xs
xsm
sm
md
lg

Review: LG G4 ไฮเอนด์ เครื่องสวย กล้องเด่น ราคาโดน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




LG (แอลจี) เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการสมาร์ทโฟนได้อย่างน่าสนใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะช่วงหลังกับการพัฒนาฟีเจอร์เด่นบนสมาร์ทโฟนแฟลกชิปตระกูล G-series ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Knock on, Knock Code ไปถึงการตั้งเพดานราคาขายมาได้ถูกอกถูกใจผู้ใช้ในหลายประเทศจนในที่สุด LG ก็ได้รับเลือกจากกูเกิลให้เป็นผู้พัฒนาสมาร์ทโฟนตระกูล Nexus ถึง 2 ครั้งติดจนมาแจ้งเกิดในบ้านเราอย่างเป็นทางการเมื่อ 2 ปีที่แล้วพร้อมกับการมาของแฟลกชิป LG G3 ที่มาพร้อมจุดเด่นอย่างระบบรักษาความปลอดภัย Knock Code ไปถึงระบบออโต้โฟกัสด้วยแสงเลเซอร์

มาวันนี้ LG ก็พร้อมเปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นใหม่อีกครั้งกับ “LG G4” ที่ในครั้งนี้นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นเพิ่มขึ้นแล้ว แอลจียังเน้นปรับแต่งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์กล้องมาได้อย่างน่าสนใจกับราคาที่ยังคงเป็นแนวทางของแอลจีอยู่เช่นเดิม

การออกแบบ



การออกแบบที่ต้องขอกล่าวถึงเป็นอันดับแรก เพราะครั้งนี้ LG ตั้งใจสร้างความแปลกใหม่ด้วยการออกแบบฝาครอบด้านหลังแบบตัดเย็บด้วยหนังแท้ เพิ่มจากฝาหลังแบบพลาสติก พร้อมสีสันที่มีให้เลือกถึง 6 เฉดสีได้แก่ สีน้ำตาล สีดำ สีแดง สีน้ำเงินอ่อน สีครีมและสีเหลือง ในขณะที่ฝาหลังแบบพลาสติกจะมีให้เลือก 3 สีได้แก่ สีทองอร่าม สีเทาเมทัลลิคและสุดท้ายสีขาวเซรามิก

สำหรับเครื่องที่ทีมงานได้รับมารีวิวในวันนี้จะเป็นรุ่นฝาหลังพลาสติกสีขาวเซรามิก เครื่องนำเข้าจากเกาหลี น้ำหนัก 155 กรัม



ในเรื่องหน้าจอแสดงผลแอลจียังคงเลือกใช้ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ QuadHD (2,560 X 1,440 พิกเซล) เช่นเดียวกับ LG G3 แต่พาเนลจอมีการปรับเปลี่ยนเป็น IPS Quantum Display บนเทคโนโลยี In-cell Touch Display ที่ช่วยให้สีสันมีความสดใส สมจริงและได้ค่าคอนทราสต์ที่สูงขึ้นจากเดิม

กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 1,920x1,080 พิกเซลที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที




นอกจากนั้นด้านการออกแบบ แอลจียังได้ปรับการออกแบบตัวเครื่องด้วยแนวคิด Slim Arc Design ให้ตัวเครื่องมีความโค้ง เล็กน้อย เพื่อสอดรับกับสรีระการจับถือของผู้ใช้ อีกทั้งบริเวณใต้กระจกหน้าจอด้านหน้า แอลจีได้ลงลวดลายเป็น Texture ไว้รอบขอบหน้าจอทั้งหมด เวลาหน้าจอสะท้อนกับแสงไฟจะดูหรูหราไฮโซขึ้นมาก



ด้านหลังจะเป็นส่วนฝาหลังที่มีให้เลือกทั้งแบบพลาสติกและหนังแท้ มาพร้อมกล้องถ่ายภาพหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (5,312x2,988 พิกเซล) รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K พร้อมเซนเซอร์เลเซอร์ออโต้โฟกัสแบบเดียวกับ LG G3 ที่ช่วยให้การจับโฟกัสภาพในที่แสงน้อยทำได้รวดเร็วขึ้น

ส่วนฮาร์ดแวร์กล้อง แอลจีเลือกใช้บริการเซนเซอร์รับภาพ SONY IMX234 ประกบเลนส์รูรับแสง f1.8 และระบบป้องกันภาพสั่นไหว 3 แกน Optical Image Stabilization (OIS) 2.0

ถัดไปจะเป็นที่อยู่ของไฟแฟลช LED พร้อมเซนเซอร์ COLOR SPECTRUM (CSS) ที่ช่วยในการวิเคราะห์สภาพแสงแวดล้อมและความถูกต้องของสีสันเพื่อช่วยในการปรับสมดุลแสงขาวให้ถูกต้องตามที่ตาเห็นเมื่อใช้ร่วมกับโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ

นอกจากนั้นบริเวณด้านหลังของ G4 ยังเป็นที่อยู่ของปุ่มคำสั่ง Rear Key ประกอบด้วย ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องและปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง และลำโพงจะติดตั้งอยู่ใต้โลโก้ G4



จุดเด่นและเอกลักษณ์สำคัญ ซึ่งแอลจียังคงรักษาไว้ก็คือ ฝาหลังที่สามารถแกะออกพร้อมแบตเตอรีที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ นอกจากนั้นแอลจียังได้ติดตั้งช่องใส่การ์ดความจำ MicroSD สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเพิ่มความจุเครื่องได้สูงสุดถึง 2TB





มาดูขอบตัวเครื่อง ด้วยการที่แอลจีย้ายปุ่มกดสั่งงานไปไว้ด้านหลังทั้งหมด ขอบเครื่องซ้ายและขวาจึงค่อนข้างบางมาก เพราะไม่มีปุ่มกดมาเพิ่มความหนาให้ตัวเครื่อง แต่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีความหนาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพราะเป็นที่อยู่ของพอร์ตเชื่อมต่อ MicroUSB (รองรับ SlimPort 4K สำหรับเชื่อมต่อออกทีวีความละเอียด UHD) ไมโครโฟนและช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ส่วนของบนจะเป็นที่อยู่ของไมโครโฟนตัวที่สองและช่องยิงแสงอินฟาเรดเพื่อทำให้ G4 เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้

สเปก



LG G4 เลือกใช้หน่วยประมวลผล 64 บิต Qualcomm Snapdragon 808 Hexa-core (6 แกน) ความเร็ว 1.44GHz สำหรับ 4 แกนแรก และ 1.82GHz สำหรับ 2 แกนหลัง ประกบกราฟิกชิป Adreno 418 แรมให้มา 3GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 32GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 21.14GB (เครื่องทดสอบโมเดลเกาหลี) แบตเตอรีให้มา 3,000mAh พร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.1 Lollipop ครอบทับด้วย LG UX 4.0 รุ่นใหม่ล่าสุด

ในส่วนสเปกการรองรับเครือข่ายโทรศัพท์และอื่นๆ LG G4 รองรับ 3G และ 4G LTE ทุกเครือข่ายในประเทศไทย WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac Dual-band, DLNA, WiFi Direct บลูทูธ 4.0, GPS รองรับ GLONASS มี NFC และภาครับสัญญาณวิทยุ FM Stereo พร้อมชิปประมวลผลเสียง HiFi (รองรับการอ่านไฟล์เสียง FLAC, eAAC+ และ WAV

ด้านเซนเซอร์ภายในตัวเครื่องมีให้เลือกใช้ทั้ง Accelerometer, Gyroscope, Proximity, Compass และ Barometer พร้อมซอฟต์แวร์ตรวจจับก้าวเดิน

ยูสเซอร์อินเตอร์เฟสและฟีเจอร์เด่น



มาสำรวจจุดเด่นของเครื่อง เริ่มจาก LG UX 4.0 รุ่นใหม่ล่าสุดที่แอลจีออกแบบบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.1 Lollipop จะเห็นถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจาก UX รุ่นก่อนหน้าที่อยู่บน LG G3 (รุ่นอัปเดตแอนดรอยด์ 5.0 Lollipop) เริ่มจากไอคอนทั้งหมดจะถูกปรับเป็นลักษณะ Flat Design แบนๆพร้อมสีสันที่สดใสมากขึ้น Background ถูกปรับให้มีความเป็นมินิมัลลิสต์ตามสมัยนิยม




ด้านลูกเล่นก็มีการอัปเกรดให้มีความฉลาดมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง Smart Notice หรือ Widget ที่สามารถแจ้งเตือนสภาพอากาศ การเดินทาง ไปถึงแนะนำการปิดเปิดระบบการทำงานต่างๆได้ ฉลาดขึ้น เช่นในวันนี้ระบบคาดการณ์ว่าจะมีฝนตก ระบบจะแนะนำให้เรานำร่มติดตัวก่อนออกจากบ้าน เป็นต้น

ในส่วน Smart Bulletin และ LG Health จะมีการอัปเดตให้ใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชันมากขึ้น คือจากเดิมเราจะสามารถดูสถิติการก้าวเดินในหนึ่งวันได้เท่านั้น แต่ใน UX 4.0 จะสามารถควบคุมการเล่นเพลง สามารถเปิดใช้รีโมทอินฟาเรดหรือรับชมปฏิทิน นัดหมายต่างๆได้จากส่วนนี้ทันที



นอกจากนั้นทางแอลจียังได้เพิ่มระบบ Samrt Settings เข้ามา เพื่อช่วยให้การปรับตั้งค่าระบบทำได้ฉลาดมากขึ้น โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าโปรไฟล์ต่างๆ เช่น เปิดปิดเสียง เลือก SSID เชื่อมต่อ WiFi ด้วยการอ้างอิงจาก GPS และสถานที่ที่เรากำหนดไว้



Event pocket เป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาสำหรับการบันทึกนัดหมายในปฏิทินด้วยรูปแบบการลากและวาง (Drag and Drop) โดยเราสามารถเก็บนัดหมายจากที่ต่างๆเช่น เฟสบุ๊ก ในหน้าเว็บไซต์ เป็นต้น จากนั้นเมื่อผู้ใช้ต้องการบันทึกช่วงเวลานัดหมายลงในปฏิทิน ก็เพียงเลือกรายการจาก Event pocket และวางลงให้ตรงกับวันเวลาที่ต้องการบันทึกเท่านั้น

กล้องถ่ายภาพ



ถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเป็นจุดขายสุดของ LG G4 โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ที่แอลจีดึงความสามารถของ API กล้องบนแอนดรอยด์ Lollipop ออกมาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าแบรนด์คู่แข่งหลายเจ้า

เริ่มกันตั้งแต่โหมดอัตโนมัติ ที่นอกจากจะได้ฮาร์ดแวร์ COLOR SPECTRUM เข้ามาช่วยจัดการค่าสีและสมดุลแสงสีขาวให้ตรงกับธรรมชาติแล้ว โหมดกล้องหน้ายังมาพร้อมระบบตรวจจับการลั่นชัตเตอร์ด้วยมือคล้าย Palm Selfie ด้วย

“เพียงแค่ผู้ใช้เปิดใช้งานกล้องหน้า จากนั้นเมื่อต้องการลั่นชัตเตอร์ ให้แบมือออกแล้วยกขึ้น ระบบจะตรวจจับฝ่ามือ ถ้าต้องการลั่นชัตเตอร์ 1 ครั้งให้กำมือลง 1 ครั้ง ส่วนถ้าต้องการถ่าย 4 ภาพ 4 แอ็คชัน ให้กำมือลง 2 ครั้งติดกัน

นอกจากนั้นระบบยังรองรับ Voice Shutter หรือระบบลั่นชัตเตอร์ด้วยเสียงพูดว่า Smile, Whiskey, LG หรือ Kimchi



มาถึงการถ่ายภาพด้วย ”Manual Mode” หรือโหมดถ่ายภาพแบบตั้งค่าด้วยตัวเอง ที่ในครั้งนี้แอลจีจัดเต็มใส่ฟีเจอร์มาแบบเดียวกับการปรับตั้งค่ากล้องมืออาชีพตั้งแต่ ปรับ ISO ความเร็วชัตเตอร์ White Balance ไปถึงการเลือกล็อคโฟกัส ล็อคค่าแสง และจุดเด่นที่สำคัญคือ รองรับการถ่าย RAW และ RAW+JPG ด้วย




โดยขนาด RAW File ของ LG G4 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลจะตกไฟล์ละประมาณ 20MB ส่วน JPEG จะอยู่ที่ไฟล์ละประมาณ 6-7MB และ RAW File จาก G4 สามารถเปิดใช้งานร่วมกับโปรแกรมตกแต่งภาพได้ทั้งหมดเพราะเป็นนามสกุล .DNG

20150708_213030
ตัวอย่างภาพจาก Manual Mode ตั้งถ่ายบนขาตั้งกล้อง โดยปรับความเร็วชัตเตอร์ไว้ที่ 15 วินาที เลือก ISO 50 และสุดท้ายไฟล์ถูกปรับแต่งผ่านโปรแกรม Adobe Lightroom CC

ทดสอบประสิทธิภาพ



แม้แอลจีจะเลือกใช้ซีพียูประมวลผลไม่โดดเด่นเหมือนคู่แข่งในตลาดแอนดรอยด์ที่ปัจจุบันเป็น Octa Core 64 บิต เกือบทั้งหมด แต่ในเรื่องผลคะแนนและการใช้งานจริงต้องถือว่า LG G4 ทำส่วนนี้ได้ดีไม่แพ้คู่แข่งอื่นๆในระดับเดียวกัน LG UX 4.0 ถูกปรับการทำงานมาได้ดีมาก ไม่พบอาการ UI หน่วงเหมือนสมัยเปิดตัว G3 แต่อย่างใด



ในส่วนการประมวลผลกราฟิก 3 มิติและการเล่นเกม ด้วยความเป็นไฮเอนด์โฟน LG G4 สามารถตอบสนองการเล่นเกมได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเกมกราฟิกหนักหรือเกมฆ่าเวลาต่างๆ อีกทั้งด้วยการที่แอลจีเลือกใช้ชิปกราฟิกรุ่นใหม่ทำให้ระบบรองรับการประมวลผล OpenGL ES 3.1 ได้สมบูรณ์แบบด้วย



มาถึงเรื่องแบตเตอรีกับชุดทดสอบสุดโหด Geekbench ก็ยังคงให้ผลลัพท์ไม่ต่างจากตอนทดสอบ G3 คือได้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 47 นาที 20 วินาที และถ้าลองจับเวลาจากการใช้งานจริง (เล่นโซเชียล แชทไลน์ ท่องเว็บทั่วไป) จาก 100% ไปจนแบตเตอรีฟ้องขีดแดงจะได้เวลาใช้งานประมาณ 11-13 ชั่วโมง เท่ากับ LG G3

20150711_144632 20150708_135341

20150713_123536_HDR 20150711_114403

20150711_144810 20150710_125425

20150709_192016_HDR 20150710_201435

ในส่วนคุณภาพจากกล้องหลังที่ปรับแต่งใหม่ โดยภาพรวมคุณภาพไฟล์ภาพค่อนข้างน่าพอใจ โดยเฉพาะโหมด HDR ที่ให้ผลลัพท์ที่ดี ภาพที่ได้คมชัด ชัตเตอร์ทำงานรวดเร็ว แต่จะมีจุดสังเกตในเรื่องการถ่ายภาพกลางคืน ถ้าในภาพมีแหล่งกำเนิดแสงจากหลอดไฟ เช่น ไฟสปอร์ตไลท์ส่งตรงมายังกล้องหรือไฟจากหลอดไฟข้างถนน แสงเหล่านี้จะทำให้เกิดแฟร์เป็นเส้นพาดผ่านไม่สวยงามอย่างมาก

สำหรับ Manual Mode ถือเป็นโหมดถ่ายภาพมืออาชีพที่แอลจีทำได้ถึงมาก การปรับแต่งค่ากล้องทำได้ง่ายและให้ผลลัพท์ที่ดี แต่จะติดปัญหาอยู่อย่างเดียวคือ เวลาต้องการเปิดหน้ากล้องนานๆเพื่อเก็บภาพเส้นแสงไฟจากรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนน ด้วยค่ารูรับแสงแบบตายตัวที่ f1.8 ทำให้เมื่อเปิดชัตเตอร์นานระดับ 10 วินาที ภาพจะติดโอเวอร์ทันที ถ้าในอนาคตแอลจีจะใส่ ND Filter ลดแสงมาให้เหมือนกล้องคอมแพกต์จะช่วยได้มากทีเดียว



อีกข้อสังเกตที่พบเจอตลอดการทดสอบ LG G4 ก็คือ ระบบ OIS 2.0 กับโหมดวิดีโอที่ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์นัก โดยปัญหาจะเกิดเมื่อเราถือ G4 ด้วยมือและเดินถ่ายหันกล้องไปมาในลักษณะ Handheld ตัวระบบกันสั่นจะทำให้ขอบภาพเกิดอาการขยับไปมาน่าปวดหัว

โดยจากการหาข้อมูลจากสื่อต่างประเทศหลายสำนักที่ได้ทดสอบจะพบปัญหาลักษณะเดียวกันทั้งหมด ก็คงต้องรอทางแอลจีออกเฟริมแวร์แก้ไขในอนาคตเหมือนกับปัญหาอื่นๆที่แอลจีเริ่มทยอยแก้ไขไปแล้วบางส่วน

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?



ข้อดี

- ฝาหลังมีให้เลือกทั้งแบบหนังแท้และพลาสติก
- เป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ที่ถอดฝาหลัง เปลี่ยนแบตเตอรี เพิ่มการ์ดความจำได้
- กล้องปรับใหม่ได้ดี มี RAW File Manual Mode น่าสนใจ สามารถปรับแต่งได้แบบกล้องมืออาชีพ
- หน้าจอคมชัด และสีสดใสมากขึ้นจากรุ่นก่อน
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว Quick Charge 2.0 แต่ต้องซื้ออะแดปเตอร์แยกต่างหาก

ข้อสังเกต

- ระบบกันภาพสั่นไหว OIS 2.0 กับโหมดวิดีโอยังทำงานไม่สมบูรณ์นัก ต้องรอการปรับแก้ไขจากแอลจีอีกครั้ง
- เวลาถ่ายภาพแสงไฟจากถนนตอนกลางคืน f1.8 กับแฟร์ที่มาจากเลนส์กล้องไม่สวยงาม

สำหรับราคาเปิดตัว LG G4 ฝาหลังพลาสติกอยู่ที่ 20,990 บาท ส่วนถ้าฝาหลังเป็นหนังแท้ราคาจะอยู่ที่ 21,990 บาท เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีราคาถูกที่สุดและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดในกลุ่มไฮเอนด์โฟนตอนนี้ ยิ่งถ้ามองในเรื่องความคุ้มค่าด้วยแล้ว LG G4 กินขาดทุกยี่ห้อ เพราะด้วยสเปกที่ถึงแม้จะไม่โดดเด่นเหมือนคู่แข่งอื่นๆแต่เรื่องการปรับการทำงานของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แอลจีทำได้ดีมาก โดยเฉพาะ LG UX 4.0 ที่พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ฉลาดขึ้น แม้จะมีข้อผิดพลาดให้พบบ้างเล็กน้อย แต่เชื่อว่าแอลจีมีแผนจะปรับแก้ในอนาคต

นอกจากนั้นฟีเจอร์กล้องที่ดึงคุณสมบัติของแอนดรอยด์และฮาร์ดแวร์แบบ 64 บิตมาใช้งานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ถือว่าเรื่องน่าสนใจที่คนรักการถ่ายภาพน่าจะชื่นชอบได้ไม่ยาก (ใครอยากถ่ายภาพ Slow Shutter บนสมาร์ทโฟน LG G4 มีให้เลือกใช้งานแล้ว)

สุดท้ายอยากให้ลองเปิดใจกับ LG G4 ทดลองใช้สักหนึ่งฟีเจอร์เด่นไม่ว่าจะเป็น กล้องถ่ายภาพด้วย Manual Mode, ฟังเพลงด้วยไฟล์ Lossless ร่วมกับหูฟัง QuadBeat 3 หรือทดลองใช้ LG UX 4.0 ร่วมกับดีไซน์ฝาหลังแบบหนังแท้ ผมเชื่อว่าคุณต้องตกหลุมรักไม่หนึ่งก็สองของฟีเจอร์เด่นที่ได้จาก LG G4 แน่นอน

Company Related Link :
LG Mobile

————————————————————————————
อีกหนึ่งช่องทางติดตามไซเบอร์บิซ ออนไลน์ ผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE คลิกเพิ่มเพื่อนที่ปุ่ม Add Friends ด้านล่างจากสมาร์ทโฟนหรือเข้าไลน์ค้นหาไอดี @opu3945f

เพิ่มเพื่อน
————————————————————————————







แอปฯภายใต้ LG UX 4.0 ทั้งหมดจะได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความเรียบง่ายมากกว่าก่อน
ระบบยังคงรองรับการใช้แอปฯแบบ Multitasking เช่นเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น