xs
xsm
sm
md
lg

น้ำไม่ใช่ “ผู้ร้าย” แต่ผิดที่ เราเลือกใคร?! มาดูแลประเทศ "เป้ สีน้ำ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



ฟังเพลง...ฟ้า หลัง ฝน โดย  เป้ สีน้ำ








น้องน้ำที่ไหลเข้าท่วมหลายอำเภอของเมืองเจดีย์ใหญ่ ส่งผลกระทบให้ โรงเรียนธรรมชาติบ้านริมน้ำ ของศิลปิน เป้ สีน้ำ ณ ต.บางระกำ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี ต้องพลอยปิดตัวเป็นการชั่วคราวไปด้วย

ขณะที่เจ้าของโรงเรียน ระหว่างนี้ มุ่งขึ้นเหนือไปเขียนรูปที่ จ.น่าน เพื่อเตรียมจัดแสดง ณ หอศิลป์ริมน่าน ของศิลปิน วินัย ปราบริปู ในช่วงเดือนธันวาคม

เป้ กล่าวว่า นี่ไม่ใช่การหนีน้ำ แต่เป็นการดำเนินตามตารางชีวิตที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้านานแล้ว

ส่วนน้องน้ำ ที่ปีนี้มาทายทักกันถึงห้องนอน จนต้องขนทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นสู่ที่สูง เขาก็ไม่ได้มองว่าเธอคือ "ผู้ร้าย"  แต่ถือเป็นแขกคุ้นหน้าที่คราวนี้ไม่อาจต้อนรับขับสู้เธอและญาติ ได้อย่างทั่วถึง มิหนำซ้ำต้องขอขอบคุณ ที่เธอมาทำให้โรงเรียนแห่งนี้ สมกับเป็นโรงเรียนธรรมชาติบ้านริมน้ำ อย่างแท้จริง

ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจที่จะถ่ายภาพโรงเรียนถูกน้ำท่วม มาให้คนที่ได้ดู ต้องรู้สึกเศร้าใจ แต่อยากให้จดจำแต่ภาพที่สวยงาม และความรื่นรมย์ที่ทุกคนเคยได้รับ ในทุกครั้งที่ได้ไปเยือน

ดังที่กวี เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เคยฝากลายมือแทนความประทับใจเอาไว้ว่า .... มาอยู่แม้ชั่วยาม ก็งามนัก มีค่านัก

“ผลกระทบจากน้ำท่วมคราวนี้ คือการได้รับน้ำในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ทางเข้าโรงเรียนน้ำสูงในระดับอก ตรงหน้าร้านกาแฟระดับเข่า และมีน้ำเพิ่มเข้ามาในห้องนอน ไม่ได้มองไปที่เรื่องของความเสียหาย แต่มองว่าได้รับน้ำมากขึ้น

พอน้ำมามาก เราก็ต้องขยับตัวเอง ขยับข้าวของขึ้นไปยังที่สูง ขยับรถให้พ้นไปจากพื้นน้ำ น้ำไม่ได้นำภัยมา มันแค่สูงขึ้น ภัยมันอยู่ที่ตัวคน ไอ้พวกโรงงาน หรือคนส่วนหนึ่งที่เขาเดือดร้อน เพราะว่าเขาสร้างความเดือดร้อนรอรับเอาไว้แล้ว น้ำทำให้ใครเดือดร้อนไม่ได้หรอก ผมไม่ได้มองว่าน้ำเป็นภัย

แค่ปรับตัวด้วยการขนของ พาตัวเองให้ไปอยู่พ้นน้ำ จะออกมาข้างนอกก็พายเรือ ไปต่อรถที่เราจอดฝากเพื่อนบ้านไว้ พอน้ำไปเราก็ค่อยกลับมาใหม่(หัวเราะ) อยู่ก็โง่สิ น้ำมาเราก็ต้องหนีน้ำ ใครไปอยู่กับน้ำก็โง่ หรือใครไปมัวกั้นน้ำก็โง่เหมือนกัน”

หากถามว่า เมื่อไหร่? โรงเรียนธรรมชาติบ้านริมน้ำ จะเปิดต้อนรับลูกศิษย์อีกครั้ง คุณครูตอบว่า

“ก็รอจนกว่าเขาจะระบายน้ำเสร็จ ส่วนเราก็ไปทำงานของเราให้เสร็จ แต่ถึงน้ำไม่ลงเราก็กลับมาได้ ถ้าเราทำงานเสร็จ ไม่เกี่ยวกับน้ำ เพราะเราไม่ได้หนีน้ำ แต่เป็นจังหวะที่ plan ไว้พอดี

ส่วนโรงเรียนต้องปิดไปโดยปริยาย เพราะว่านักเรียนไม่สามารถเดินทางได้ นอกจากจะเรียนในน้ำ(หัวเราะ) แต่ดูแล้วคงไม่มีใครอยากมาเท่าไหร่”

ดูเหมือนว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ จะไม่สร้างความทุกข์ให้กับเขาผู้นี้ ในระดับส่วนตัว แต่มองว่าเป็นเรื่องที่สนุกและสามารถทำความเข้าใจได้ เพราะเติบโตมากับวิถีชีวิตริมน้ำ เมื่อจะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น น้ำจะส่งสัญญาณบอกให้รู้ล่วงหน้า และตลอดมาก็พยายามดำเนินชีวิตอย่างคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนกับธรรมชาติ

“ก็เราอยู่กับน้ำ อาศัยน้ำอยู่ เขาจะมามาก มาน้อย เราจะไปต่อว่าเขาได้อย่างไร ใช่ไหม เหมือนพระบิณฑบาตร เขาจะใส่มากใส่น้อย พระจะไปต่อว่าญาติโยมได้ไง เราขอน้ำอยู่ทุกวัน ขอให้เรือวิ่งได้ก็เพราะน้ำ น้ำมามากบ่น เดี๋ยวเขาไม่มาแล้วเราจะเหงานะ

น้ำมาเราก็อยู่ของเราตามเดิม อย่าลืมว่า เราไม่ได้เป็นเจ้าของโลกนะ แต่น้ำเป็นเจ้าของโลกได้เรียนภูมิศาสตร์พื้นฐาน เราก็น่าจะรู้นะว่า โลกมีน้ำอยู่มากถึง 3 ใน 4

น้ำท่วมครั้งนี้ ไฮไลท์ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิตผมคือ ได้เห็นฝูงปลาแปลกชนิด ในปริมาณที่มากมายมหาศาล ส่วนตัวผมมองว่าน้ำนำมูลค่าเพิ่มมาให้ นำโอเมก้า 3 มาให้ (แต่สำหรับคนที่ผจญชีวิตอยู่ท่ามกลางน้ำเน่า และน้ำครำในเมืองกรุงอาจไม่คิดเช่นนี้ ? ) คนที่อยู่ใกล้น้ำครำ เขาก็ต้องกินปลาจากน้ำไม่ครำเหมือนกัน ปลามันเกิดที่ไหน คนก็เอามันไปกินอยู่แล้ว ฉนั้นคุณก็ย่อมได้รับโอเมก้า 3 จากน้ำท่วม”

และวิธีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในแบบของเขา คือการใช้ความสามารถด้านการแต่งเพลง ปลุกปลอบหัวใจผู้ประสบภัย

“เราก็ทำหน้าที่ในส่วนของเรา ไม่จำเป็นต้องเอามือที่จับกีต้าร์ไปกรอกถุงทรายเสมอไป นั่นคือ อยู่บ้านแต่งเพลงให้ชื่อ ‘ฟ้าหลังฝน’ เพื่อที่จะบอกเขาว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ

และในเพลงก็บอกว่า ใช่ว่าอาทิตย์จะมืดมิดตลอดไป ชีวิตยังมีวันเริ่มต้นใหม่ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

แต่งแล้วส่งไปให้ตามทีวี แต่เขาจะเปิดให้หรือไม่เราก็ไม่รู้ ช่วงที่บันทึกเสียง จำได้ว่า ฝ่าน้ำท่วม โดยการขับเรือข้ามเกาะเกร็ดไปบันทึกเสียง”

นอกจากบทเพลง เป้ยังฝากความจริงมาย้ำบอกกับผู้ประสบภัยอีกด้วยว่า

“ผู้ประสบภัย เราเห็นใจเขาอยู่แล้ว เราเศร้า และน้ำตาไหลกับผู้สูญเสียอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า ความเศร้าจะต้องทำให้วิธีคิดเราเปลี่ยนไป เศร้าก็คือเศร้า เห็นใจก็เห็นใจ ไม่เช่นนั้นจะไปแต่งเพลง ร้องเพลงทำไม

แต่เราก็ต้องยอมรับว่า นั่นเป็นการจัดการน้ำของรัฐบาล น้ำมันไม่ได้จัดการตัวของมันเองตามที่ได้รับบัญชามาจากยอดเขา หรือว่าเบื้องบน แต่เขาถูกจัดการโดยระบบของมนุษย์ทั้งหมด ฉนั้นผลกระทบจากระบบที่แปรปรวน เกิดจากมนุษย์ทำมนุษย์เอง แม่น้ำทุกสายในเมืองไทยถูกปิดทาง พอเราควบคุมเขาไม่ได้ ก็สมควรที่ระบบมันจะรวน

พอระบบมันรวน บวกกับวิธีการจัดน้ำแบบคนด้อยประสบการณ์ ด้อยความเข้าใจของคนจัดการน้ำ หรือเพราะเหตุทางการเมือง และอะไรต่อมิอะไรมากมายก่ายกอง ทำให้ประชาชนจึงต้องได้รับผลกระทบ

ถ้ามองให้ดี คนได้รับผลกระทบเพราะระบบ ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะภัยธรรมชาติ เรารู้กันอยู่แล้วว่า ปีนี้น้ำมันไม่ได้มากไปกว่าปีที่ผ่านมา เพียงแต่มันมาเร็ว แค่ 40 วันเท่านั้นเอง ก็เพราะนายเล่นไปกักน้ำไว้ตั้ง 40 วัน พอนายปล่อยไม่ทัน มันก็เลยยุ่ง ภาษาชาวบ้านคือ ฉิบหายหมดเลย

มันฉิบหายโดยวิธีการจัดการของคน ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารจัดการ ไม่ได้ฉิบหายเพราะธรรมชาติทำให้ฉิบหาย

คนที่ได้รับผลกระทบ เราก็รู้สึกโศกเศร้าไปกับเขา เพราะว่าทุกคนต่างเป็นพี่น้องเราทั้งนั้น ญาติเราทั้งนั้น เพื่อนเราทั้งนั้น รวมทั้งตัวเราเองด้วย

แต่เราก็ต้องโทษตัวเราเองก่อน ว่าคุณให้ใครเข้ามามีส่วนสร้างระบบการจัดการ โทษตัวเอง ว่า คุณเลือกคนบางคนเข้ามา คุณก็ต้องยอมรับวิธีการจัดการของเขา”

ตามความเชื่อของ เป้ สีน้ำ น้ำท่วมครั้งนี้ จึงไม่อาจเรียกว่าเป็น “ภัยธรรมชาติ”

Text by    ฮักก้า     Photo by    โรงเรียนธรรมชาติบ้านริมน้ำ









 
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ และ Celeb Online www.astvmanager.com โทร.0 -2629 - 4488 ต่อ 1530 Email: thinksea@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น