กลายเป็นธรรมเนียมของซัมซุงไปแล้วก็ว่าได้ในการที่แต่ละปีจะมีสมาร์ทโฟนที่เป็นเรือธงออกมาสู่ตลาดด้วยกัน 2 รุ่น โดยแบ่งกันอยู่ในกลุ่มของ Galaxy S และ Galaxy Note โดยในปัจจุบันได้ดำเนินมาถึง Galaxy S6 และ Galaxy Note 5 กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในตัว Note 5 ถือเป็นการผสมผสานในแง่ของการออกแบบที่นำแนวคิดมาจาก Galaxy S6 มาเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน S-Pen เข้าไป เพื่อจับกลุ่มผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่ นิยมการใช้ปากกาในการขีดเขียนลงไปแทนการพิมพ์ ดังนั้น Note 5 จึงถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องในทุกๆแง่มุม
การออกแบบและสเปก
เมื่อตอนที่ซัมซุงวางจำหน่าย Galaxy S6 และ S6 EDGE ก็เหมือนเป็นการก้าวข้ามภาพจำเดิมๆเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนเรือธงของแบรนด์ตนเองที่ต้องเป็นพลาสติกขึ้นมาอยู่บนเครื่องที่เป็นโลหะ ดังนั้นใน Note 5 ก็เช่นเดียวกัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงจาก Note 4 ค่อนข้างเยอะ โดยการนำดีไซน์ของ S6 มาใช้งานแทน
จุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการเลือกสีเข้ามาทำตลาดของซัมซุง ที่เริ่มจากสีทอง และสีเงิน ก่อนที่จะนำรุ่นที่เป็นสีดำเข้ามาวางจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม โดยขนาดรอบตัวของ Note 5 จะอยู่ที่ 153.2 x 76.1 x 7.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 171 กรัม
ด้านหน้า - มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว ที่เป็น SuperAMOLED ความละเอียดระดับ 2K (1440 x 2560 พิกเซล) ความละเอียดเม็ดสีสูงถึง 561 ppi บนกระจกแบบ Gorilla Glass 4 ช่วยเพิ่มความทนทานและรอยขีดข่วน
โดยส่วนบนหน้าจอจะมีลำโพงสนทนาวางพาดอยู่ พร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า และวัดแสง กับกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนล่างหน้าจอมีปุ่มโฮม ที่ใช้เป็นจุดสแกนลายนิ้วมือได้ กับปุ่มย้อนกลับ และเรียกดูแอปที่ใช้งานล่าสุด (Recent Apps)
ด้านหลัง - เนื่องจากตัวเครื่องไม่สามารถถอดฝาหลังได้ ฝาหลังจึงเน้นไปที่ความเรียบหรูเช่นเดียวกับ S6 เพิ่มความหรูหราด้วยการเพิ่มความโค้งบริเวณขอบเครื่อง โดยมีกล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช และเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยมีการสกรีนอักษรซัมซุงตรงกลาง และสัญลักษณ์ระบุมาตรฐานต่างๆอยู่ส่วนล่าง
ภายในตัวเครื่องจะมาพร้อมกับแบตเตอรีขนาด 3,000 mAh และแน่นอนว่าไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ แต่จะมาพร้อมกับระบบ Wireless Charge เช่นเดียวกับการที่ไม่มีช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติม โดยในตัวเครื่องมีหน่วยความจำมาให้ใช้งาน 32 G B และ 64 GB ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกซื้อ
ด้านซ้าย - จะเป็นที่อยู่ของปุ่มปรับระดับเสียง ด้านขวา - มีปุ่มเปิดเครื่อง
ด้านบน - มีถาดสำหรับใส่นาโนซิมการ์ดที่ต้องใช้เข็มจิ้มซิมในการดึงถาดออกมา ด้านล่าง - จะมีพอร์ตไมโครยูเอสบี ช่องเสียบหูฟัง ช่องไมโครโฟน ลำโพง และช่องเสียบปากกา S-Pen
ส่วนอุปกรณ์ที่มีมาให้ภายในกล่องจะประกอบไปด้วยตัวเครื่อง Note 5 พร้อมปากกา S-Pen คู่มือการใช้งาน สายชาร์จ พร้อมอะแดปเตอร์ที่รองรับ Fast Charge หูฟังแบบ In-Ear และที่น่าสนใจคือมีหัวปากกา S-Pen มาสำรองพร้อมคีมคีบเพื่อเปลี่ยนใช้งานด้วย
สำหรับสเปกภายในของ Galaxy Note 5 จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7420 ที่เป็นซีพียูแบบ Octa-Core โดยแบ่งเป็น Quad-Core 1.5 GHz Cortex-A53 และ Quad-Core 2.1 GHz Cortex-A57 ใช้หน่วยประมวลผลภาพ Mali-T760MP8 RAM 4GB ROM 32/64GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.1.1 (Lollipop)
ด้านการเชื่อมต่อรองรับทั้ง 4G LTE Cat 6 และ Cat 9 ที่ให้ความเร็วในการใช้งานสูงสุดถึง 450/50 Mbps และ 3G HSPA 42.2/5.76 Mbps การเชื่อมต่อไวไฟมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac Dual-Band ใช้งานแบบ WiFi Direct และเป็น Hotspot ได้ บลูทูธ 4.2 พร้อมกับ NFC วิทยุFM และ GPS
ที่น่าสนใจคือเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งมาภายในเครื่องยังประกอบไปด้วย เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ตรวจจับอัตราเร่ง เข็มทิศ เซ็นเซอร์วัดความชื้น และวัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่เช่นเดิม ดังนั้นจึงสามารถใช้งาน S-Health ได้ต่อเนื่องจากรุ่นก่อนหน้า
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
นอกเหนือไปจาก 5 จุดเด่นของ Galaxy Note 5 ที่เคยได้กล่าวไปแล้ว Note 5 ยังถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีลูกเล่น และฟีเจอร์ซ่อนอยู่แทบจะในทุกการใช้งาน โดยเฉพาะฟีเจอร์ต่างๆที่มากับสินค้าในตระกูล Galaxy ทั้งหลาย
เริ่มกันจากในหน้าจอหลัก นอกเหนือไปจากมีหน้าจอที่ให้ผู้ใช้ได้นำวิตเจ็ตมาใส่เพื่อใช้งานแล้ว ในส่วนของการแจ้งเตือน ซัมซุงได้เปลี่ยนแนวให้กลายเป็นมีไอค่อนลัดสำหรับปรับตั้งค่าด่วน การปรับความสว่างหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกจัดเรียงไอค่อนที่ใ้ช้งานบ่อยๆได้
ถัดมาในแง่ของฟีเจอร์การใช้งานอย่าง ปุ่ม Recent Apps นอกเหนือไปจากใช้สำหรับสลับการใช้งานแอปฯแล้ว ในกรณีที่ใช้งานเว็บเบราว์เซอร์แล้วต้องการสลับหน้าต่างก็ใช้ปุ่มนี้ได้เหมือนกัน รวมถึงการใช้งานแบบมัลติสกรีน หรือการแบ่งครึ่งหน้าขอเพื่อใช้งาน โดยผู้ใช้สามารถเลือกขนาดการแบ่งได้ตามต้องการ
อีกอันคือฟีเจอร์อย่างการใช้งานด้วยมือข้างเดียว โดยผู้ใช้สามารถกดปุ่มโฮมสามครั้งติด (กรณีกดสองครั้งจะเป็นการเรียกใช้งานกล้อง) ตัวหน้าจอก็จะหดลงมาเพื่อให้สามารถใช้งานได้ด้วยมือข้างเดียว ซึ่งจะรวมถึงการป้อนข้อมูลทั้งแป้นตัวเลข และคีย์บอร์ดด้วย
ทีนี้มาดูถึงแอปพลิเคชันที่พรีโหลดมาให้ในเครื่อง ต้องยอมรับว่าซัมซุงแทบจะไม่ให้แอปฯนอกเหนือจากพื้นฐานมาให้เลย โดยจะมีเป็นพวกบริการต่างๆจากกูเกิล กับโทรศัพท์ อีเมล ข้อความ รูปภาพ กล้อง เครื่องเล่นเพลง เครื่องเล่นวิดีโอ กับแอปจากทางซัมซุง รวมถึงไมโครซอฟท์อย่างเวิร์ด เอ็กเซล พาวเวอร์พอยต์ วันโน้ต
ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปเพิ่มเติมได้จาก Galaxy Apps ซึ่งเป็นแหล่งรวมแอปที่ทางซัมซุงคัดสรรไว้ให้ หรือจะดาวน์โหลดจากเพลยสโตร์ตามปกติก็ได้เช่นเดียวกัน โดยแอปที่ซัมซุงให้มาเบื้องต้นในเครื่องจะมีอย่าง Smart Manager เป็นแอปบริหารจัดการภายในเครื่องอย่างดูสถานะแบตเตอรี พื้นที่เก็บข้อมูล ล้างแรม และระบบป้องกันอุปกรณ์
นอกจากนี้ก็จะมีอย่าง SideSync ที่ช่วยให้ผู้ที่ใช้งาน Galaxy Tabs หรือ พีซี สามารถควบคุม Note 5 ผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันนี้ได้ทันที ที่เหลือก็จะเป็นสิทธิพิเศษที่เพิ่มมาให้อย่าง Galaxy Gift Galaxy Reward และ Playback ที่เป็นเหมือนช่องทางเล่นเพลงจากศิลปินที่ชื่นชอบ
แน่นอนว่านอกเหนือจาก S-Pen ที่มาพร้อมกับความสามาถใหม่อย่าง Scrool Screen Capture กับความแม่นยำในการใช้งานมากขึ้น ฟังก์ชันอื่นๆที่เคยมีอย่าง Action Memo Smart Select Screen Write S Note ก็จะมีที่เพิ่มมาการบันทึกข้อมูลบนหน้าจอทันทีที่ดึงปากกาออกมาได้ด้วย
อย่างไรก็ตามในส่วนของ S-Pen บน Note 5 ยังมีจุดที่ทำให้ผู้ใช้หลายรายกังวลในเรื่องของการเสียบปากกาผิดด้าน ที่เมื่อเสียบเข้าไปแล้วจะไม่สามารถดึงออกมาได้ เพราะติดกับตัวล็อกที่ใช้คู่กับฟีเจอร์ในการตรวจจับการถอดปากกา ดังนั้นจึงควรระวังในจุดนี้ไว้ด้วยเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องนำเครื่องส่งศูนย์บริการได้ง่ายๆ
ในส่วนของจุดเด่นของ Note 5 นอกจาก S-Pen แล้วก็จะมีในส่วนของกล้องถ่ายภาพ ที่มีการเพิ่มฟังก์ชันขึ้นมาให้ใช้งานอย่างในโหมดถ่ายภาพ Pro ผู้ใช้สามารถบันทึกไฟล์ภาพแบบ RAW ได้ เพื่อนำมาปรับแต่งในคอมพิวเตอร์ โดยไฟล์ที่บันทึกจะเป็นไฟล์นามสกุล DNG
ขณะเดียวกันในส่วนของวิดีโอ ก็เพิ่มความสามารถการถ่ายวิดีโอแบบแบ่งหน้าจอได้ โดยผู้ใช้สามารถเลือกแบบที่ต้องการ และทำการบันทึกวิดีโอไปเรื่อยๆจนครบตามช่องที่ต้องการ รวมถึงโหมดอย่าง Live Broadcast ที่ทำการถ่ายทอดสดผ่าน Youtube การบันทึกภาพสโลว์โมชัน โดยกล้องหลักจะมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ได้ด้วย
อีกฟังก์ชันที่พลาดไม่ได้ในกล้องคือเรื่องของการสั่งถ่ายภาพด้วยเสียงก็ยังมีมาให้เช่นเดิม รวมถึงการใช้ฝ่ามือในการสั่งถ่ายภาพด้วย เรียกว่าเป็นการนำฟังก์ชันกล้องในตระกูล Galaxy มารวมๆไว้ด้วยกัน เมื่อถ่ายภาพเสร็จผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพ บันทึกข้อมูลหลังภาพ หมุน ครอบภาพ เพื่อแชร์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างได้ทันที
ตัวอย่างภาพจาก Galaxy Note 5 สามารถกดเข้าไปชมภาพขนาดใหญ่ได้ที่ Flickr ด้านล่าง
เครื่องเล่นวิดีโอที่ให้มายังคงความสามารถในการ Pop Up ออกมาเป็นหน้าจอเล็กเพื่อใช้งานคู่กับแอปพลิเคชันอื่นได้เช่นเดิม รวมถึงการใช้งานพวก Smart Pause ที่จะหยุดเล่นวิดีโอทันที ที่ไม่ได้จ้องมองจอ
เครื่องเล่นเพลงถือเป็นอีกจุดเด่นของ Note 5 ที่รองรับการเล่นเพลง Hi-Fi ด้วย โดยผู้ใช้สามารถนำไฟล์ตระกูล flac ใส่เพื่อเล่นได้ทันที ซึ่งถ้าเป็นเพลงที่มีบิตเรทระดับ 24 Bit จะมีสัญลักษณ์ UHD ขึ้นแสดงผลด้วย นอกจากนี้ยังสามารถปรับอีควอไลเซอร์ รวมถึงกรณีที่ใช้งานร่วมกับหูฟังจะมีโหมดอัปสเกลเพลงด้วย
ฟีเจอร์อย่าง S-Health ก็มีการพัฒนาให้สามารถใส่ข้อมูลได้เพิ่มมากขึ้นอย่างการใส่ค่าปริมาณน้ำตาลในเลือด ความดันเลือด คาฟาอีน ที่รับประทานเข้าไป เพื่อนำไปคำนวนข้อมูลเพิ่มเติม นอกเหนือจากการนับก้าว และวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
การใช้งานเว็บเบราวเซอร์ถือว่าตอบสนองได้ลื่นไหล สมกับเป็นเครื่องระดับไฮเอนด์ โดยในการใช้งานจะมีให้เลือกใช้ทั้งเบราวเซอร์ปกติที่มากับเครื่อง และโครมเบราว์เซอร์ ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ Air View ในการเลือกหน้าจอด้วยการนำ S-Pen มาจ่อบริเวณขอบบนหรือล่าง เพื่อเลื่อนขึ้นลงได้
โหมดการใช้งานโทรศัพท์ที่ให้มาก็เป็นไปตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy ที่ใช้การเลื่อนซ้าย-ขวา เพื่อรับหรือตัดสาย โดยขณะที่สนทนาก็จะมีไอค่อนอย่างการเพิ่มสาย เปิดเสียงดังเป็นพิเศษ บลูทูธ ลำโพง ปุ่มกด ปิดเสียง หรือจะเลือกส่งอีเมล ส่งข้อความ เปิดเว็บเบราวเซอร์ เรียกรายชื่อ เปิดสมุดบันทึกขึ้นมาเขียนก็ได้ด้วย
สุดท้ายในส่วนของการตั้งค่าจะมีส่วนที่เป็นตั้งค่าด่วน ให้เลือกกดเข้าไปตั้งค่าได้ทันที นอกเหนือจากนั้นก็จะแบ่งเป็นส่วนของการเชื่อมต่อ อุปกรณ์ ส่วนตัว และระบบ ที่เป็นพื้นฐานของแอนดรอยด์อยู่แล้ว
ภายในการตั้งค่าจะมีในส่วนของปากกา S Pen ที่ควรเข้าไปเปิดฟังก์ชันให้สามารถใช้งานอย่าง สมุดบันทึกเพื่อปิดหน้าจอ รวมถึงระบบการเคลื่อนไหวและท่าทาง อย่างการนำ Note 5 แนบหูเพื่อโทรออกทันที การคว่ำเพื่อปิดเสียง ส่วนระบบประหยัดพลังงานก็ยังมีมาให้ใช้งานกรณีที่ต้องการประหยัดแบตก็จะมีโหมด Ultra Power Saving ให้ใช้เช่นเดิม
ที่เหลือก็จะมีการปรับหน้าจอ ที่ยังมากับระบบพักหน้าจออัจฉริยะ ระบบ NFC ที่ในอนาคตมีสิทธิจะได้ใช้งาน Samsung Pay กัน ด้วยการใช้ Note 5 ในการชำระสินค้าผ่านระบบ NFC และในส่วนของหน้าจอหลักจะมีโหมดง่ายมาให้ใช้งานด้วย
ในส่วนของผลการทดสอบ ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 35,906 คะแนน และ 61,835 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo จากเว็บเบราว์เซอร์ได้ 4,878 คะแนน โครมเบราว์เซอร์ 4,549 คะแนน WebView 4,320 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ (Metal) 2,512 คะแนน Multicore 2,970 คะแนน Geekbench 3 ได้คะแนน Single-Core 1,499 Multi-Core 5,025 คะแนน ส่วนระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีอยู่ที่ 8 ชั่วโมง 39 นาที 50 วินาที เป็นคะแนน 5,198 คะแนน
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 7,906 คะแนน CPU 150,060 คะแนน Disk 60,377 คะแนน Memory 5,209 คะแนน 2D Graphics 4,178 คะแนน และ 3D Graphics 2,649 คะแนน
ส่วนการทดสอบ PCMark ได้ 5ม127 คะแนน 3D Mark ตัว Sling Shot 1,255 คะแนน Ice Storm Unlimited ได้ 24,772 คะแนน ส่วน Ice Storm Extream และ Ice Storm คะแนนทะลุเกินไป
จุดขาย
- ดีไซน์ตัวเครื่อง และงานประกอบที่เป็นอะลูมิเนียมทั้งตัว
- ประสิทธิภาพระดับสูงทั้งซีพียู Exynos 7420 และ RAM 3 GB
- S-Pen ที่พัฒนาฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมา
- กล้อง 16 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดถ่ายภาพ Pro ที่บันทึกเป็นไฟล์ RAW ได้
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- ตัวเครื่องเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก
- ปัญหากรณีเสียบ S-Pen กลับด้านสร้างจะความเสียหายให้แก่ตัวเครื่อง
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ถ้ามองในภาพรวมต้องบอกว่า Note 5 ถือเป็นเรือธงตัวจริงของซัมซุงก็ว่าได้ เพราะด้วยการที่มีฟังก์ชันของ S6 ครบ เพิ่มเติมด้วยปากกา S-Pen ทำให้ตัวเครื่องรองรับการใช้งานได้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยการที่ Note 5 ตัดการถอดฝาหลัง (ไม่สามารถเปลี่ยนแบตได้) ไม่สามารถใส่ ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้ และตัดฟีเจอร์อย่างอินฟาเรตออกไป ทำให้คนที่แต่เดิมเคยใช้งานพวกนี้อยู่อาจจะไม่ชิน
ถัดมาในส่วนของตัวเครื่องที่มีให้เลือกเพียง 32 GB และ 64 GB ในราคา 25,900 บาท 64 GB 29,900 บาท ทำให้ผู้ใช้หลายคนอาจจะมีว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้ามองในแง่ของประสิทธิภาพการใช้งานที่ได้ ถ้านิยมใช้ S-Pen เป็นประจำอยู่แล้ว Note 5 ก็ไม่ควรพลาด
Company Related Links :
Samsung
————————————————————————————
อีกหนึ่งช่องทางติดตามไซเบอร์บิซ ออนไลน์ ผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE คลิกเพิ่มเพื่อนที่ปุ่ม Add Friends ด้านล่างจากสมาร์ทโฟนหรือเข้าไลน์ค้นหาไอดี @opu3945f
————————————————————————————