สำหรับกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) รวมประเทศไทย สมาร์ทโฟนราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทถือเป็นตลาดที่ใหญ่และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายเจ้าให้ความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีนเข้ามาทำตลาดแอนดรอยด์โฟนราคาประหยัดหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ซึ่งสเปกเครื่องส่วนใหญ่จะคล้ายกันและไม่มีลูกเล่นจุดแตกต่างที่ชัดเจนนัก
แต่ในวันนี้เมื่อมีแบรนด์หนึ่งนามว่า “Wiko Mobile (วีโก โมบาย)” จากฝรั่งเศสขอสร้างความแตกต่างให้กับตลาดสมาร์ทโฟนราคาประหยัดด้วยแนวคิดเน้นความคุ้มค่ารวมถึงประสิทธิภาพที่ดีเทียบสมาร์ทโฟนราคาหลักหมื่นและต้องเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มได้ ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของสมาร์ทโฟนใหม่จากแบรนด์น้องใหม่ที่ทำตลาดรวดเดียวถึง 7 รุ่นย่อย
เพดานราคาของสมาร์ทโฟน Wiko Mobile เริ่มต้นที่ 2,490 บาทจนสูงสุดที่ 7,990 บาท โดยในวันนี้ทีมงานไซเบอร์บิซได้รับรุ่นรองท็อป Highway Signs มาทดสอบตามคำขอของแฟนๆ ผู้จัดการไซเบอร์ กับความโดดเด่นในเรื่องสเปกเทียบราคาที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องสนใจ
การออกแบบ
การออกแบบของ Wiko Highway Signs เน้นเรียบง่าย ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 138 x 68 x 7.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 124 กรัม หน้าจอมีขนาด 4.7 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ IPS TFT Capacitive touch ประกบกระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 2 ความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 1,280x720 พิกเซล
ด้านบนเหนือจอภาพเป็นช่องลำโพงฟังเสียงสนทนาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเพื่อใช้งานเซลฟีและวิดีโอคอลล์
ส่วนด้านใต้จอภาพจะเป็นที่อยู่ของปุ่มคำสั่ง 3 ปุ่มได้แก่ ปุ่มเรียกเมนู/Recent Apps ปุ่มโฮมและปุ่มย้อนกลับ
มาถึงด้านหลังของตัวเครื่อง วัสดุหลักจะเป็นพลาสติกผิวมันเนื้อบาง งานประกอบไม่ค่อยแน่นหนามากนัก ด้านบนเป็นกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลแบบออโต้โฟกัสพร้อมไฟแฟลช ส่วนด้านล่างใต้รหัสเครื่องจะเป็นช่องลำโพง
กลับมาดูพอร์ตและช่องเชื่อมต่อรอบตัวเครื่อง เริ่มจากปุ่มตรงกลางด้านซ้ายจะเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่อง ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง ส่วนช่องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์จะมีสองช่อง (Dual Sim) ติดตั้งอยู่สันเครื่องด้านบนทั้งซ้ายและขวาของตัวเครื่อง โดยการใส่ซิมการ์ดจะต้องใช้เข็มจิ้มถาดใส่ซิมออกมาก่อน
โดยช่องใส่ซิมด้านซ้ายจะเป็นซิม 1 ใช้ซิมการ์ดโทรศัพท์แบบ MicroSIM ส่วนช่องที่ 2 ด้านขวาจะมีลักษณะพิเศษ (ตามรูปประกอบด้านบน) คือ ถาดใส่ซิมออกแบบมาให้ใส่ได้ทั้งซิมการ์ดโทรศัพท์แบบ NanoSIM และการ์ดเพิ่มความจุเครื่อง MicroSD สูงสุด 32GB พร้อมเงื่อนไขคือถ้าผู้ใช้ต้องการใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์เพื่อใช้งานเป็นซิม 2 จะไม่สามารถใส่การ์ด MicroSD เพิ่มความจุได้แต่ถ้าผู้ใช้ต้องการใส่การ์ด MicroSD ก็จะไม่สามารถใส่ NanoSIM ได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
ส่วนบริเวณสันเครื่องด้านบนและล่างจะเป็นที่อยู่ของพอร์ตเชื่อมต่อ เริ่มจากด้านบนเป็นช่องต่อหูฟัง Smalltalk ขนาด 3.5 มิลลิเมตร ด้านล่างเป็นพอร์ต MicroUSB สำหรับเชื่อมต่อกับอะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้าน ซิงค์ข้อมูลกับคอมพิวเตอร์รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อ USB on the go ด้วย
และนอกจากนั้น Wiko Highway Signs ยังให้ไฟ Notification LED สำหรับการแจ้งเตือนรวมถึงเป็นไฟบอกสถานะการชาร์จแบตเตอรีด้วย
สุดท้ายกับไฮไลท์เด่นที่วีโกคิดได้และเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคอย่างมากก็คือการแถมอะแดปเตอร์แปลงซิมทุกขนาดตั้งแต่ MicroSIM > MiniSIM, NanoSIM > MicroSIM, MicroSIM > Mini SIM พร้อมเข็มจิ้มถาดใส่ซิมมาให้ฟรีๆ
สเปก
ด้านสเปก Wiko Highway Signs หน่วยประมวลผลเลือกใช้ซีพียู MediaTek MT6592M Octa-cores (8-cores) ความเร็ว 1.4GHz กราฟิก Mali-450 MP แรม 1GB รอมให้มา 8GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 4.6GB หน้าจอรองรับมัลติทัช 10 จุดพร้อมกัน
แบตเตอรีให้มา 2,000mAh รองรับ GPS, A-GPS, บลูทูธ 4.0 WiFi รองรับมาตรฐาน a/b/g/n พร้อมฟังก์ชัน WiFi Hotspot ส่วนระบบปฏิบัติการที่เลือกใช้จากโรงงานเป็นแอนดรอยด์ 4.4.2 KitKat และรองรับ 3G คลื่นความถี่ 850/2,100MHz ไม่รองรับ 4G LTE
UI และฟีเจอร์เด่น
มองเผินๆ หน้าตา User Interface ของวีโกเกือบทุกรุ่นแทบจะเหมือน Pure Google 4.4 KitKat แต่จริงๆ แล้วจะมีบางฟีเจอร์ที่วีโกปรับแต่งหน้าตาและรูปแบบการใช้งานใหม่
ตัวอย่างที่ชัดเจนสุดก็คือ Video Player ที่เพิ่มฟีเจอร์ Multitasking เข้ามาทำให้ผู้ใช้สามารถย่อหน้าต่างวิดีโอที่กำลังรับชมอยู่ให้มีขนาดเล็กลงพร้อมใช้งานแอปพลิเคชันอื่นไปด้วยขณะรับชมวิดีโอ
เรื่องของ Gesture ที่มีให้เลือกเล่นไม่แพ้สมาร์ทโฟนตัวท็อปของตลาด เช่น ฟีเจอร์รับสายโทรศัพท์เมื่อมีสายเข้าเพียงแค่ยกสมาร์ทโฟนแนบหูสายจะถูกรับทันที หรือแม้แต่ Gesture สั่งชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพให้ทำงานเมื่อปัดมือเหนือเซ็นเซอร์บริเวณหน้าจอ หรือแม้แต่ระหว่างล็อกหน้าจออยู่สามารถเขียนตัวอักษรลงไปที่จอเพื่อใช้แทนคำสั่งลัดเรียกใช้งานแอปฯได้ เช่น เขียนตัว M ที่หน้าจอเพื่อเรียก Music Player เป็นต้น
ในส่วนซิมการ์ดโทรศัพท์ด้วยการที่ Highway Signs รองรับ 2 ซิม ระบบจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งการใช้งานแต่ละซิมรวมถึงเลือกสีเสาสัญญาณได้ด้วย เช่น ซิมแรกไอคอนเสาสัญญาณสีเขียวใช้เฉพาะโทรออก ส่วนซิมที่สองไอคอนสีฟ้าใช้เฉพาะเปิด 3G เล่นอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
มาถึงเรื่องกล้องถ่ายภาพ UI กล้องมีการปรับเปลี่ยนไปจาก Stock Camera ของกูเกิลเดิมๆ ไป โดยเฉพาะฟีเจอร์ถ่ายภาพที่เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ Scene Mode, HDR ปรับ ISO ถ่ายภาพแบบ GIF Animation เป็นต้น
ส่วนผู้ใช้ที่ชอบเซลฟี วีโกก็ให้ฟีเจอร์ปรับแต่งภาพบุคคลมาคล้ายกับของออปโป้ กล่าวคือเมื่อผู้ใช้เลือกเปิดกล้องหน้าและส่องมาที่หน้าของเรา ระบบตกแต่งภาพถ่ายบุคคลจะทำงานและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ตั้งแต่ทำหน้าขาวเนียน ทำหน้าเรียวหรือลบรอยใต้ตาได้ หรือถ้าไม่อยากแต่งภาพระหว่างถ่ายก็สามารถกดถ่ายภาพเซลฟีมาเก็บไว้ที่ Gallery แล้วค่อยตกแต่งที่หลังก็ได้
มาถึงเรื่องแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาจากโรงงานตัวที่น่าสนใจจะมี Facebook, Instagram, Line, วิทยุ FM, แอปฯ สำรองข้อมูล Notebook, ToDo List (รายการที่ต้องทำ) และ Norton Mobile Security
ทดสอบประสิทธิภาพ
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพ ด้วยพลังของซีพียู MediaTek MT6592M Octa-cores และการจัดสรรทรัพยากรในตัวเครื่องมาได้ค่อนข้างดี (เน้นใช้งานในรูปแบบ Pure Google ไม่ใส่แอปฯ พื้นหลังให้เครื่องโหลดเกินความจำเป็น) มีผลให้แม้ตัวเครื่องจะมีแรมเพียง 1GB แต่ก็ได้ความลื่นไหลเกินราคา 6,990 บาทไปได้อย่างง่ายดาย รวมถึงหน้าจอที่ให้การสัมผัสที่ดี ลื่นไหล แม่นยำเทียบสมาร์ทโฟนกลุ่มราคา 10,000 - 15,000 บาทได้เลยทีเดียว
โดยเฉพาะการใช้งานแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดมาติดตั้งเพิ่มเติมจาก Google PlayStore ส่วนใหญ่ใช้งานได้ทั้งหมด ไม่พบเจอปัญหาแอปฯ ไม่รองรับเหมือนซีพียู Intel Atom ที่เคยเกิดขึ้นสมัยวางจำหน่ายใหม่ๆ จนต้องรอเฟริมแวร์แก้ไข
ส่วนเรื่องการทดสอบประสิทธิภาพกับเกมสามมิติ ทีมงานได้ทำคลิปวิดีโอมาให้ชม ซึ่งเกมสามมิติส่วนใหญ่จะสามารถเล่นกับ Wiko Highway Signs ได้ แต่ก็จะมีเกมสามมิติกราฟิกหนักๆ บางเกม เช่น Modern Combat 5 หรือ Asphalt OverDrive รวมถึงการเปิดแอปฯ เป็นจำนวนมากอาจทำให้เครื่องมีอาการกระตุกให้เห็นบ้าง (แต่เครื่องไม่ค้าง) ซึ่งตรงจุดนี้คาดว่าน่าจะเกิดจากแรมไม่พอมากกว่า ถ้าวีโกใส่แรมมาให้ 2GB การใช้งานแบบหนักหน่วงน่าจะทำได้ดีขึ้น
มาถึงการทดสอบกล้องหลังและหน้าต้องยอมรับว่าเป็นอีกข้อสังเกตหนึ่งของ Wiko Highway Signs ที่ยังให้ผลลัพท์ที่ไม่ดี สีสันของภาพถ่ายจะออกตุ่นๆ แถมภาพติดโทนฟ้าค่อนข้างมาก
ส่วนกล้องหน้าสีสันและโทนสีที่ได้จะไม่ต่างจากกล้องหลังนัก แต่ความคมชัดของกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลถือว่าทำได้ดี
ด้านการถ่ายวิดีโอ 1080p ที่ความเร็วเฟรม 30 เฟรมต่อวินาทีถือว่าทำได้ดี วิดีโอสามารถถ่ายโดยใช้ออโต้โฟกัสได้ ส่วนรูปแบบไฟล์ที่ระบบบันทึกจะเป็นนามสกุล .3gp ภาพที่ได้ค่อนข้างคมชัด แต่สีสันที่ได้จะเป็นแบบเดียวกับการถ่ายภาพนิ่งคือออกโทนฟ้าและสีสันจืดชืดมาก
สุดท้ายกับการทดสอบแบตเตอรีชาร์จไฟเต็ม 100% ทดลองใช้งานโซเชียล เชื่อมต่อ 3G เล่นเว็บ เล่นเกมตลอดทั้งวัน แบตเตอรีมีอายุใช้งานอยู่ได้ประมาณ 10-12 ชั่วโมงไม่ต่างกับ Google Nexus 5 ที่เคยทดสอบไป
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?
ข้อดี
- สเปกเครื่อง ประสิทธิภาพที่ได้คุ้มราคามาก
- หน้าจอลื่นไหลและให้สีสันที่ดีต่างจากสมาร์ทโฟนราคาระดับเดียวกันหลายรุ่น
- ระบบปฏิบัติการภายในปรับแต่งมาได้ดี
ข้อสังเกต
- วัสดุงานประกอบดูเปราะบาง
- กล้องถ่ายภาพให้สีสันไม่สวย
Wiko Highway Signs เปิดตัวด้วยราคา 6,990 บาท แต่ประสิทธิภาพและสเปกเครื่องที่ได้ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเหมือนแบรนด์วีโก โมบายจะเข้าใจความต้องการของผู้ใช้สมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่าหมื่นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ว่าต้องการสิ่งใดมากที่สุด วีโกก็จัดให้ตามคำขอถึงแม้จะต้องลดต้นทุนด้านงานประกอบและฮาร์ดแวร์บางตัวลงไปบ้าง แต่ในเมื่อประสิทธิภาพโดยรวมที่ได้ดีเกินราคา ทำให้ Wiko Highway Signs กับราคา 6,990 บาท ไม่ถือว่าแพงเกินไปเลยสำหรับสมาร์ทโฟนที่ให้สเปกและความลื่นไหลระดับนี้
เทียบคะแนนทดสอบ AnTuTu กับสมาร์ทโฟนทั้งหมดที่ผ่านมือทีมงานไซเบอร์บิซในช่วงปีนี้
ยิ่งเมื่อลองเทียบคะแนนชุดทดสอบ AnTuTu ในสมาร์ทโฟนกลุ่มราคาระดับเดียวกันแล้ว Wiko Highway Signs สามารถไต่อันดับขึ้นที่สองชนะ ASUS Zenfone 5 ได้ในระดับคะแนนทิ้งห่างเกินหมื่นคะแนนจนลามไปถึงชนะรุ่นพี่ที่มีราคาค่าตัวตั้งแต่ 10,000-15,000 บาทได้ทั้งในส่วนของคะแนนและผลทดสอบใช้งานจริงจากทีมงาน
เพราะฉะนั้นในตอนนี้ใครมีงบในกระเป๋าไม่เกิน 15,000 บาทและไม่สนใจกล้องหลังนัก Wiko Highway Signs เป็นตัวเลือกที่ดีอีกหนึ่งรุ่นหนึ่งแบรนด์ที่น่าเปิดใจคบหาไม่ใช่น้อย
Company Related Link :
Wiko Mobile
CyberBiz Social