xs
xsm
sm
md
lg

จับของจริง 4 ฟีเจอร์เด็ดใน HTC One M8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทียบขนาด HTC One รุ่นแรก และ One M8


ถ้าไม่นับในแง่ของการออกแบบและดีไซน์ ที่ทางเอชทีซี เคยได้รับรางวัลสุดยอดสมาร์ทโฟนมาตั้งแต่ใน HTC One รุ่นแรก แฟลกชิปรุ่นใหม่อย่าง HTC One M8 ก็ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เด็ดที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานให้แก่ผู้ใช้ จนทำให้อยากรู้สึกได้มาครอบครอง

***Dot View Cover ของเล่นใหม่คนชอบใส่เคส



ตลาดอุปกรณ์เสริมถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ในช่วงที่ผ่านมาเอชทีซีไม่ค่อยให้ความสำคัญมากเท่าที่ควร ดังนั้นการมาของ Dot VIew Cover จึงทำให้เอชทีซี ประเทศไทย ต้องทำการบ้านพอสมควร ที่การนำตัวเคสพิเศษรุ่นนี้เข้ามาวางจำหน่าย เนื่องจากปัจจุบันเอชทีซี มีหน้าร้านของตนเองเพียงแค่ 4 แห่งเท่านั้น

ความสามารถของ Dot ViewCover คือเป็นเคสที่จะปิดคลุมหน้าจอของ HTC One M8 แต่ยังสามารถแสดงผลการแจ้งเตือนต่างๆ อย่างเวลา พยากรณอากาศ สายเรียกเข้า รวมถึงไปข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน ในรูปแบบที่คลาสสิค คือย้อนกลับไปเป็นสมัย 8 บิต

จุดเด่นที่สุดคือในขณะที่ใส่ Dot View Cover ไว้ถ้ามีสายเรียกเข้ามา นอกจากจะแสดงชื่อ หรือเลขหมายที่โทรเข้ามาแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถใช้นิ้วลากขึ้นเพื่อรับสาย หรือลากลงเพื่อตัดสายได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเคสออกมาสัมผัสที่หน้าจออีกต่อไป



การทำงานจริงๆแล้วของ Dot View Cover น่าจะเป็นการนำเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับแถบแม่เหล็ก บริเวณเคสมาสั่งงานให้ตัวเครื่องเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผล ดังที่เห็นได้จากกรณีที่นำเคสไปแนบไว้บริเวณหลังเครื่อง หน้าจอก็จะเปลี่ยนรูปแบบเช่นเดียวกัน

***Motion Launch ไม่ต้องพึ่งปุ่มเปิดหน้าจอ



ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ที่ติดตามข่าวสารในแวดวงสมาร์ทโฟนคงเคยเห็นเทคโนโลยีอย่าง Knock On ของแอลจี ที่ใช้นิ้วสัมผัสบริเวณหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเรียกใช้งาน หรือแม้แต่ใน โซนี่ ก็มี Tap to Wake หรือแม้แต่ในโนเกีย ก็จะมี Glance Screen ที่มีรูปแบบการใช้งานใกล้เคียงกัน

แต่ใน HTC One M8 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า Motion Launch ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อเรียกล็อกสกรีนขึ้นมาและสามาารถสัมผัส 2 ครั้งเพื่อปิดหน้าจอได้ ลากนิ้วไปทางซ้าย เพื่อเข้าหน้าจอแสดงวิตเจ็ต ลากนิ้วไปทางขวาเพื่อเข้าสู่ BlinkFeed ลากนิ้วขึ้นเพื่อปลดล็อกหน้าจอ



รวมไปถึงการลากนิ้วลง เพื่อเรียกใช้ระบบโทรออกด้วยเสียง รวมไปถึงยังมีการเรียกใช้งานโหมดกล้องแบบด่วนคือ กรณีที่วาง One M8 ไว้ในแนวนอน และกดปุ่มเพิ่มเสียง จะเป็นการเข้าสู่โหมดกล้องทันที แน่นอนว่าฟีเจอร์เหล่านี้ถ้าไม่ต้องการใช้งานก็สามารถเข้าไปเลือกปิดได้



***อัดฟีเจอร์เพิ่มในโหมดกล้อง



ความโดดเด่นของ One M8 อีกเรื่องหนึ่งคงหนีไม่พ้นในแง่ของกล้องถ่ายภาพ เริ่มกันจากกล้องหน้าที่เพิ่มความละเอียดเป็น 5 ล้านพิกเซล ที่สำคัญคือมาพร้อมเซ็นเซอร์ BSI ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นบน f2.0 และให้เลนส์มุมกว้าง พร้อมระบบถ่ายภาพแบบตั้งเวลานับถอยหลัง เพื่อช่วยให้ถ่าย Selfie ได้ดีขึ้น

ในจุดนี้ผู้บริหารเอชทีซี ยังคงเน้นถึงทวีตที่ทางเอชทีซีแซว Ellen Degeneres ที่ใช้ Galaxy Note 3 ถ่ายภาพหมู่เหล่านักแสดงในรูปแบบ Selfie ว่า ถ้าใช้ One M8 ก็ไม่จำเป็นต้องให้ Bradley Cooper เป็นคนยื่นมือออกไปถ่าย เพราะด้วยเลนส์มุมกว้างของ One M8 Ellen สามารถยื่นมือไปถ่ายภาพนี้ได้ด้วยตนเอง



กลับมาถึงในส่วนของกล้องหลัก One M8 ยังมาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพแบบ อัลตร้าพิกเซล (Ultra Pixel) ที่เพิ่มความละเอียดจากรุ่นเดิมที่ 2 ล้านพิกเซล เป็น 4 ล้านพิกเซล ที่สำคัญคือมีเลนส์กล้อง 2 ตัว เพื่อช่วยให้สามารถบันทึกภาพชัดลึก ชัดตื้น และสร้างภาพ 3มิติได้ ในการถ่ายภาพเพียงครั้งเดียว และยังมาพร้อมกับแฟลช 2 ตัวที่ช่วยเกลี่ยแสงให้สมจริงด้วย



โดยภายในโหมดถ่ายภาพปกติ หลังจากถ่ายภาพเสร็จแล้ว ผู้ใช้สามารถเลือกจุดโพกัสในภาพได้ทันทีด้วยโหมด U Focus ที่ใช้การถ่ายภาพจากเลนส์ 2 ตัวพร้อมกัน นอกจากนี้ยังนำไปใช้สร้างเอฟเฟกต์ภาพ ด้วยการปรับสีพื้นหลัง (Forgrounder) ปรับภาพให้ดูมีมิติขึ้น (Dimension Plus) รวมถึงการใส่ลูกเล่นอย่างดอกซากุระ ใบเมเปิล หรือหิมะตกลงในภาพ (Seasons)



ขณะที่ภายในส่วนของการตั้งค่ากล้องจะมีให้ปรับ Make-up level ช่วยปรับให้ใบหน้าเนียนมากขึ้น ปรับขนาดรูปภาพ เลือกสัดส่วนภาพ แสดงตารางบนหน้าจอถ่ายภาพ บันทึกพิกัดแผนที่ แสดงรูปภาพหลังถ่าย โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง โหมดจับภาพจากรอยยิ้ม สัมผัสหน้าจอเพื่อบันทึกภาพ เลือกเปิดปิดเสียงชัตเตอร์ รวมถึงเลือกได้ว่าจะใช้ปุ่มปรับระดับเสียงในการซูม หรือบันทึกภาพ



นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปรับแต่งโหมดถ่ายภาพด้วยตนเอง ก็จะมีโหมด M ให้ เพื่อให้ผู้ใช้เลือกปรับสมดุลแสงขาวในระดับเคลวิน เลือกปรับความไวแสง และความเร็วชัตเตอร์ได้ด้วย คล้ายๆกับในกล้องของโนเกีย Lumia

ส่วนแฟนๆที่ชื่ชนชอบการถ่ายภาพในโหมด Zoe ก็ได้มีการพัฒนาให้สามารถเพิ่มระยะเวลาการบันทึกภาพได้ จากการกดปุ่มถ่ายภาพค้างไว้ จะบันทึกไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีข่าวดีสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ เพราะทางเอชทีซี จะเปิดทุกคนสามารถดาวน์โหลดแอปฯ Zoe ได้จากทั้งแอปสโตร์ และเพลยสโตร์

***เอ็กซ์คลูซีฟ Fitbit Tracker



เอชทีซีเป็นผู้เล่นในตลาดสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรายที่เริ่มหันมาให้ความสำคัญในแง่ของสุขภาพ ด้วยการจับมือกับทาง Fitbit ผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับการบันทึกข้อมูลการออกกำลังกาย ด้วยการนำแอปพลิเคชันมาใส่ไว้ใน One M8 ช่วยให้กลายเป็นเหมือนผู้ฝึกสอนส่วนตัวให้แก่ผู้ใช้งาน

นั่นหมายความว่าใน One M8 จะต้องมีเซ็นเซอร์ที่ไว้ใช้ในการตรวจจับการก้าวเดิน เช่นเดียวกับใน iPhone 5s โดยการแสดงผลของแอปฯ Fitbit Tracker เบื้องต้นจะบันทึกจำนวนก้าวที่เดินขณะพก One M8 เพื่อคำนวนออกมาเป็นระยะทาง และปริมาณแคลลอรี่ที่ผลานไป

นอกจากนี้ เอชทีซี ยังได้อัปเกรดความสามารถของ Blink Feed ให้แสดงผลในขนาดตัวอักษรที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังสามารถเลือกรับข้อมูลเฉพาะหัวข้อที่สนใจได้ จากแหล่งข่าวหลากหลายทั่วโลก

ส่วนอินเตอร์เฟส Sense ก็ปรับขึ้นมาเป็น Sense 6 ที่นำสีสรรมาช่วยแยกประเภทของการใช้งาน สามารถเปลี่ยนฟอนต์ได้ พร้อมใส่คีย์บอร์ดรูปแบบใหม่ที่ช่วยให้ใช้งานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะภาษาไทยที่ไม่ต้องไปหาดาวน์โหลดคีย์บอร์ดอื่นมาใช้งานเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ในขณะที่ Boom Sound ที่เป็นจุดเด่นของสมาร์ทโนในตระกูล One ก็เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นด้วยเสียงที่ดังขึ้น 25% ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นพันธมิตรกับทาง Beats Audio แล้วก็ตาม แต่ยังคงรักษาคุณภาพของเสียงไว้ได้

อีกจุดที่น่าสนใจคือแบตเตอรีที่เพิ่มเป็น 2,600 mAh พร้อมกับการจัดการพลังงานรูปแบบใหม่ ช่วยให้ One M8 สามารถใช้งานได้นานกว่า One 40% ยังไม่นับรวมกับโหมด Extream Power Saving Mode ที่ระบุว่าแบตเตอรี 100% สามารถใช้งานได้นาน 2 สัปดาห์ 20% ใช้ได้ 60 ชั่วโมง 10% ได้ 30 ชั่วโมง 5% ได้ 5 ชั่วโมง ซึ่งจะเหลือแค่โหมดโทรศัพท์ และรับส่งข้อความเท่านั้น



การแสดงผลในหน้าเมนูยังคงลักษณะเดิมกับ HTC One โดยยังคงมีฟังก์ชันอย่างการใช้เป็นรีโมทควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าผ่านเซ็นเซอร์อินฟาเรต มีระบบใช้งานในรถยนต์ โหมดการใช้งานสำหรับเด็กให้ใช้กัน

ส่วนของแถบการแจ้งเตือนก็จะมีไอค่อนลัดสำหรับการปรับตั้งค่าต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้ผู้ใช้สามารถเข้าไปปรับแต่งได้ด้วยตนเอง



ในส่วนของการตั้งค่าก็ยังคงคอนเซปต์เดิมเช่นเดียวกัน ในส่วนของเครื่องรุ่นที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยคาดว่าจะเป็นรุ่น 16 GB ซึ่งจะเหลือให้ใช้งานจริงราว 10 GB เท่านั้น แต่ก็ยังดีที่ One M8 สามารใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่มากับ One M8 จะเป็นแอนดรอยด์ 4.4.2 (Kitkat)



เมื่อพูดถึงฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มมาในรุ่นนี้แล้ว ก็ถึงเวลาย้อนกลับมามองในแง่ของการออกแบบ HTC One M8 นายอาร์ม เวชชาชีวะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส บริษัท เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด ให้ข้อมูลว่า การดีไซน์ของ One M8 ยังคงใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียม ที่ทำลายขนแมวเพิ่มความหรูหรา เบื้องต้นจะนำเข้ามาวางจำหน่ายด้วยกัน 2 สีคือ เงิน และเทาเข้มก่อน

นอกจากนี้ยังมีการเหลาขอบให้เป็นแบบโค้งมนเพื่อช่วยให้จับใช้งานได้กระชับมือมากยิ่งขึ้น การประกอบทำขึ้นจากอะลูมิเนียม 2 ชิ้นนำมาประกบติดกัน พร้อมเพิ่มเสารับสัญญาณแบบ Dynamic Anttenna Tuner ให้จับสัญญาณโทรศัพท์ได้ดีขึ้น

ส่วนสเปกคร่าวๆของ HTC One M8 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1,920 x 1080 พิกเซล) 440ppi โดยใช้จอแบบ SuperLCD3 ร่วมกับ Gorilla Glass 3 รองรับการใช้งาน 4G LTE ทำงานบนหน่วยประมวลผล Snapdragon 801

แต่ที่น่าเสียดายคือ One M8 จะถูกตัดฟังก์ชันที่เคยเพิ่มมาใน One Max อย่างระบบ Finger Print ออกไป และเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่างซัมซุง และโซนี่ที่มาพร้อมฟีเจอร์อย่างการกันน้ำ ก็อาจทำให้ One M8 ยังมีจุดที่ไม่สมบูรณ์แบบอยู่บ้าง

ขณะที่ในแง่ของราคาจำหน่ายทางผู้บริหารเอชทีซี ประเทศไทยระบุว่ากำลังศึกษาอยู่ แต่คร่าวๆอาจจะใกล้เคียงกับรุ่นไฮเอนด์ก่อนหน้าอย่าง HTC One Max ที่เปิดราคามาอยู่ที่ 23,900 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างช้าในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาทันจำหน่ายภายในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กโปร์ ระหว่างวันที่ 8 - 11 พฤษภาคม 2557

แต่ทั้งนี้ ภายในงานเปิดตัวในต่างประเทศ ซีอีโอ ของเอชทีซีได้ระบุว่า HTC One M8 จะวางขายพร้อมกัน 100 ประเทศทั่วโลก กว่า 300 โอเปอเรเตอร์ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีดีแทคอยู่ด้วย ทำให้ต้องลุ้นกันต่อไปว่า ประเทศไทยจะได้อยู่ในล็อตแรกที่กระจายสินค้าไปหรือไม่

Company Relate Link :
HTC

CyberBiz Social



Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
ปุ่มปรับระดับเสียง และช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ด



ช่องเสียบสายชาร์จ และหูฟังขนาด 3.5 มม.
ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และเซ็นเซอร์อินฟาเรต โดยมีช่องใส่นาโนซิมการ์ดอยู่ทางซ้ายเครื่อง






กำลังโหลดความคิดเห็น