xs
xsm
sm
md
lg

ชมวิดีโอแกะกล่อง พร้อมสิ่งใหม่ที่ควรรู้จักใน iPhone X

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไหนๆวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. นี้ก็จะกลายเป็นวันแรกที่ Apple iPhone X (ไอโฟน เท็น หรือ ไอโฟนสิบ) จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทีมงาน Cyberbiz เลยไม่รอช้า บุกหลังโกดังขอนำ iPhone เครื่องศูนย์ไทยออกมาแกะกล่องให้รับชมกัน เพื่อที่จะไปทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ



เมื่อเป็น iPhone รุ่นพิเศษ ที่ทำออกมาเพื่อเป็นต้นแบบให้แก่สมาร์ทโฟนในอนาคต ก็จะมีสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องเรียนรู้หลักๆด้วยกัน ถึง 3 นวัตกรรมที่นำมาใช้ โดยหลักๆคือเรื่องของการควบคุมตัวเครื่อง การทำงานของกล้อง TrueDepth + Face ID และกล้องหลังคู่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา

***ไม่มีปุ่มโฮม แล้วคุมเครื่องอย่างไร

ไล่กันตั้งแต่การควบคุมเครื่อง ผ่านการใช้ท่าทาง (Gestures) ที่ต้องเรียนรู้ใหม่ เนื่องจาก iPhone X ไม่มีปุ่มโฮม ดังนั้นการควบคุมเครื่องจึงเปลี่ยนมาใช้การปาดนิ้วแทน โดยจะมีหลักๆอยู่ 4-5 จุด ประกอบไปด้วย

- การปาดจากขอบล่างขึ้นบน เพื่อปิดแอป และกลับสู่หน้าหลัก
- การปาดขึ้นมาตรงกลาง เพื่อสลับการใช้งานแอป หรือปาดซ้าย-ขวา เพื่อสลับได้เช่นกัน
- การปาดจากมุมซ้ายลงมาตรงกลาง เพื่อเข้าสู่หน้าการแจ้งเตือน (Notification)
- การปาดจากมุมขวาลงมาตรงกลาง เพื่อเข้าสู่หน้าควบคุม (Control Center)
- การปิดแอปฯ ทำได้จากการลากขึ้นมาตรงกลาง และกดค้าง เพื่อกดปุ่มลบ หรือปาดแอปที่จะปิดขึ้น

แน่นอนว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนรูปแบบในการควบคุมการใช้งานช่วงแรกๆ จึงอาจจะงงๆ สักพัก แต่ถ้าใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะเกิดความเคยชิน จนทำให้เมื่อกลับไปใช้ iPhone รุ่นก่อนหน้า ก็จะพยามลากนิ้วจากขอบล่างแทนการกดปุ่มโฮมไปในตัว

นอกจากนี้ ยังมีทริคในการใช้งานเล็กน้อย อย่างการจับภาพหน้าจอ จากเดิมที่ต้องกดปุ่มพาวเวอร์ พร้อมปุ่มโฮม ตอนนี้ก็จะกลายเป็นกดปุ่มข้างเครื่อง (Side Button) กับปุ่มเพิ่มเสียงแทน ในลักษณะกดแล้วปล่อย ซึ่งถ้าต้องการปิดเครื่องก็จะใช้ปุ่มคู่ดังกล่าวเช่นกัน แต่เป็นการกดค้างไว้แทน

***เรียนรู้ Face ID ช่วยให้สะดวกขึ้น

อีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงใน iPhone X คือเมื่อไม่มีปุ่มโฮม เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็หายไปเช่นกัน และเปลี่ยนมาใช้งานระบบตรวจจับใบหน้าที่เรียกว่า Face ID แทน โดยทางแอปเปิลระบุว่า Face ID เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยกว่าการสแกนลายนิ้วมือ

โดยให้สถิติที่น่าสนใจมาว่าโอกาสที่จะเจอคนหน้าเหมือนกัน และทำการปลดล็อกเครื่องได้โดยไม่ใช่เจ้าของอยู่ที่ 1 ในล้าน ขณะที่การใช้ลายนิ้วมือโอกาสที่จะเจอคนที่มีลายมือเหมือนกันอยู่ที่ 1 ใน 50,000 ดังนั้นจึงมั่นใจว่า Face ID จะให้ความปลอดภัยมากกว่า

ทั้งนี้ การทำงานของ Face ID จะใช้กล้อง True Depth ร่วมกับเซ็นเซอร์อินฟาเรต และระบบประมวลผลบน Apple A11 มาช่วยในการจดจำโครงหน้า และที่สำคัญคือมีการนำ AI มาใช้ในการเรียนรู้ เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลง และจำรูปแบบที่เกิดขึ้น โดยใช้การป้อนรหัสผ่านควบคู่กันไป

ดังนั้น ในการใช้งาน iPhone X เพียงแค่ยกเครื่องขึ้นมา ตัวเครื่องจะทำการสแกนใบหน้าอัตโนมัติ เมื่อปัดหน้าจอก็พร้อมใช้งานได้ทันที ที่น่าสนใจคือ ถ้าเจ้าของเครื่องไม่มองหน้าจอระบบก็จะไม่ปลดล็อกให้ ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะปลดล็อกเองเมื่อนำมาสแกนใบหน้า

***Animoji ลูกเล่นใหม่บน iPhone X

เมื่อแอปเปิลมีการนำเทคโนโลยี True Depth มาใช้งาน ที่ตามมาก็คือลูกเล่นอย่าง Animoji ที่ใช้ความสามารถของกล้องหน้า ในการตรวจจับใบหน้ามาใช้ในการดึงท่าทาง การเคลื่อนไหวของสีหน้ามาแทนที่ด้วยแอนิเมชันตัวการ์ตูนในการสื่อสาร

ที่ตามมาก็คือผู้ใช้จะมีความสนุกในการสื่อสารมากขึ้น ด้วยการอัดคลิป Animoji (สูงสุด 10 วินาที) และส่งให้เพื่อนผ่านทาง iMessage หรือจะใช้การเซฟเป็นไฟล์วิดีโอออกมาเพื่อส่งทางช่องทางโซเขียลมีเดียอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook LINE หรือ Instagram ก็ได้

นอกจากนี้ แอปเปิลยังเปิดให้นักพัฒนาทำเทคโนโลยี True Depth ไปใช้งานในแอป ที่เริ่มมีแอปรองรับมากขึ้น อย่าง Snapchat ที่จะแม่นยำมากขึ้น ไม่นับรวมกับรูปแบบการยืนยันตัวตนในแอปของทางแอปเปิลเองที่ปรับมาให้รองรับการใช้ Face ID มากขึ้น

***กล้องหลังคู่ที่คมชัดขึ้น

จุดสุดท้ายของ iPhone X ที่มีความโดดเด่นขึ้นมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของกล้องหลังคู่ ที่ให้ภาพที่คมชัด และสีที่สมจริงมากที่สุด จนได้รับคะแนนจาก DXOMark ติดอันดับต้นๆในเรื่องคุณภาพกล้องบนมือถือ

โดยจุดเด่นที่ iPhone X นำเสนอออกมาคือเรื่องของการเก็บรายละเอียดภาพทั้งมุมกว้าง และเทเลโฟโต้ มาช่วย พร้อมกับลูกเล่นใหม่ที่เพิ่งมีมาใน iPhone 8 Plus และ iPhone X คือ Light Portrait ที่ใช้ระยะชัดลึกของกล้องคู่ มาช่วยแยกภาพบุคคลออกมาแสดงผล

***ย้อนดูรายละเอียด iPhone X

เบื้องต้น Apple iPhone X จะวางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี คือ สีเทาสเปซเกรย์ และสีเงิน โดยราคาจำหน่ายผ่านหน้าเว็บไซต์แอปเปิลสโตร์จะเริ่มต้นที่ 40,500 บาท ในรุ่น 64 GB และ 46,500 บาท สำหรับรุ่น 256 GB ส่วนราคาของโอเปอเรเตอร์สามารถดูย้อนหลังได้จาก ‘เทียบราคา iPhone X’

ก่อนอื่นไปย้อนดูถึงข้อมูลคร่าวๆของ iPhone X กันก่อน เริ่มจากหน่วยประมวลผลที่ใช้งานจะเป็น Apple A11 Bionic ที่มากับระบบประมวลผลแบบ Neural Engine ถัดมาคือ ขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว แบบเต็มจอ และไร้ปุ่มโฮม ความละเอีบด 2436 × 1125 พิกเซล 458 ppi

ส่วนกล้องคู่หลักที่ให้มาความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยเลนส์มุมกว้างจะมากับ f/1.8 และเลนส์เทเลที่เป็น f/2.4 ช่วยให้สามารถถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น ที่สำคัญคือมากับระบบกันสั่นทั้งสองเลนส์ (Dual OIS) และรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K60fps

ขณะที่กล้องหน้าจะเป็นกล้อง TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล f/2.2 ที่จะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ และอินฟาเรด เพื่อใช้กับระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง Face ID ด้วย ซึ่งเซ็นเซอร์ทั้งหมดจะอยู่ในบริเวณขอบเครื่องส่วนบนที่เว้าลงมานั่นเอง

ในแง่การดีไซน์ของตัวเครื่องจะถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยโครงเครื่องจะมีการนำวัสดุอย่างสแตนเลสสตีล มาใช้งานคู่กับกระจกหน้าและหลังที่ป้องกันรอยขีดข่วย ซึ่งขนาดตัวเครื่องจะอยู่ที่ 143.6 x 70.9 x 7.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 174 กรัม

นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังรองรับการกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 และรองรับระบบการชาร์จไร้สาย มาตรฐาน Qi ส่วนการเชื่อมต่อตัวเครื่องรองรับ 3G/4G Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac บลูทูธ 5.0 GPS และ NFC มาให้ครบถ้วน
กำลังโหลดความคิดเห็น