ว่ากันว่าชีวิตคนเรานั้น จะพบกับจุดผกผันได้ไม่บ่อยครั้งนัก แต่สำหรับ “ราเชล คริสตี้” อดีตนางงามอังกฤษ หรือมิสอิงแลนด์ ได้พบกับจุดพลิกผันของชีวิต ทั้งสูงสุดและต่ำสุดภายในปีเดียว
ในเดือนกรกฎาคม 2009 ราเชล คริสตี้ กลายเป็นที่จับตามองมากที่สุดไม่ใช่แต่เฉพาะอังกฤษและเครือจักรภพ แต่รวมถึงคนทั่วโลกต่างตื่นเต้นและยินดีไปกับผู้หญิงคนนี้ เพราะไม่ใช่เพียงแค่มงกุฎที่บอกให้รู้ว่า คณะกรรมการเลือกให้เธอเป็นตัวแทนของชาวอังกฤษ สำหรับเวทีมิสเวิลด์เท่านั้น แต่เรื่องราวความเป็นมาของราเชล ก็น่าสนใจไม่น้อย หนึ่งนั้นเพราะเธอคือนางงามผิวสีคนแรกของประเทศอังกฤษ สองเธอคือหลานสาวของ ลินด์ฟอร์ด คริสตี้ นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกของอังกฤษ และราเชลเองก็ไม่ใช่แค่หน้าตาดีเท่านั้นแต่เธอเป็นนักกรีฑาทีมชาติอังกฤษด้วยเช่นกัน
ราเชล คริสตี้ อยู่ในฐานะคนสำคัญของอังกฤษและได้สัมผัสรสชาติความสุข ความโด่งดังอันน่าชื่นมื่น ความรู้สึกของเธอในตอนนั้น ไม่ต่างจากซินเดอเรลลาที่ได้รับพรจากนางฟ้าเสกให้เป็นเจ้าหญิง ความสุขที่เธอได้รับนั้น ประหนึ่งได้เต้นรำอยู่บนสรวงสวรรค์เหนือปุยเมฆ
แต่ความสุขอันแสนหอมหวานอยู่กับราเชลเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น หลังจากเหตุการณ์คืนวันที่ 2 พฤศจิกายน ทำให้ชีวิตของราเชลพลิกผันอีกครั้งแบบสุดขั้ว ความสุขที่เธอเคยได้รับ รวมทั้งชื่อเสียงในแง่มุมที่ดีของเธอ ถูกมองข้ามไปในทันที เหมือนกับเมื่อระฆังเที่ยงคืนที่ดัง และซินเดอเรลลาต้องกลับสู่สภาพเดิม เพียงแต่ซินเดอเรลลานั้น อาจจะมีเจ้าชายมาตามหาในภายหลัง แต่สำหรับ ราเชล คริสตี้ สิ่งที่ตามติดตัวเธอมาตลอดก็คือ ตราบาป และความอับอายที่สุดในชีวิต
เรื่องของเรื่องเกิดจากความโกรธเพราะความหึงหวงในแฟนหนุ่มจากการที่ ซาร่า เบฟเวอรี่ โจนส์ มิสแมนเชสเตอร์ เข้ามาโชว์ข้อความในมือถือว่าเดวิด แม็คอินทอช ดาราจากรายการกลาดิเอเตอร์แฟนหนุ่มของราเชล กำลังกุ๊กกิ๊กกับมิสแมนเชสเตอร์อยู่ เพียงเท่านั้นนางงามอังกฤษก็สวมบทนางร้ายพุ่งเข้าทำร้ายตบตี มิสแมนเชสเตอร์แบบไม่ยั้ง
เพียงอารมณ์ชั่ววูบของเหตุการณ์ในคืนนั้นกลายเป็นต้นทุนที่เธอต้องจ่ายด้วยความสุขทั้งหมดที่เธอได้รับมาในห้าเดือนที่ผ่านมาและรวมไปถึงความสุขในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ราเชลกล่าวว่าเธอยังรู้สึกโกรธตัวเองอยู่จนถึงทุกวันนี้ “ฉันรู้สึกโกรธ และผิดหวังกับตัวเองเอามากๆ ที่ปล่อยให้ตัวเองทำสิ่งที่น่าละอายที่สุดลงไปเพียงอารมณ์ชั่ววูบ สิ่งที่ฉันทำไม่ได้เพียงแค่ทำให้ตัวเองและครอบครัวเสียใจ แต่ยังทำให้คนอังกฤษอีกลายคนที่เป็นกำลังใจให้ฉันผิดหวังตามไปด้วย”
“นางงามอังกฤษสละมงกุฎหลังเหตุทะเลาะวิวาท” , “ทหารสาวอังกฤษเสียบชิงมิสเวิลด์”, “ราเชล คริสตี้ สละมงกุฎ” ข้อความพาดหัวหนังสือพิมพ์ทั่วโลก ฝังใจอดีตนางงามผิวสีจนมาถึงทุกวันนี้ จนล่าสุดผ่านพ้นปี 2009 ที่เรียกได้ว่าเรื่องทั้งดีและแย่ที่สุดสาววัย 21 ผู้นี้ หลังจากเก็บตัวเงียบอยู่ได้ระยะหนึ่ง พอก้าวขึ้นศักราชใหม่ ราเชล คริสตี้ ก็ได้ออกมาสารภาพความในใจกับหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ของอังกฤษ ว่าเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในผับที่แมนเชสเตอร์นั้น คือเรื่องที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของเธอ
ราเชล คริสตี้ ยังได้ย้อนไล่เรียงที่มาที่ไปเหตุการณ์พลิกชีวิตของเธอว่า เธอได้พบกับ เดวิดและซาร่า ครั้งแรกที่งานอีเวนต์หนึ่งตอนเดือนสิงหาคม ครั้งนั้นเธอยังไม่รู้ว่า เดวิดและซาร่าคบหาดูใจกันอยู่ และหลังจากนั้น เดวิด ก็เป็นฝ่ายติดต่อเธอกลับมา และก็เริ่มพูดคุยกันบ่อยครั้งขึ้น และเขาได้ชักชวนเธอให้ขึ้นไปเที่ยวที่แมนเชสเตอร์บ้านเกิดของดาราหนุ่มผู้นี้
ในคืนนั้นเดวิดได้ชวนเธอให้ออกไปเที่ยวผับร่วมกับเพื่อนๆของเขาด้วย ราเชลจึงได้ทิ้งกระเป๋าสัมภาระไว้ที่บ้านของเดวิด แต่เมื่อเธอกลับมาจากปาร์ตี้คืนนั้น ภาพที่บังเกิดตรงหน้าในห้องที่บ้านของเดวิดก็คือ การที่ลิปสติกของราเชลถูกนำมาเขียนถ้อยคำหยาบคายบนกำแพง กุญแจรถถูกขโมยข้าวของถูกรื้อค้นเสียหาย และดูเหมือนเดวิดจะรู้ว่าเป็นฝีมือของมิสแมนเชสเตอร์ เดวิดจึงโทร.หาเธอทันที และหลังจากนั้นจึงโทร.หาตำรวจ เพียงแต่ว่าเหตุการณ์คราวนั้นไม่มีสื่อมวลชนเข้ามาเกี่ยวข้อง และก็ทำให้ราเชลได้รับรู้ว่า ซาร่านั้นชอบเดวิด แม็คอินทอชอยู่มาก แต่มันมากกว่าที่เดวิดชอบมิสแมนเชสเตอร์เสียอีก
ราเชลเล่าว่า หลังจากนั้นเธอก็ได้รับข้อความต่อว่าอย่างหยาบคายจากนางงามแมนเชสเตอร์อยู่เป็นระยะๆ จนกระทั่งคืนหนึ่ง ที่ราเชลและซาร่าได้พบกันที่ผับแห่งหนึ่งในแมนเชสเตอร์ ราเชลเล่าว่า เธอสังเกตเห็นว่าซาร่าเองพยายามรักษาระยะห่างจากตัวเธอไว้ประมาณหนึ่ง แต่แล้วในที่สุดนางงามแมนเชสเตอร์ก็ตรงเข้ามายืนต่อหน้าราเชล และดึงแก้วของเธอไป จากนั้นก็ต่อว่าพร้อมโชว์ข้อความจากโทรศัพท์มือถือที่เดวิดส่งให้เธอ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอโกรธสุดขีดจนระงับโทสะไว้ไม่อยู่ และกลายเป็นที่มาของเหตุอื้อฉาวของนางงามอังกฤษผู้นี้
จะว่าไปแล้วสำหรับราเชล คริสตี้ ปมเรื่องการทะเลาะวิวาทที่อยู่ในใจเธอนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่เหตุการณ์ที่แมนเชสเตอร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เธออายุ 8 ปี พ่อของเธอก็เคยถูกจับเข้าห้องขังในข้อหาทะเลาะวิวาทและยาเสพย์ติด “ฉันรู้สึกแย่ทุกครั้งที่มีความคิดในหัวขึ้นมาว่า คนอื่นๆ นั้นคงมองว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเป็นอย่างไรลูกก็อย่างนั้น” ดังนั้นเมื่อเธอถูกจับหลังการทะเลาะวิวาทแล้ว เธอไม่กล้าที่จะพบหน้าญาติๆ อีกเลย เอาแต่เก็บตัวอยู่ที่แมนเชสเตอร์ไม่กลับมาลอนดอนอยู่ถึงสองอาทิตย์ เพราะเธออับอายอย่างที่สุดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่แล้วก็มีประกายความคิดหนึ่งวูบขึ้นมาในหัวของเธอ “ฉันรู้ดีว่าการกลับมาทั้งในแง่ส่วนตัวและในแง่ของการยอมรับจากสังคม เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่อย่างน้อยฉันก็อยากจะทำอะไรสักอย่างที่จะทำให้ผู้คนภูมิใจ ไม่เฉพาะตัวฉัน แต่ต้องภูมิใจในครอบครัวของฉันด้วย” ความคิดนี้ ราเชล คริสตี้ จึงตั้งใจและมุ่งมั่น ฝึกซ้อมในฐานะนักกีฬาทีมชาติอย่างหนัก เพื่อเตรียมตัวสำหรับการคว้ารางวัลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2012 ที่อังกฤษจะเป็นเจ้าภาพนั่นเอง