เอชทีซี One Max เป็น 1 ใน 2 รุ่นที่ออกมาต่อยอดจากสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดของเอชทีซีอย่าง One ที่ยังคงคอนเซปต์ในแง่ของฟีเจอร์ ลูกเล่น และประสิทธิภาพมาแบบจัดเต็มอยู่เช่นเดิม บนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น และที่สำคัญคือเพิ่มฟังก์ชันอย่างการสแกนลายนิ้วมือเข้ามาด้วย
แม้ว่าสเปกของ One Max จะไม่ได้ใช้หน่วยประมวลผลยอดนิยมอย่าง Snapdragon 800 แต่เลือกใช้เป็น Snapdragon 600 แทน แต่ก็ไม่ได้ทำให้การใช้งานบนหน้าจอขนาดเกือบ 6 นิ้ว ลดประสิทธิภาพลงแต่อย่างใด และนั่นทำให้ราคาของ One Max ไม่สูงจนเกินไปด้วย
การออกแบบและสเปก
คอนเซปต์ของการออกแบบ One Max ยังเป็นเช่นเดียวกับในรุ่น One เพียงแต่มีการปรับขนาดตัวเครื่องให้ใหญ่ขึ้น และเปลี่ยนจากที่ใช้อะลูมิเนียมเจาะกลายเป็นตัวเครื่องที่มีฝาหลังอะลูมิเนียมแบบเปิดได้แทน เพื่อให้รองรับการใส่การ์ดไมโครเอสดีเพิ่มเติมได้ด้วย โดยขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 164.5 x 82.5 x 10.29 มิลลิเมตร น้ำหนัก 217 กรัม
ด้านหน้า - จะเห็นถึงหน้าจอสัมผัสขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1080p) ขณะที่ส่วนบนและล่างหน้าจอจะมีช่องลำโพง (Boom Sound) โดยส่วนบนจะมีทั้งไฟแอลอีดีแสดงสถานะต่างๆ รวมถึงเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง ตรวจจับใบหน้า และกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลด้วย
ทั้งนี้ หากสังเกตจะพบว่าเอชทีซี ทำการบ้านมาค่อนข้างดีในแง่ของขอบหน้าจอ ที่ทำได้ค่อนข้างบาง ส่งผลให้แม้ว่าตัวหน้าจอจะมีขนาดใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว แต่ขนาดของตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่จนเกินไปนัก
ด้านหลัง - สิ่งที่ดูดึงดูดตามากที่สุดคือบริเวณกล้องหลักที่ยังคงใช้เป็นแบบ UltraPixel 4 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช ที่ถัดลงมาจะมีส่วนของการสแกนลายนิ้วมือเพิ่มขึ้นมา เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการปลดล็อกเครื่อง และเข้าแอปฯแบบด่วน โดยตรงกลางจะมีตราสัญลักษณ์ HTC แบบเจาะลงไปในอะลูมิเนียมอยู่ด้วย
การเปิดฝาหลังทำได้ด้วยการเลื่อนปุ่มล็อกฝาหลังด้านข้างเครื่อง โดยเปิดออกมาจะพบกับช่องใส่ไมโครซิมการ์ด และไมโครเอสดีการ์ดอยู่ และจะเห็นว่าข้างในตัวเครื่องจะใช้เป็นพลาสติกคุณภาพสูงแทน ขณะที่ส่วนของฝาหลังเป็นอะลูมิเนียม ทั้งนี้ในการเปิด-ปิด ฝาหลังให้ระวังเขี้ยวล็อกตัวเครื่องด้วยเพราะเมื่ออะลูมิเนียมกับพลาสติกสัมผัสกันอาจทำให้เขี้ยวล็อกหักได้
ด้านซ้าย - จะมีเพียงตัวล็อกสำหรับปลดฝาหลังเท่านั้น ด้านขวา - เป็นที่อยู่ของปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง สีเงิน
ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และอินฟาเรตสำหรับใช้เป็นรีโมทควบคุม ด้านล่าง - มีพอร์ตไมโครยูเอสบี สำหรับเสียบสายชาร์จ เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และสาย MHL สำหรับต่อออกจอ โดยมีช่องไมโครโฟนสนทนาอยู่ข้างๆด้วย
สำหรับสเปกภายในของ One Max จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 600 ที่เป็นควอดคอร์ 1.7 GHz RAM 2GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 16 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้ ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.3 และสามารถอัปเกรดเป็น 4.4 ได้
ด้านการเชื่อมต่อรองรับการใช้งานทั้ง 3G HSPA+ (ดาวน์โหลดสูงสุด 42.2 Mbps อัปโหลดสูงสุด 5.76 Mbps) ทุกคลื่นความถี่ และ 4G 900/1800/2100/2600 MHz นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อไวไฟ มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac บลูทูธ 4.0 จีพีเอส NFC ได้ตามปกติ โดยแบตเตอรีภายในตัวเครื่องจะอยู่ที่ 3,300 mAh
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ในส่วนของฟีเจอร์ที่มีมาให้ใน One Max นั้นต้องยอมรับว่าแทบทั้งหมดมีอยู่ใน HTC One อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าต้องการเจาะลึกถึงรายละเอียดฟีเจอร์ต่างๆสามารถกดย้อนกลับไปอ่านกันได้เลย ส่วนสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน One Max ก็จะเป็นการอัปเกรดให้ตัวเครื่องดูดีมีราคานั้นอย่างฟังก์ชันสแกนลายนิ้วมือ
กลับมาถึงในส่วนของหน้าจอหลัก เวลากดเปิดเครื่องขึ้นมาถ้าตั้งระบบสแกนไว้ ตัวเครื่องก็จะขึ้นรูปให้ทำการสแกนลายนิ้วมือ แต่ถ้าไม่ได้ตั้งก็จะเข้าสู่หน้า Blink Feed ที่รวบรวมข้อมูล ข่าวสารในโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆที่ลงทะเบียนไว้ หรือจะเลือกเป็นหน้าปกติของแอนดรอยด์ที่นำวิตเจ็ตไปใส่ก็ได้
โดยรูปแบบของการนำวิตเจ็ตมาใส่ สามารถทำได้โดยการสัมผัสที่หน้าจอค้างไว้ หลังจากนั้นก็จะมีหน้าต่างขึ้นมา (สามารถเลือกปิด Blink Feed ได้ถ้าไม่ต้องการ) แล้วก็สามารถนำวิตเจ็ตต่างๆไปใส่ได้ตามสะดวก
ถัดมาในส่วนของ Notification มีการนำไอค่อนลัดสำหรับตั้งค่าความสว่างหน้าจอ เปิดปิดไวไฟ บลูทูธ โหมดเครื่องบิน ระบบประหยัดพลังงาน การหมุนหน้าจอ การเชื่อมต่อดาต้า ระบบสแกนลายนิ้วมือ โหมดห้ามรบกวน และการแชร์ไวไฟฮ็อตสป็อตขึ้นมา (สามารถจัดเรียงลำดับได้)
โดยในส่วนของการสแกนลายนิ้วมือที่ให้มา ถ้าใครเคยทดลองใช้ไอโฟน 5s แล้วคิดว่าจะเป็นแบบเดียวกัน ก็ไม่ใช่นะครับ เพราะ One Max จะใช้วิธีการลากนิ้วผ่านตัวเซ็นเซอร์หลังเครื่อง คล้ายๆกับการสแกนลายนิ้วมือจากระบบรักษาความปลอดภัยในโน้ตบุ๊กที่จะใช้การลากนิ้วผ่านแทนเอา
แต่ทั้งนี้ก่อนจะสแกนนิ้วมือต้องทำการเข้าไปตั้งค่าให้เรียบร้อยเสียก่อน โดยจะเริ่มจากการให้เลือกนิ้วที่จะใช้สแกน โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ 3 นิ้ว ซึ่งมีความพิเศษตรงที่ว่าแต่ละนิ้ว สามารถกำหนดหน้าที่ได้ เช่น ถ้าตั้งให้นิ้วชี้ข้างซ้ายและขวา ใช้ปลดล็อกเครื่อง แล้วเพิ่มนิ้วกลางขวา มาใช้การเข้าโหมดกล้องเป็นต้น
ส่วนแอปพลิเคชันที่ให้มาภายในเครื่องส่วนใหญ่จะมีการรวมเป็นโฟลเดอร์ไว้ อย่างบริการของกูเกิล เครื่องมือ แอปสำหรับทำงาน หรือมัลติมีเดีย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีเหมือนใน One ทั้งหมด
รวมถึงฟังก์ชันอย่างการใช้ตัวเครื่องเป็นรีโมทควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย ที่ผู้ใช้สามารถเลือกตั้งเป็นรีโมททีวี กล่องเคเบิล โฮมเธียเตอร์ภายในบ้าน โดยจะมีแบรนด์ มาให้เลือก หลังจากนั้นก็ทำการตั้งค่าตามขั้นตอนที่แสดงขึ้นมา One Max ก็จะกลายเป็นรีโมทให้ใช้งานทันที
อีกแอปฯที่มีเพิ่มขึ้นมาคือ ‘ภาพเขียน’ ง่ายๆก็คือเป็นแอปจดโน้ต ที่ผู้ใช้สามารถเลือกแบบ วาดข้อความ ใส่ตัวการ์ตูนคลิปอาร์ตลงไปประกอบได้เลย ซึ่งด้วยขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ ทำให้ใช้งานได้ค่อนข้างสะดวก เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการบันทึกข้อความลงในสมาร์ทโฟนแทนการจดลงสมุด
ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ที่ให้มา ก็ได้ประโยชน์จากจอที่ใหญ่ ทำให้การใช้งานท่องเว็บทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น การประมวลผล ความเร็วในการตอบสนองถือว่าติดนิ้วดี ไม่มีอาการช้าให้เห็นแม้ว่าจะไม่ได้ใช้หน่วยประมวลผลรุ่นสูงสุดก็ตาม
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องรองรับการใช้งานทั้งภาษาไทย และอังกฤษอยู่ในตัวอยู่แล้ว โดยจุดเด่นของคีย์บอร์ดในเอชทีซีคือจะมีปุ่มลูกศรมาให้ใช้ตควบคุมเคอเซอร์ด้วย กรณีที่ต้องการความแม่นยำในการแก้ไข
หน้าจอโทรศัพท์ยังคงยึดรูปแบบเดิม กล่าวคือมาพร้อมระบบเดาเลขหมายจากเบอร์ หรืออักษรที่กดไป ยังมีการแสดงรูปภาพโปรไฟล์รายชื่อผู้ติดต่อตามปกติ ในขณะที่หน้าจอสนทนาจะมีเมนูหลักให้กดเพียงปิดไมค์กับเปิดลำโพงเท่านั้น ส่วนพวกการพักสาย เพิ่มสาย ต้องกดปุ่มเมนูขวาล่างเพิ่มเอาแทน
โหมดกล้องยังคงมาพร้อมฟังก์ชันการถ่ายภาพ Zoe อยู่เช่นเดิม แต่ที่เพิ่มเข้ามาก็จะมีโหมดอย่างการถ่ายภาพซ้อนกัน 2 ครั้ง ส่วนความสามารถอย่างการอัดวิดีโอและบันทึกภาพนิ่งก็ยังสามารถทำได้
หน้าจอการตั้งค่า ก็ถือว่ามีการใส่สีสันมาตามสไตลของเอชทีซี ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าไปตั้งค่าต่างๆได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ผู้ที่ใช้เอชทีซี แล้วต้องการเล่นเกมที่เป็นระบบแบบมัลติทัช แนะนำให้เข้าไปปิดระบบ miracast ที่ใช้การลาก 3 นิ้ว (ท่าทางต่างๆของ HTC) เพื่อเปิดใช้งานไวเลสดิสเพลย เพราะจะจำกัดไม่ให้สามารถใช้มัลติทัชได้
ในส่วนของผลการทดสอบ One Max ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant Standart และ Antutu ได้คะแนน 12,049 คะแนน และ 26,370 คะแนน ตามลำดับ หน้าจอรองรับการสัมผัส 10 จุดพร้อมกัน
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ผ่าน Vellamo ได้ 2,505 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 761 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 ได้ 60.6 fps Nenamark2 60.5 fps An3dBench 7,631 คะแนน และ An3dBenchXL 41,504 คะแนน
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark PerformanceTest Mobile ได้คะแนน System 3,181 คะแนน CPU 10,114 คะแนน Disk 6,128 คะแนน Memory 3,080 คะแนน 2D Graphics 2,278 คะแนน และ 3D Graphics 1,105 คะแนน
ส่วนการทดสอบ CF-Bench และ 3D Mark ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง
จุดขาย
- หน้าจอขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD
- ลำโพง Boom Sound ยังให้พลังเสียงที่ทรงพลัง
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G NFC ครบครัน
- ใช้เป็นรีโมทโทรทัศน์ กล่องเคเบิล โฮมเธียเตอร์ได้
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก แต่ก็แลกกับหน้าจอที่ใหญ่
- ฝาหลังที่เป็นอะลูมิเนียม เป็นรอยค่อนข้างง่าย
- ฟังก์ชันการสแกนลายนิ้วมือ ยังไม่ค่อยสเถียร
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับซีพียูที่เป็น Snapdragon 600
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ถ้ากำลังมองหาแฟ็บเล็ตขนาดหน้าจอ 6 นิ้ว แล้วมีงบประมาณเหลือเฟือ One Max น่าจะเป็นอีก 1 รุ่นที่น่าสนใจ เพราะด้วยราคาเปิดตัวที่ 23,900 บาท ยิ่งถ้าเป็นลูกค้าดีแทคจะได้ส่วนลดเพิ่มอีก 2,000 บาท เหลือ 21,900 บาท ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่า
เนื่องจาก One Max นอกจากจะได้ในแง่ของหน้าจอที่ใหญ่แล้ว ระบบเสียงของ Boom Sound และโหมดถ่ายภาพอย่าง Zoe ที่ช่วยให้อัลบั้มภาพมีชีวิตขึ้นมา และฟีเจอร์ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างปลดล็อกเครื่องด้วยลายนิ้วมือ ทำให้ตัวเครื่องนี้ได้เปรียบกับคู่แข่งอื่นๆในท้องตลาด
ในแง่ของระยะเวลาการใช้งาน แม้จะให้แบตเตอรีมาที่ 3,300 mAh แต่ด้วยการจัดการพลังานในตัวเครื่อง ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานได้ค่อนข้างดี สามารถใช้งานทั่วๆไปได้วันนึงสบายๆ แต่ถ้าใช้งานหนักติดต่อกันด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ย่อมกินแบตเป็นปกติอยู่แล้ว
Company Related Links :
HTC
CyberBiz Social