หลังจากไมโครซอฟท์นำโดยซีอีโอคนใหม่ Satya Nadella ตัดสินใจยุติโครงการ Nokia X Platform บนฐานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เพื่อหันกลับมาพัฒนาสมาร์ทโฟนตระกูล Lumia (Windows Phone) ราคาประหยัดแทน ทำให้ Nokia X2 ต้องกลายเป็นสมาร์ทโฟน X platform รุ่นสุดท้ายของโนเกียในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ Microsoft Mobile ก่อนที่ไมโครซอฟท์จะปรับเปลี่ยนทีมงานโนเกียใหม่หมดเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นไมโครซอฟท์ที่มีวินโดวส์และวินโดวส์ โฟนเป็นพระเอกคนสำคัญ
แต่ก็ใช่ว่า Nokia X2 รุ่นสุดท้ายโนเกียจะเลือกผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพจากรุ่นแรกแบบขอไปที เพราะ X2 Dual Sim คือสมาร์ทโฟนราคาประหยัดแทรกตรงกลางระหว่าง Asha และ Lumia ที่ถูกปรับปรุงใหม่ได้ตามคำขอของผู้บริโภคและแฟนโนเกียได้ดีและลงตัวมากที่สุด
การออกแบบ
ด้านรูปทรงจะคล้ายกับ Nokia X รุ่นแรก (โมโนบล็อก) โดยสีมีให้เลือก 4 สี 2 อารมณ์ได้แก่ เขียว, ส้ม, ขาว จะใช้วัสดุด้านหลังเป็นผิวมัน ส่วนสีดำจะใช้วัสดุด้านหลังเป็นผิวด้าน ขนาดตัวเครื่องปรับเพิ่มเล็กน้อยเป็น 121.7x68.3x11.1 มิลลิเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 150 กรัม
ส่วนขนาดหน้าจอ LCD อยู่ที่ 4.3 นิ้วบนเทคโนโลยีจอภาพ ClearBlack ความละเอียด WVGA 800x480 พิกเซล 217 ppi หน้าจอรองรับระบบสัมผัสหลายจุดแบบ Capacitive นอกจากนั้นใน X2 โนเกียได้เพิ่มกล้องหน้าความละเอียด 640x480 พิกเซล เซ็นเซอร์วัดแสงรองรับการปรับแสงหน้าจอแบบอัตโนมัติ Accelerometer และเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง
มาถึงปุ่มกดแบบสัมผัสใต้หน้าจอภาพ จากรุ่นแรกจะมีแค่ปุ่มย้อนกลับเพียงปุ่มเดียวและมีผู้ใช้หลายคนแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อทั่วโลกว่าใช้งานไม่สะดวก ใน X2 โนเกียจึงได้เพิ่มปุ่มโฮม (Home) เข้ามาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกจากแอปพลิเคชันพุ่งตรงสู่หน้าโฮมได้ทันที ไม่ต้องกดปุ่มย้อนกลับซ้ำๆ เพื่อออกจากหน้าแอปฯไปสู่หน้าโฮมเหมือนรุ่นแรกแล้ว
มาที่ฝาหลังของ X2 เนื่องจากสีที่ทีมงานได้รับมาทดสอบคือสีเขียว ทำให้วัสดุด้านหลังเป็นผิวมันคล้ายอะคริลิค โดยมีโลโก้ NOKIA อยู่ตรงกลางและด้านใต้กล้องถ่ายภาพจะมีตัวเลขจำนวนพิกเซลกล้องหลังระบุไว้ว่า 5MP หรือ 5 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลชแบบ LED และลำโพง
และนอกจากนั้นฝาหลังยังสามารถแกะออกได้ โดยภายในจะมีช่องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์แบบ MicroSIM ได้ 2 ซิม (Dual Sim) อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความจุตัวเครื่องด้วย MicroSD Card สูงสุด 32GB ได้ด้วย
มาถึงพอร์ตเชื่อมต่อและปุ่มกดรอบตัวเครื่อง เริ่มจากด้านบนจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต MicroUSB ที่ย้ายจากด้านล่างในรุ่นก่อนหน้าขึ้นมาและช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนสันเครื่องด้านขวาจะเป็นที่อยู่ของปุ่มเปิด-ปิด-Sleep-Awake ตัวเครื่องและปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง
ส่วนอุปกรณ์ที่แถมมาให้ภายในกล่องจะมีอะแดปเตอร์ชาร์จไฟพร้อมสาย MicroUSB เชื่อมติดมากับอะแดปเตอร์และหูฟังพร้อม Smalltalk แบบธรรมดา
สเปก
มาถึงสเปกตัวเครื่องที่ถือเป็นการปรับเปลี่ยนแบบใหม่หมดตามคำเรียกร้องของผู้ใช้ที่มองว่า “ตัวเครื่องในรุ่นแรกมีสเปกที่ต่ำและทำงานได้เชื่องช้าเกินไป” โดยใน Nokia X2 Dual Sim มีการปรับสเปกไปใช้ Qualcomm Snapdragon 200 Dual Core ความเร็ว 1.2GHz แรม 1GB พื้นที่ภายในให้มา 4GB แต่เหลือใช้จริงประมาณ 2GB มาพร้อมบริการพื้นที่บนคลาวด์ One Drive ฟรี 7GB จากไมโครซอฟท์ แบตเตอรีให้มา 1,800mAh ระบบปฏิบัติการที่โนเกียเลือกใช้เป็น Nokia X 2.0 รุ่นล่าสุด (ยังทำงานบนฐานของแอนดรอยด์เช่นเดิม)
ด้านสเปกเครือข่ายโทรศัพท์ 3G สำหรับโมเดลปัจจุบันที่ขายในประเทศไทยจะรองรับความถี่ 900/2,100 MHz ที่ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 21.1 Mbps อัปโหลดสูงสุด 5.76 Mbps ส่วนเครือข่าย 2G รองรับทุกคลื่นความถี่ที่มีในประเทศไทย
ด้านสเปกเครื่องปลีกย่อยอื่นๆ ระบบนำทางจะใช้ GPS Glonass, A-GPS ร่วมกับแผนที่ Here Maps จากโนเกีย รองรับการเชื่อมต่อ WiFi มาตรฐาน 802.11 b/g/n บลูทูธ 4.0 สามารถถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงสุด 720p ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที ส่วนกล้องหน้าสามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 480p เท่านั้น
ฟีเจอร์เด่น
นอกจาก Nokia X2 Dual Sim จะปรับปรุงเรื่องฮาร์ดแวร์ไปหลายส่วน ในส่วนระบบปฏิบัติการก็ได้มีการปรับเปลี่ยนไปใช้ Nokia X รุ่น 2 ที่มีความโดดเด่นและทำงานเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะหน้าโฮมสกรีนที่ปรับ Layout ใหม่แบบ Tile ให้คล้ายกับวินโดวส์ โฟนและยังเพิ่มหน้า Apps list เข้ามาเพื่อเป็นแหล่งรวมแอปฯแทนหน้าโฮมสกรีนจากรุ่นก่อนอีกทั้งยังช่วยในการค้นหาแอปพลิเคชันที่ต้องการได้สะดวกสบายขึ้นด้วยการเรียงชื่อแอปฯเหล่านั้นตามลำดับตัวอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ส่วนหน้า Fastlane หรือ Recent apps ยังคงมีให้เหมือนเดิม
เรื่องของ Multitask หรือความสามารถในการสลับแอปฯจากเดิมใน Nokia X รุ่นแรกจะไม่สามารถปิดแอปฯที่เปิดค้างไว้ได้ แต่ใน X2 ผู้ใช้สามารถปิดแอปฯ ที่เปิดค้างไว้เหล่านั้นได้แล้วรวมถึงระบบสลับแอปฯ และการใช้งานแบบ Multitask ก็ทำได้ดียิ่งขึ้น ปัญหาแอปฯ ปิดตัวเองก็มีให้เห็นน้อยลง
อีกส่วนที่ทางโนเกียปรับเปลี่ยนใหม่ใน X2 ก็คือระบบแจ้งเตือนหรือ Notifications bar ที่จะแยกส่วนของข้อความแจ้งเตือนและปุ่มเปิดปิดฟังก์ชันระบบออกจากกันเพื่อความชัดเจนที่ดียิ่งขึ้นจนคล้ายระบบแจ้งเตือนในแอนดรอยด์รุ่นหลังๆ อย่างมาก
ในส่วนของเว็บบราวเซอร์ในครั้งนี้โนเกียเลือกใช้ Opera เป็นส่วนขับเคลื่อนหลัก โดยจะมาพร้อมโหมดพิเศษในชื่อ Off road mode ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเว็บบราวเซอร์ผ่านเครือข่าย 3G/2G เพราะระบบจะทำการบีบอัดข้อมูลให้มีขนาดเล็กทำให้ไม่เปลืองแบนด์วิดธ์อินเตอร์เน็ต
มาถึงสิ่งที่ผู้ใช้ Nokia X หลายท่านรอคอยก็คือ Store รวมดาวน์โหลดแอปฯและเกมที่ส่วนใหญ่พอร์ตมาจากแอนดรอยด์ ล่าสุดก็มีการอัปเดตปรับหน้าตาและความเสถียรใหม่หมด โดยเฉพาะการอัปเดตแอปฯที่ทำได้ง่ายขึ้นรวมถึงจำนวนแอปฯและเกมเด่นจากแอนดรอยด์ก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นและบางแอปฯดูดีกว่าฝั่งวินโดวส์ โฟนเสียอีก
และแน่นอนเช่นเดิมในเมื่อ X2 ยังพัฒนาบนพื้นฐานของแอนดรอยด์ ผู้ใช้ที่หัวหมอก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ apk ของแอนดรอยด์มาติดตั้งต่างหากได้เช่นเดิม แต่ทั้งนี้ถ้าระบบตรวจพบการเข้าถึง Google Service ก็จะมีคำเตือนแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเหมือนภาพประกอบด้านบน ซึ่งถ้าผู้ใช้กดใช้ Google Service เช่น ล็อกอิน Google+ หรือลิงค์ออกยูทูป แอปฯนั้นจะใช้งานไม่ได้ทันที
มาถึงเรื่องสำคัญสุดท้ายกับกล้องถ่ายภาพที่ปรับปรุงจากรุ่นแรกไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือตามคำเรียกร้องและคำวิจารณ์ของนักรีวิวสำนักข่าวต่างๆ ทั่วโลก โดยนอกจากฮาร์ดแวร์กล้องจะปรับปรุงให้ดีและครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้น (เพราะมีทั้งกล้องหน้า-หลัง) ซอฟต์แวร์กล้องก็ปรับเปลี่ยนไปพอสมควร ตั้งแต่ระบบสัมผัสหน้าจอเพื่อโฟกัสหรือแม้แต่ความเร็วของชัตเตอร์ที่เร็วขึ้น ไฟแฟลชที่เพิ่มมาจากรุ่นแรกและที่สำคัญระบบเลือกซีนถ่ายภาพอัตโนมัติที่ทำได้เหมือนกล้องสมาร์ทโฟนยุคใหม่เสียที
ทดสอบประสิทธิภาพ
มาถึงส่วนของการทดสอบประสิทธิภาพจาก Antutu Benchmark คะแนนอยู่ที่ 13,021 คะแนน โดยถ้าดูจากตารางด้านบนตามกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาทพบว่า Nokia X2 Dual Sim มีคะแนนอยู่ลำดับกลางๆ ของกลุ่มไม่หวือหวาและก็ไม่ช้าหน่วงเหมือน Nokia X รุ่นแรก
ส่วนการใช้งานจริงเป็นเวลาร่วม 2 อาทิตย์เทียบกับรุ่นแรกแล้วทีมงานต้องเรียนตามตรงเลยว่า ”ประทับใจกว่า Nokia X ตัวแรกอย่างมาก ปัญหาคาใจหลายส่วนถูกแก้ไขโดยเฉพาะความเสถียรและลื่นไหลที่ X2 มีมากกว่าชนิดที่เรียกได้ว่าหน้ามือเป็นหลังมือ”
โดยเฉพาะการเล่นเกมกับซีพียูและแรมที่ปรับเพิ่มขึ้นจนทำให้ Nokia X2 Dual Sim สามารถรันเกม 3 มิติภาพกราฟิกสวยงามอย่าง Asphalt 8: Airborne จากค่าย Gameloft หรือแม้แต่เกมจาก LINE ก็มีให้เลือกเล่นได้ค่อนข้างลื่นไหลและหลายๆ เกมที่พอร์ตมาจากแอนดรอยด์ก็สามารถเล่นผ่าน Nokia X2 รุ่นนี้ได้แล้วหลังจากรุ่นก่อนหน้าทำคะแนนในส่วนนี้ได้ต่ำติดดินมาก
กดที่ภาพเพื่อชมภาพขนาดใหญ่
ภาพจากกล้องหน้าให้คุณภาพพอใช้เท่านั้น
มาถึงกล้องถ่ายภาพ สำหรับ X2 ถูกปรับปรุงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่า Nokia X และ XL รุ่นแรก ความอิ่มตัวของสี ความคมชัดของภาพและการโฟกัส-ถ่ายภาพทำได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก แต่มีข้อสังเกตเรื่องไฟแฟลช LED ที่ไม่ค่อยสว่างนัก
ส่วนการทดสอบแบตเตอรีด้วยการใช้งานโซเชียลผ่าน WiFi เล่นเว็บบราวเซอร์และฟังวิทยุออนไลน์เป็นหลัก พบว่าแบตเตอรีมีอายุใช้งานต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งประมาณ 8-11 ชั่วโมง ไม่เหมาะแก่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแบบหนักหน่วง เช่น เล่นเกมหรือชอบโหลดคลิปวิดีโอต่อเนื่อง แต่โดยภาพรวมเมื่อดูในเรื่องของราคา ขนาดตัวเครื่องและความจุแบตเตอรีก็ถือว่าลงตัวดี
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?
ข้อดี
- ระบบปฏิบัติการ Nokia X รุ่นที่ 2 ปรับปรุงได้ดีและเสถียร
- มีบริการเพลงออนไลน์และ Here Maps ให้ใช้ฟรี
- งานประกอบทำได้ดีและแน่นหนา
- แอปพลิเคชันที่พอร์ตมาจากแอนดรอยด์มีให้เลือกใช้มากขึ้น โดยเฉพาะเกมที่มีมากกว่าฝั่งวินโดวส์ โฟนมาก
ข้อสังเกต
- ไฟแฟลช LED ไม่สว่าง
- ปัจจุบันรุ่นที่ขายในไทยยังรองรับ 3G แค่คลื่น 900/2,100MHz
ด้วยราคาเปิดตัวเพียง 4,690 บาทกับการปรับเพิ่มสเปกและปรับปรุงความเสถียรที่มากขึ้น ทำให้ Nokia X2 Dual Sim กลายเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับผู้เริ่มต้นไปถึงผู้ใช้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเพื่อเน้นการใช้งานแค่เพียงแชทไลน์ เล่นเฟสบุ๊กและใช้เพื่อโทร ถึงแม้ X2 จะเป็นรุ่นสุดท้ายภายใต้บ้านใหม่ Microsoft Mobile แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นพวกชอบตามเทคโนโลยี X2 Dual Sim ก็สามารถตอบสนองสิ่งเหล่านั้นได้ดีอยู่แล้ว
ส่วนผู้ใช้ที่เคยได้รับประสบการณ์ที่เลวร้าย เช่น เครื่อช้า แอปฯเด้งและอื่นๆ จากรุ่นแรก ใน Nokia X2 Dual Sim ปัญหาเหล่านั้นถูกแก้ไขไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว
Company Related Link :
Nokia
CyberBiz Social