั่งปัจจุบันแม้อาการจะดีขึ้น แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าหายแล้ว 100%

“โรคมะเร็งเต้านม ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ว่าหายหรือยัง เพราะเรารักษาไปยังไม่ถึง 5 ปี เราเป็นเมื่อปลายปี 2007 ปัจจุบันก็ยังต้องไปตรวจอยู่ตลอดทุกๆ 6 เดือน ซึ่งกว่าจะรู้ว่าหายหรือไม่ ต้องรอประมาณ 5 ปี หรือถ้าจะให้ชัดว่าหายแน่ๆ ต้องรอดูถึง 10 ปี”

หลายท่านอาจจะคิดไปว่า แค่เป็นมะเร็งก็คงเครียดหนักเครียดสาหัสมากแล้ว แต่สำหรับคุณฮอลลี่ เธอว่า โรคมะเร็งน่ะยังเบบี๋ เพราะโรคที่ทำให้เธอยิ่งเครียด และทรมานมากกว่า ยังมี....

“หลังจากฉายแสงเพื่อรักษาโรคมะเร็งไป 30 ครั้ง เราก็ปวดหัวมาก พอมาตรวจก็พบอีกว่า เราเป็นเส้นเลือดในสมองโป่ง เป็นอาการที่เส้นเลือดในสมองจะแตกได้ง่ายๆ ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้กว่า 90% เส้นเลือดจะแตกตอนอยู่ที่บ้าน ส่วนใหญ่จะมาโรงพยาบาลไม่ทัน ก็ทำให้เสียชีวิตได้”

“ตอนที่เป็นโรคนี้ มันหนักมาก เราต้องไปหาหมอ 10 กว่าคน ปรึกษาหมอทั้งที่นิวยอร์ค ออสเตรเลีย ที่ไทยรวมแล้วก็ 11 คน คราวนั้นบ้ายิ่งกว่าโรคมะเร็งเยอะ เพราะโรคนั้นทำให้ตลอดเวลา 6 เดือน เราไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่บ้านอย่างเดียว เวลานอนหลับก็กลัวว่าจะหลับแล้วไม่ได้ตื่น พอตื่นขึ้นมาแต่ละวันก็คิดว่า อืม! ยังไม่ตาย … ยังไม่ตาย อยู่อย่างนี้ 6 เดือน”

เมื่อนั่งจมอยู่กับความทุกข์เพราะเฝ้ารอโชคชะตาอยู่เฉยๆ ถึง 6 เดือน ท้ายที่สุด เธอก็ตัดสินใจเข้ารับการรักษา แม้จะทราบว่าเสี่ยงมากก็ตาม

“การรักษาโรคเส้นเลือดในสมองโป่ง มี 2 วิธีคือ เจาะที่หัวตา ควักลูกตาออกมา แล้วเอาวัสดุชนิดหนึ่งเข้าไปบีบเส้นเลือดที่โป่งอยู่ให้มันหายโป่ง อีกวิธีคือ วิธีที่เราเลือกนั่นคือ ผ่าตรงเส้นเลือดใหญ่ บริเวณหน้าขา แล้วใส่หลอดเข้าไป จากหน้าขา เพื่อที่จะโยงไปทางหลังตาข้างซ้าย ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่มีเลือดโป่งอยู่

การทำมันอันตรายมาก สามารถทำให้เส้นเลือดใหญ่ฉีกขาดได้ระหว่างทำ และหากเส้นเลือดใหญ่ฉีกขาดก็คือ ตาย โรคนี้แหละที่ทำให้เราประสาทกินเลย”

“ตอนนั้นคุณหมอบอกกับเราว่า อยู่เฉยๆ ก็ได้ จะไม่ทำก็ได้ เพราะถ้าทำแล้วมันก็อาจจะมีผลข้างเคียงคือ หนึ่ง-ตาบอด สอง-เป็นอัมพาต สาม-ตาย ให้เราเลือกเอาว่า อยากจะรักษาหรือจะไม่รักษาก็ได้ แต่เราก็ตัดสินใจทำการรักษา ซึ่งตอนนั้นไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมกล้าตัดสินใจแบบนั้น พอทำเสร็จเรายังมานั่งคิดเลยว่า ทำไมเรากล้าเนี้ย บ้ารึเปล่า (หัวเราะ)

แต่คิดๆ ไป มันก็อาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นมันเหมือนตายทั้งเป็นแล้วมั้ง 6 เดือนที่ต้องอยู่แบบนั้น เรารู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว ที่ต้องนั่งเดาทุกวัน ว่าเส้นเลือดมันจะแตกหรือเปล่า มันเหมือนเรารับไม่ได้อีกแล้วเลยตัดสินใจทำการรักษา”

ธรรมะฟื้นฟูจิต-สร้างพลังชีวิตให้เข้มแข็ง

หลังผ่านพ้นการรักษาโรคร้ายทั้งสองมาได้เกือบ 3 ปี ณ วันนี้ คุณฮอลลี่เชื่อว่า สิ่งที่ทำให้เธอเข้มแข็งจนสามารถผ่านพ้นวิกฤติมาได้ ก็คือ ธรรมะ

“ช่วงที่เป็นโรค ปฏิบัติธรรมเยอะมาก คือ ปกติก็ปฏิบัติอยู่แล้วเป็นประจำ แต่ตอนที่เป็นโรคก็ปฏิบัติหนักขึ้น 2-3 เท่าเลย ตอนนี้ก็เริ่มคลายลงไปหน่อยแล้ว แต่ก็ปฏิบัติสม่ำเสมอนะคะ เพราะเป็นคนชอบนั่งสมาธิ ฟังธรรมะ จนบางทีลูกก็มีแซวว่า ไปทางไหนก็เจอแต่ CD ธรรมะ เขาจะรู้เลยว่า ถ้าขึ้นรถมากับแม่ จะได้ฟังแต่ CD ธรรมะ (หัวเราะ) นอกจากนี้เราก็ชอบสวดมนต์ ไหว้พระ ซึ่งการสวดมนต์ จะแล้วแต่เลยว่าว่างเมื่อไหร่ บางทีอาบน้ำอยู่ก็สวดมนต์ แผ่เมตตาได้ คือ ทำได้ตลอด ตอนไหนที่นึกได้ว่า วันนี้ยังไม่ได้ทำก็ทำ แต่ส่วนใหญ่จะชอบทำตอนอาบน้ำ หรืออยู่คนเดียว”

“ส่วนตัวแล้วคิดว่าธรรมะและการฝึกสมาธิช่วยเรื่องจิตใจได้เยอะมากค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นช่วงที่เป็นโรคคงสติแตกไปแล้ว แต่การได้ฝึกสมาธิ ฟังธรรมะ มันทำให้เรารู้สึกว่าจิตใจนิ่งขึ้น สงบขึ้น ไม่อย่างนั้นจะคิดแต่ว่า กลัวตาย กลัวไม่มีคนดูแลลูก”

แม้วันนี้ เราจะเห็นคุณฮอลลี่ ดูสดใส สดชื่น ออกงานสังคมอยู่เนืองๆ ซึ่งเธอบอกว่า ปัจจุบันสุขภาพกาย สุขภาพใจดีขึ้นมาก ทว่าในด้านการรักษาก็มีผลข้างเคียงหลายอย่าง อีกทั้งยังต้องมีการเฝ้าระวัง และ รับประทานยาไปตลอดชีวิต...

“ทุกวันนี้ก็ยังต้องทานยาละลายเลือด ไม่ให้เลือดข้น ซึ่งคุณหมอบอกว่า ต้องทานไปตลอดชีวิต เพราะวัสดุที่เราเอาไปบีบเส้นเลือด มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปอยู่ในหัวเรา ถ้าเราไม่กินยาละลายเลือด เลือดมันอาจจะข้นและไปติดบริเวณนั้นได้ แล้วก็ต้องระวังตัวเองมากขึ้น เวลามีอะไรบาดแล้วเลือดไหล ต้องรีบห้ามเลือดทันที ไม่อย่างนั้นเลือดจะไหลไม่หยุด เพราะยาที่เราทานมันทำให้เลือดแข็งตัวยาก และเวลาเราชนอะไรนิดหน่อย ก็จะเขียวช้ำง่าย”

“นอกจากนี้ หลังการฉายแสงรักษาโรคมะเร็ง มันก็มีผลกระทบตามมาอีก คือ ผลข้างเคียงของการรักษา มันทำให้เราไม่มีประจำเดือน พอไม่มีประจำเดือนเราก็ปวดท้อง ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูก พอผ่าตัดไปก็ตรวจพบว่ามดลูกไม่ดีอีก สุดท้ายก็ต้องผ่าตัดมดลูกทิ้ง เรื่องนี้ก็จบไป ฉะนั้นไม่กี่ปีมานี้ ผ่าระนาวเลย ยังแซวกับหมอว่า ฉันพรุนไปหมดแล้วนะเนี้ย” เธอตอบอย่างอารมณ์ดี ราวกับกับว่าเรื่องที่เล่ามานี้ ไม่ได้สร้างความทุกข์ระทมใดๆ ให้กับเธอ

โชคดีที่เคยเฉียดตาย

คุณฮอลลี่เล่าว่าหลังจากต่อสู้กับโรคร้ายมาอย่างสาหัสสากรรจ์ ก็ทำให้เธอค้นพบมุมมองที่ว่า อย่างน้อยที่สุดโรคร้ายที่เธอพานพบก็ทำให้เธอแกร่ง และเข้มแข็งขึ้นมาก ซึ่งเธอคิดว่านั่นคือ ความโชคดีที่สอดแทรกมาพร้อมกับความทุกข์

“ทุกวันนี้ก็ดีนะ เพราะตอนนั้น (ช่วงที่ป่วย) ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะรอดนะ พูดตรงๆ ตอนนี้เราก็เลยคิดว่า มันเหมือนเป็นกำไรชีวิตแล้ว อยู่ไปก็ไม่ต้องกลัวอะไร ประสบการณ์นั้นมันทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ไม่ค่อยหวาดวิตก หรือหวาดผวา กับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นง่ายๆ เพราะเราเคยเจอมาหนักแล้ว เมื่อก่อนจะเป็นคนขี้กลัว แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่

อย่างน้ำท่วมคราวนี้ก็ไม่ค่อยกลัวนะ ถึงจะมีเครียดบ้าง กังวลบ้าง แต่เราก็ทำใจได้เยอะ คิดแค่ว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่เมื่อรู้ว่ามันน่าจะเกิด เช่นคิดว่าน้ำน่าจะท่วม เราก็ป้องกันไว้ก่อน เก็บข้าวของให้เรียบร้อย มันก็เป็นการป้องกันความเครียดของตัวเองได้อีกทาง”

เมื่อเป็นคนหนึ่งที่แสนจะเข้มแข็ง แถมมีมีกำลังใจล้นเหลืออย่างนี้ เราจึงขออิงแอบสถานการณ์บ้านเมืองสักนิด ให้คุณฮอลลี่ช่วยฝากกำลังใจไปยังผู้ประสบภัยน้ำท่วมกันเสียหน่อย ซึ่งเซเลบสาวตอบรับด้วยความยินดี และฝากข้อคิดมาว่า

“อยากให้กำลังใจให้ผู้ประสบภัยว่า เรื่องการดูแลบ้านและสิ่งของก็ดูแลเท่าที่จะทำได้แล้วกันค่ะ แต่สิ่งสำคัญคือชีวิต เพราะหากข้าวของหมดไปก็ยังหาใหม่ได้ แต่ชีวิตเราสำคัญมาก ต้องรักษาตัวเองให้ดี เพราะเราเห็นบางคนในข่าว ที่น้ำท่วมแล้วก็ยังกลับเข้าไปเอาของจนเป็นอันตราย ซึ่งมันก็ไม่ดี ดังนั้นก็เอาแต่เฉพาะสิ่งของจำเป็นจริงๆ อย่าง เอกสารสำคัญ รักษาตัวให้รอดก่อนดีกว่า

ส่วนเรื่องน้ำท่วม ก็คิดเสียว่า เรื่องแบบนี้มันเป็นปกตินะ เหมือนตามหลักพระพุทธศาสนาบอกไว้นั่นหล่ะ ทุกอย่างมันตั้งอยู่แล้วดับไป มันก็แค่นั้นเอง... พื้นที่เคยแห้ง วันนึงมันก็มีน้ำเข้ามาท่วม แต่พอท่วมจนถึงจุดสูงสุดแล้ว ถึงที่สุดมันก็จะกลับมาแห้งได้เหมือนเดิม คิดไว้ว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ฮอลลี่ อัมระนันท์ สาวหัวใจแกร่งกล่าวทิ้งท้าย

เรื่องโดย Lady Manager



>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น