By Lady Manager
ในที่ทำงาน มิใช่จะมีเพียงคุณอยู่โดดเดี่ยว หากแต่ยังแวดล้อมไปด้วย เจ้านาย ลูกน้อง และเพื่อนร่วมงาน สำคัญทีเดียวค่ะ กับ “มารยาทในที่ทำงาน” ซึ่งคุณควรจะใส่ใจสักนิ๊ด เพราะไม่ใช่แค่จะทำให้คุณทำงานได้อย่างราบรื่น แต่การเป็นคนมีมารยาทงามๆ ยังทำให้คุณกลายเป็นคนที่น่ารัก น่าคบหา แถมยังส่งผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพได้อีกด้วย
“การมีมารยาทดีในที่ทำงาน จะทำให้คุณกลายเป็นคนที่ดูโดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน และยิ่งหากรู้จักใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน คุณก็จะเป็นที่ชื่นชอบ กลายเป็นคนน่าคบหา และได้รับการสนับสนุนให้เลื่อนตำแหน่ง” Jacqueline Whitmore ผู้ก่อตั้งโรงเรียนด้านการสื่อสาร แห่งเมืองปาล์ม บีช รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกากล่าว พร้อมกันนี้ยังให้แนวทางการปฏิบัติตัว สร้างมารยาทงามๆ ในที่ทำงานมาด้วย
มาดูกันค่ะ ว่ากฎทองของการเป็นคนมีมารยาทดีๆ รู้กาลเทศะ จนสามารถผูกใจเพื่อนร่วมงาน และเจ้านายได้มีอะไรบ้าง
กฎทองข้อ 1 : แต่งกายเหมาะกับกาลเทศะเสมอ
แม้ในความเป็นจริง เราไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก แต่คงปฎิเสธไม่ได้เลย ว่าอย่างไรเสีย การอยู่ร่วมกันในสังคม ก็ต้องมีกรอบของความเหมาะสมทางการแต่งกายเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งเป็นการทำงาน หรือเจรจาธุรกิจด้วยแล้ว ขาดไม่ได้เชียวล่ะ ที่จะต้องเลือกเสื้อผ้าให้สุภาพ เหมาะกับกาลเทศะ หากบริษัทให้ใส่เครื่องแบบชุดยูนิฟอร์ม (uniform) เหมือนกันหมด ก็โล่งไปได้นิด แต่ถ้าหากที่ทำงานให้สิทธิการแต่งกายได้ตามสะดวก หรือคุณต้องออกไปร่วมงานสังคม เพื่อเจรจาธุรกิจกับต่างบริษัทล่ะ..จะเลือกชุดแบบไหนดี?
“การแต่งกายเยอะเข้าไว้ ถือเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น” ผู้เชี่ยวชาญ Whitmore บอกเหตุผลว่า
“หากคุณแต่งเยอะเข้าไว้ คุณสามารถนำเสื้อผ้าบางชิ้นออกได้ เพื่อให้เหมาะสมกับการแต่งกายของผู้คนในงาน หรือคู่เจรจาทางธุรกิจ ในทางตรงกันข้าม หากคุณใส่น้อยไป คุณจะไม่สามารถหาเสื้อผ้ามาใส่ได้ทัน”
ถ้าไม่รู้ว่าจะแต่งตัวอย่างไร คนในงานที่คุณกำลังไปร่วม จะแต่งเยอะ จัดเต็มหรือไม่ ก็แนะให้คุณสาวๆ พกเสื้อแจ็กเก็ต (jacket) หรือเสื้อสูท (suit) เท่ห์ๆ เอาไว้หน่อย ส่วนคุณผู้ชาย ก็เผื่อเนคไท ไว้สักเส้น หากคนในงานเนี้ยบนิ้ง คุณจะได้ดูไม่แปลกแยก แต่ถ้าผู้คนเขาแต่งกายดูสบายๆ ก็แค่ปลดเนคไท หรือถอดเสื้อคลุมออก ก็ดูลำลองขึ้นมาแล้ว
ทั้งนี้เพราะการที่คุณแต่งกายได้เหมาะสม นอกจากจะส่งผลให้คุณดูดีในสายตาของผู้ที่คุณไปติดต่อแล้ว ยังดูดีในสายตาเจ้านายคุณด้วย และเช่นกัน เมื่อแต่งกายมาทำงานที่ออฟฟิศ (office) คงไม่ต้องถึงกับมาดนางแบบจัดเต็ม ราวกับหลุดมาจากเวทีแคทวอล์กปารีสแฟชั่นวีคหรอกค่ะ เอาแค่ให้ดูเหมาะกับสถานที่ สอดคล้องกับการทำงาน และเพื่อนร่วมงานดีกว่าเน๊อะ ^_^
กฎทองข้อ 2 : ใส่ใจเพื่อนร่วมงาน ด้วยการไม่ลืมโอกาสพิเศษ
แม้ว่างานแต่วันอาจจะยุ่งเหยิง แฟ้มเอกสารกองเท่าภูเขา แต่คุณก็ไม่ควรที่จะลืม ใส่ใจความรู้สึกของคนใกล้ตัว อย่าง เพื่อนร่วมงาน โดยการแสดงออกถึงความใส่ใจนี้ อาจแค่ยินดีที่ลูกชายเขาหายป่วย หรือการไม่ลืมโอกาสสำคัญๆ ของเขา
เพราะแค่คำว่า “สุขสันต์วันเกิด ขอให้มีความสุขเยอะๆ” แค่เนี้ย! ถึงไม่ได้มีของขวัญชิ้นใหญ่เบิ้ม แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าคนได้รับคำอวยพร เป็นต้องยิ้มแก้มปริ ที่คุณจำได้ ให้ความสำคัญกับเขา เพราะถ้าเป็นคุณได้คำอวยพรแบบนี้ก็ดีใจแล้วจริงป่ะ
สิ่งเหล่านี้ไม่ยากเกินถ้าคิดจะจดจำ แต่ถ้ากลัวจำไม่ได้ ก็บันทึกแจ้งเตือนไว้ในโทรศัพท์ซะ ใส่ใจสักนิด แล้วคุณจะได้ความรู้สึกดีๆ กลับมาเพียบ!
กฎทองข้อ 3 : อย่าให้โทรศัพท์ ทำคุณเสียมารยาท
มันดูไม่เหมาะแน่คะกับการที่ตั้งเสียงเรียกเข้าซะดังลั่น ใครโทรเข้ามาที ได้รู้กันทั้งแผนก เพราะคนรอบข้างไม่ได้อยากรู้หรอกนะ ว่าแต่ละวันคุณจะคุยกับหวานใจสักกี่ที เพื่อนซี้โทรมาหาสักกี่หน เขาจะรู้แค่เพียงว่า เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์คุณ มันรบกวนสมาธิ การทำงานของเขาย่ะ!
ฉะนั้น เมื่ออยู่ในออฟฟิศ จึงควรตั้งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือให้เบาเข้าไว้ หรือถ้าตั้งสั่นอย่างเดียวได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องมีเสียงรบกวนชาวบ้าน และที่สำคัญ อย่าลืมว่าการคุยโทรศัพท์เรื่องส่วนตัว ขณะทำงานมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรนัก เพราะขณะที่คนอื่นทำงาน คุณจะเอาเปรียบเพื่อนโดยการเม้าท์มอยเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัว มันก็ใช่ที่ ดีไม่ดี จะโดนเขม่นเอาง่ายๆ ดังนั้นถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจริงๆ ก็เอาไว้คุยยามพักเที่ยง หรือหลังเลิกงานเถอะค่ะ
กฎทองข้อ 4 : มีมารยาทเสมอ ในการติดต่อทางอีเมล์
ปัจจุบัน การติดต่อเรื่องงาน-สื่อสารผ่านอีเมล์ (E-mail) มีมากขึ้นทุกขณะ เพราะนอกจากสะดวก ประหยัดแล้ว ยังสามารถส่งเอกสารข้อมูลรูปภาพต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ทว่าการติดต่อผ่านช่องทางนี้ ก็มีข้อควรคำนึง นั่นคือ ควรใช้ภาษาเขียนที่สุภาพ ตรวจสอบคำสะกดให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้รับ เขาจะได้รู้ว่าคุณตั้งใจพิมพ์ ไม่ใช่พิมพ์มั่วๆ เดี๋ยวผิด เดี๋ยวถูก เช่นเดียวกับ การเลือกใช้ขนาดตัวอักษร ให้เหมาะสม เว้นวรรค หรือขึ้นบรรทัดใหม่ เมื่อเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง เพื่อให้อ่านสะดวก เหล่านี้ล้วนเป็นมารยาท ที่จะทำให้อีเมล์และตัวของคุณดูน่าเชื่อถือ
ที่สำคัญ หากคุณต้องติดต่องานผ่านอีเมล์อยู่บ่อยครั้ง อย่าลืมเช็คอีเมล์สม่ำเสมอ และควรตอบกลับอีเมล์ที่คุณได้รับภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการแสดงให้ผู้ที่ติดต่อกับคุณรู้ว่า คุณใส่ใจ และมีความเป็นมืออาชีพในการทำงาน
กฎทองข้อ 5 : อย่าข่มเหง โชว์อำนาจ..เว่อร์เกิน
ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมใด ..บ้าน, โรงเรียน, หรือแม้แต่ที่ทำงาน ไม่มีใครหรอกนะ ที่จะชอบคนนิสัยอันธพาล ใช้อำนาจที่มีอยู่กลั่นแกล้งรังแกผู้อื่น ดังนั้นกฎทองในข้อนี้ จึงขอเตือนบรรดาผู้ที่เป็นหัวหน้า มีสิทธิควบคุมลูกน้องภายใต้บังคับบัญชา ว่าอย่าได้โชว์อำนาจ บ้าพลัง อย่างไม่คิดถึงใจผู้อื่น เพราะอนาคตไม่แน่ไม่นอน คนที่คุณเคยแกล้งไว้ อาจแค้นฝังหุ่น กลับมาเลื่อยขาเก้าอี้ เอาคืนคุณก็ได้
สิ่งที่ควรทำคือ การปกครองลูกน้องด้วยไมตรีจิต เพื่อสร้างศรัทธา และความน่าเคารพยำเกรง เพราะผู้ใต้บังคับบัญชา ถือเป็นกลุ่มคนที่จะช่วยส่งเสริมให้คุณก้าวหน้าในอาชีพยิ่งๆ ขึ้นไป ดังนั้นจึงอยู่ที่คุณแล้วล่ะ ว่าจะเลือกสร้างผู้สนับสนุน หรือศัตรูในที่ทำงาน
“คุณไม่ควรใช้ตำแหน่ง หรืออำนาจที่มีอยู่ กลั่นแกล้งลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ เพราะไม่เพียงแต่คุณจะสูญเสียความจงรักภักดีของพวกเขาไปแล้ว คุณยังอาจจะต้องตกอยู่สภาวะที่แสนลำบาก หากวันหนึ่งลูกน้องเขยิบขึ้นมาเป็นหัวหน้าคุณ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้” Thomas P. Farley ผู้เชี่ยวชาญด้านมารยาททางสังคม บรรณาธิการนิตยสาร Modern Manners ร่วมให้ข้อมูลกฎทองข้อที่ 5 นี้
เรียบเรียงจาก ไชน์
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ในที่ทำงาน มิใช่จะมีเพียงคุณอยู่โดดเดี่ยว หากแต่ยังแวดล้อมไปด้วย เจ้านาย ลูกน้อง และเพื่อนร่วมงาน สำคัญทีเดียวค่ะ กับ “มารยาทในที่ทำงาน” ซึ่งคุณควรจะใส่ใจสักนิ๊ด เพราะไม่ใช่แค่จะทำให้คุณทำงานได้อย่างราบรื่น แต่การเป็นคนมีมารยาทงามๆ ยังทำให้คุณกลายเป็นคนที่น่ารัก น่าคบหา แถมยังส่งผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพได้อีกด้วย
“การมีมารยาทดีในที่ทำงาน จะทำให้คุณกลายเป็นคนที่ดูโดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน และยิ่งหากรู้จักใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน คุณก็จะเป็นที่ชื่นชอบ กลายเป็นคนน่าคบหา และได้รับการสนับสนุนให้เลื่อนตำแหน่ง” Jacqueline Whitmore ผู้ก่อตั้งโรงเรียนด้านการสื่อสาร แห่งเมืองปาล์ม บีช รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกากล่าว พร้อมกันนี้ยังให้แนวทางการปฏิบัติตัว สร้างมารยาทงามๆ ในที่ทำงานมาด้วย
มาดูกันค่ะ ว่ากฎทองของการเป็นคนมีมารยาทดีๆ รู้กาลเทศะ จนสามารถผูกใจเพื่อนร่วมงาน และเจ้านายได้มีอะไรบ้าง
กฎทองข้อ 1 : แต่งกายเหมาะกับกาลเทศะเสมอ
แม้ในความเป็นจริง เราไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก แต่คงปฎิเสธไม่ได้เลย ว่าอย่างไรเสีย การอยู่ร่วมกันในสังคม ก็ต้องมีกรอบของความเหมาะสมทางการแต่งกายเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งเป็นการทำงาน หรือเจรจาธุรกิจด้วยแล้ว ขาดไม่ได้เชียวล่ะ ที่จะต้องเลือกเสื้อผ้าให้สุภาพ เหมาะกับกาลเทศะ หากบริษัทให้ใส่เครื่องแบบชุดยูนิฟอร์ม (uniform) เหมือนกันหมด ก็โล่งไปได้นิด แต่ถ้าหากที่ทำงานให้สิทธิการแต่งกายได้ตามสะดวก หรือคุณต้องออกไปร่วมงานสังคม เพื่อเจรจาธุรกิจกับต่างบริษัทล่ะ..จะเลือกชุดแบบไหนดี?
“การแต่งกายเยอะเข้าไว้ ถือเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น” ผู้เชี่ยวชาญ Whitmore บอกเหตุผลว่า
“หากคุณแต่งเยอะเข้าไว้ คุณสามารถนำเสื้อผ้าบางชิ้นออกได้ เพื่อให้เหมาะสมกับการแต่งกายของผู้คนในงาน หรือคู่เจรจาทางธุรกิจ ในทางตรงกันข้าม หากคุณใส่น้อยไป คุณจะไม่สามารถหาเสื้อผ้ามาใส่ได้ทัน”
ถ้าไม่รู้ว่าจะแต่งตัวอย่างไร คนในงานที่คุณกำลังไปร่วม จะแต่งเยอะ จัดเต็มหรือไม่ ก็แนะให้คุณสาวๆ พกเสื้อแจ็กเก็ต (jacket) หรือเสื้อสูท (suit) เท่ห์ๆ เอาไว้หน่อย ส่วนคุณผู้ชาย ก็เผื่อเนคไท ไว้สักเส้น หากคนในงานเนี้ยบนิ้ง คุณจะได้ดูไม่แปลกแยก แต่ถ้าผู้คนเขาแต่งกายดูสบายๆ ก็แค่ปลดเนคไท หรือถอดเสื้อคลุมออก ก็ดูลำลองขึ้นมาแล้ว
ทั้งนี้เพราะการที่คุณแต่งกายได้เหมาะสม นอกจากจะส่งผลให้คุณดูดีในสายตาของผู้ที่คุณไปติดต่อแล้ว ยังดูดีในสายตาเจ้านายคุณด้วย และเช่นกัน เมื่อแต่งกายมาทำงานที่ออฟฟิศ (office) คงไม่ต้องถึงกับมาดนางแบบจัดเต็ม ราวกับหลุดมาจากเวทีแคทวอล์กปารีสแฟชั่นวีคหรอกค่ะ เอาแค่ให้ดูเหมาะกับสถานที่ สอดคล้องกับการทำงาน และเพื่อนร่วมงานดีกว่าเน๊อะ ^_^
กฎทองข้อ 2 : ใส่ใจเพื่อนร่วมงาน ด้วยการไม่ลืมโอกาสพิเศษ
แม้ว่างานแต่วันอาจจะยุ่งเหยิง แฟ้มเอกสารกองเท่าภูเขา แต่คุณก็ไม่ควรที่จะลืม ใส่ใจความรู้สึกของคนใกล้ตัว อย่าง เพื่อนร่วมงาน โดยการแสดงออกถึงความใส่ใจนี้ อาจแค่ยินดีที่ลูกชายเขาหายป่วย หรือการไม่ลืมโอกาสสำคัญๆ ของเขา
เพราะแค่คำว่า “สุขสันต์วันเกิด ขอให้มีความสุขเยอะๆ” แค่เนี้ย! ถึงไม่ได้มีของขวัญชิ้นใหญ่เบิ้ม แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าคนได้รับคำอวยพร เป็นต้องยิ้มแก้มปริ ที่คุณจำได้ ให้ความสำคัญกับเขา เพราะถ้าเป็นคุณได้คำอวยพรแบบนี้ก็ดีใจแล้วจริงป่ะ
สิ่งเหล่านี้ไม่ยากเกินถ้าคิดจะจดจำ แต่ถ้ากลัวจำไม่ได้ ก็บันทึกแจ้งเตือนไว้ในโทรศัพท์ซะ ใส่ใจสักนิด แล้วคุณจะได้ความรู้สึกดีๆ กลับมาเพียบ!
กฎทองข้อ 3 : อย่าให้โทรศัพท์ ทำคุณเสียมารยาท
มันดูไม่เหมาะแน่คะกับการที่ตั้งเสียงเรียกเข้าซะดังลั่น ใครโทรเข้ามาที ได้รู้กันทั้งแผนก เพราะคนรอบข้างไม่ได้อยากรู้หรอกนะ ว่าแต่ละวันคุณจะคุยกับหวานใจสักกี่ที เพื่อนซี้โทรมาหาสักกี่หน เขาจะรู้แค่เพียงว่า เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์คุณ มันรบกวนสมาธิ การทำงานของเขาย่ะ!
ฉะนั้น เมื่ออยู่ในออฟฟิศ จึงควรตั้งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือให้เบาเข้าไว้ หรือถ้าตั้งสั่นอย่างเดียวได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องมีเสียงรบกวนชาวบ้าน และที่สำคัญ อย่าลืมว่าการคุยโทรศัพท์เรื่องส่วนตัว ขณะทำงานมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรนัก เพราะขณะที่คนอื่นทำงาน คุณจะเอาเปรียบเพื่อนโดยการเม้าท์มอยเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัว มันก็ใช่ที่ ดีไม่ดี จะโดนเขม่นเอาง่ายๆ ดังนั้นถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจริงๆ ก็เอาไว้คุยยามพักเที่ยง หรือหลังเลิกงานเถอะค่ะ
กฎทองข้อ 4 : มีมารยาทเสมอ ในการติดต่อทางอีเมล์
ปัจจุบัน การติดต่อเรื่องงาน-สื่อสารผ่านอีเมล์ (E-mail) มีมากขึ้นทุกขณะ เพราะนอกจากสะดวก ประหยัดแล้ว ยังสามารถส่งเอกสารข้อมูลรูปภาพต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ทว่าการติดต่อผ่านช่องทางนี้ ก็มีข้อควรคำนึง นั่นคือ ควรใช้ภาษาเขียนที่สุภาพ ตรวจสอบคำสะกดให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้รับ เขาจะได้รู้ว่าคุณตั้งใจพิมพ์ ไม่ใช่พิมพ์มั่วๆ เดี๋ยวผิด เดี๋ยวถูก เช่นเดียวกับ การเลือกใช้ขนาดตัวอักษร ให้เหมาะสม เว้นวรรค หรือขึ้นบรรทัดใหม่ เมื่อเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง เพื่อให้อ่านสะดวก เหล่านี้ล้วนเป็นมารยาท ที่จะทำให้อีเมล์และตัวของคุณดูน่าเชื่อถือ
ที่สำคัญ หากคุณต้องติดต่องานผ่านอีเมล์อยู่บ่อยครั้ง อย่าลืมเช็คอีเมล์สม่ำเสมอ และควรตอบกลับอีเมล์ที่คุณได้รับภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการแสดงให้ผู้ที่ติดต่อกับคุณรู้ว่า คุณใส่ใจ และมีความเป็นมืออาชีพในการทำงาน
กฎทองข้อ 5 : อย่าข่มเหง โชว์อำนาจ..เว่อร์เกิน
ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมใด ..บ้าน, โรงเรียน, หรือแม้แต่ที่ทำงาน ไม่มีใครหรอกนะ ที่จะชอบคนนิสัยอันธพาล ใช้อำนาจที่มีอยู่กลั่นแกล้งรังแกผู้อื่น ดังนั้นกฎทองในข้อนี้ จึงขอเตือนบรรดาผู้ที่เป็นหัวหน้า มีสิทธิควบคุมลูกน้องภายใต้บังคับบัญชา ว่าอย่าได้โชว์อำนาจ บ้าพลัง อย่างไม่คิดถึงใจผู้อื่น เพราะอนาคตไม่แน่ไม่นอน คนที่คุณเคยแกล้งไว้ อาจแค้นฝังหุ่น กลับมาเลื่อยขาเก้าอี้ เอาคืนคุณก็ได้
สิ่งที่ควรทำคือ การปกครองลูกน้องด้วยไมตรีจิต เพื่อสร้างศรัทธา และความน่าเคารพยำเกรง เพราะผู้ใต้บังคับบัญชา ถือเป็นกลุ่มคนที่จะช่วยส่งเสริมให้คุณก้าวหน้าในอาชีพยิ่งๆ ขึ้นไป ดังนั้นจึงอยู่ที่คุณแล้วล่ะ ว่าจะเลือกสร้างผู้สนับสนุน หรือศัตรูในที่ทำงาน
“คุณไม่ควรใช้ตำแหน่ง หรืออำนาจที่มีอยู่ กลั่นแกล้งลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ เพราะไม่เพียงแต่คุณจะสูญเสียความจงรักภักดีของพวกเขาไปแล้ว คุณยังอาจจะต้องตกอยู่สภาวะที่แสนลำบาก หากวันหนึ่งลูกน้องเขยิบขึ้นมาเป็นหัวหน้าคุณ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้” Thomas P. Farley ผู้เชี่ยวชาญด้านมารยาททางสังคม บรรณาธิการนิตยสาร Modern Manners ร่วมให้ข้อมูลกฎทองข้อที่ 5 นี้
เรียบเรียงจาก ไชน์
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net