เมื่อสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทีมงานไซเบอร์บิซได้พาไปพรีวิวว่าที่กล้องดีเอสแอลอาร์ ขนาดเล็กที่สุดในโลกกับ Canon EOS 100D ไปแล้ว มาวันนี้ทีมงานไซเบอร์บิซได้รับ EOS 100D กลับมารีวิวทดสอบให้ชมกันแบบถึงพริกถึงขิงอีกครั้ง
การออกแบบ
อย่างที่ทราบกันดีว่า EOS 100D เป็นหมวดหมู่ใหม่ของกล้อง DSLR จากแคนนอน กล่าวคือมีคุณภาพอยู่ระหว่างตรงกลาง EOS 1100D กับ EOS 700D ในขณะที่ลำตัวมีขนาดเล็กแบบกล้องมิร์เรอร์เลสอย่าง EOS-M โดยแคนนอนตั้งใจให้ EOS 100D เข้ามาเจาะกลุ่มตลาดผู้ชื่นชอบกล้องขนาดเล็ก น้ำหนักเบาแต่ต้องการประสิทธิภาพและออปชันเปลี่ยนเลนส์ EF ที่มีให้เลือกใช้งานมากมายแบบเดียวกับ DSLR
ด้วยขนาดลำตัวเพียง 16.8 x 90.7 x 69.4 มิลลิเมตร (เทียบความยาวเท่ากับ iPhone 4/4S) กับน้ำหนัก 370 กรัมเฉพาะบอดี้ เรียกได้ว่าเบาประหนึ่งกล้องโปรคอมแพกต์เลยก็ว่าได้
อีกทั้งเมื่อประกบกับเลนส์แพนเค้ก 40mm f/2.8STM ตัวล่าสุด ยิ่งทำให้ขนาดตัวกล้องเล็กลงไปพอสมควร และสามารถพกพาใส่กระเป๋าสะพายข้างขนาดเล็กได้อย่างสบายๆ
ส่วนผู้ใช้ที่มีเลนส์แคนนอนเมาท์ EF, EF-S อยู่ก็สามารถนำมาใช้งานร่วมกันได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะ EOS 100D ก็คือกล้องแคนนอน DSLR ปกตินั่นเอง (อย่าเข้าใจผิดครับ)
มาที่จอภาพด้านหลังแบบ TFT LCD ขนาด 3 นิ้ว นอกจากใช้รับชมพรีวิวภาพถ่ายปกติทั่วไปแล้ว จอภาพยังสามารถสัมผัสเพื่อใช้ปรับตั้งค่ากล้อง โดยเทคโนโลยีสัมผัสที่ใช้กับจอ EOS 100D จะเป็น Capacitive sensing (มัลติทัช สามารถจีบนิ้วเข้าออกเพื่อขยายและย่อรูปไปถึงใช้ Touch Shutter แบบสมาร์ทโฟนได้) พร้อมหน้าจอความละเอียด 1.04 ล้านพิกเซล ที่ให้สีสันสดใส จัดจ้านพอสมควร แตกต่างจากจอ LCD ที่เคยพบเห็นกับกล้องแคนนอนอย่างมาก
สำหรับปุ่มควบคุมรอบตัวกล้อง ไล่จากบริเวณกะโหลกจาก Hot Shoe และไฟแฟลชหัวกล้องจะเป็น Command Dial ที่สามารถหมุนได้รอบ โดยจะบรรจุโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูปและแมนวลไว้ ตั้งแต่ ซีนโหมด, Auto+, Creative Mode และโหมดแมนวล M, Av, Tv, P เหมือน DSLR ทั่วไป
ถัดจากปุ่ม Command Dial ไปทางซ้ายจะเป็นก้านพลาสติกเล็กๆ สามารถดันขึ้นลงได้ ซึ่งถ้าผู้ใช้ดันขึ้นจะเป็นการเข้าสู่โหมดถ่ายวิดีโอ ดันมาตำแหน่งตรงกลางจะเป็นคำสั่ง เปิดกล้อง และดันลงล่างสุดจะเป็นคำสั่งปิดกล้อง
ส่วนด้านบนเหนือ Command Dial จะเป็นปุ่ม ISO ที่แยกออกมาให้เรียกใช้งานง่ายขึ้นพร้อมปุ่มชัตเตอร์และ Dial ปรับตั้งค่ากล้องตามโหมดที่เลือก โดยใน EOS 100D จะให้มาแค่วงเดียวเท่านั้น
มาที่ปุ่มคำสั่งบริเวณหลังกล้องจะแบ่งเป็นสองซีก คือ ซีกซ้ายเป็นปุ่มคำสั่งทั่วไป (กดใช้เมื่อไรก็ได้) ได้แก่ปุ่ม Menu สำหรับเรียกเมนูปรับตั้งค่า Info สำหรับใช้ดูข้อมูลของภาพที่ถ่ายและหน้าจอขณะถ่ายภาพ
ส่วนซีกขวาจะเป็นปุ่มคำสั่งที่ต้องใช้ขณะถ่ายภาพ โดยนิ้วโป้งสามารถตวัดมากดได้อย่างง่ายดายขณะตามองช่อง Optical Viewfinder อยู่ประกอบด้วย
- ปุ่มรูปกล้องมีจุดสีแดง คือ ปุ่มสลับการใช้งานระหว่าง Live View กับ Optical Viewfinder และเมื่ออยู่ในโหมดถ่ายวิดีโอ ปุ่มคำสั่งนี้จะแทนการบันทึกวิดีโอและกดอีกครั้งเพื่อหยุดบันทึกวิดีโอ
- ปุ่ม Av +/- คือ ปุ่มชดเชยแสง
- ปุ่ม Q/Set คือ ปุ่มสำหรับเรียก Quick Menu ขึ้นมารวมถึงเป็นปุ่มกดเรียกเมนูตั้งค่ากล้อง เช่น ISO, รูรับแสงหรือความเร็วชัตเตอร์ โดยการปรับตั้งค่าหลังกดปุ่มนี้จะใช้การสัมผัสที่หน้าจอเป็นหลัก
- ปุ่มสีน้ำเงินทั้งหมด ไล่จากบนสุดส่วนของซูมภาพเข้าออก จะมีหน้าที่ 2 คำสั่งคือเป็นปุ่มซูมภาพเข้าออกปกติเมื่ออยู่ในโหมดพรีวิวภาพและเป็นปุ่มเรียก จุดโฟกัสและล็อคค่าแสงเมื่อใช้งานถ่ายภาพหรือวิดีโออยู่
ส่วนปุ่มสามเหลี่ยมและถังขยะด้านล่างจะเป็นคำสั่งพรีวิวภาพและลบภาพถ่ายพร้อมไฟแสดงสถานะการทำงานเมื่อภาพถูกบันทึกลงสู่การ์ดความจำบริเวณข้างปุ่มถังขยะ
กลับมาที่ด้านล่างสุดของกล้องจะเป็นช่องใส่แบตเตอรีและการ์ดความจำ โดยแบตเตอรีที่ EOS 100D ใช้คือรุ่น LP-E12 ขนาด 875mAh สามารถถ่ายได้ 380 รูป (ใช้เฉพาะ Viewfinder) ส่วนถ้าเปิด Live View ถ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 150 รูปเท่านั้น
ส่วนการบันทึกวิดีโอจะอยู่ที่ 1 ชั่วโมง 5 นาทีโดยประมาณ
และการ์ดความจำที่สามารถใช้กับกล้อง EOS 100D ได้แก่ SD, SDHC และ SDXC
สุดท้ายกับช่องเชื่อมต่อต่างๆ ประกอบด้วย Mic in, รีโมทคอนโทรล, A/V Out และ HDMI พร้อมปุ่มเปิดไฟแฟลชและเช็คระยะโฟกัสบริเวณด้านข้างโลโก้ EOS 100D
สเปก
ด้านสเปก Canon EOS 100D จะมาพร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ APS-C ตวามละเอียด 18 ล้านพิกเซล (5,184 x 3,456) สามารถถ่ายภาพด้วยไฟล์ JPEG และ RAW ขนาด 14 บิตได้ มาพร้อมช่องมองภาพ Optical Viewfinder ขนาด 95%
ในส่วนความไวแสง (ISO) สามารถปรับใช้งานได้ตั้งแต่ 100-12,800 (สูงสุด โหมด H ที่ 25,600) ส่วนเมื่อใช้งานในโหมดวิดีโอจะปรับ ISO ได้ตั้งแต่ 100-6,400
มาดูที่ระบบออโต้โฟกัสที่แคนนอนออกแบบใหม่กับ Hybrid CMOS AF II (ออโต้โฟกัส 9 จุด) ที่ขยายพื้นที่โฟกัสส่วน phase detection เป็น 80% ทำให้การโฟกัสผ่าน Live View ทำได้รวดเร็วรวมไปถึงระบบโฟกัสแบบ Object/Face Tracking จะทำได้แม่นยำมากขึ้น เพื่อให้เหมาะกับการเป็นกล้อง Point and Shoot ซึ่งถ้าท่านผู้อ่านเห็นภาพไม่ชัดเจน สามารถกดรับชมวิดีโอด้านล่างได้
วิดีโอ A Day จากแคนนอนออสเตรเลีย โชว์ระบบโฟกัสภาพแบบใหม่ใน EOS 100D ได้อย่างชัดเจน
จบจากเรื่องออโต้โฟกัสไปแล้วมาที่เรื่องของระบบชัตเตอร์ที่แคนนอนค่อนข้างชูเป็นจุดขายสำหรับ EOS 100D ก็คือโหมดชัตเตอร์เงียบ (Silent Shutter) ที่สามารถใช้งานในโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องและ Single Shot ได้แบบเงียบๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ถ่ายในที่ประชุมหรือสถานที่ๆ เขาห้ามส่งเสียงดัง
สุดท้ายก่อนเข้าสู่เรื่องของฟีเจอร์เด่นเรามาดูในเรื่องของโหมดวิดีโอและ Picture Style โดยวิดีโอของ EOS 100D สามารถถ่ายที่ความละเอียดสูงสุด 1080@30p ได้พร้อมความสามารถในการถ่ายวิดีโอในแบบแมนวล ปรับแต่งค่ารูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ ต่อไมโครโฟนภายนอกเองได้บนรูปแบบของ EOS Movie ที่แคนนอนชูเป็นจุดเด่นของ DSLR มานาน
ส่วน Picture Style ก็เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้างรูปแบบใช้งานได้เองหรือจะใช้แบบอัตโนมัติ EOS 100D ก็มีความฉลาดเลือกใช้มากขึ้น จนทำให้คนรักภาพสีสันจัดจ้านอย่างผมถูกอกถูกใจเมื่อถ่ายภาพวิวทิวทัศน์แล้วกล้องปรับคอนทราสต์ให้จัดจ้านอัตโนมัติ
สำหรับสเปก Canon EOS 100D อื่นๆ สามารถรับชมได้โดย>คลิกที่นี่<
ฟีเจอร์เด่น
Real Time Creative Auto (CA) เป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อยสำหรับคนชอบถ่ายภาพสีสันแปลกแหวกแนว เพราะใน EOS 100D แคนนอนปรับให้ Creative Mode สามารถแสดงผลแบบเรียลไทม์ได้ เช่น ผู้ใช้ปรับไปเอ็ฟเฟ็กต์ Toy Camera ภาพที่ Live View จะแสดงผลทันทีก่อนกดชัตเตอร์
Creative Auto: Toy Camera
นอกจากนั้นใน Creative Auto ยังมาพร้อม Extra Effect shot หรือฟังก์ชันถ่ายภาพหนึ่งครั้ง แต่ได้ผลลัพธ์ 2 ภาพได้แก่ ภาพแบบมีเอ็ฟเฟ็กต์ที่เลือกจาก Creative Auto และภาพต้นฉบับที่ยังไม่ถูกแต่ง เพื่อผู้ใช้จะได้นำภาพเหล่านั้นไปตกแต่งใหม่ภายหลังได้
Scene Mode แบบใหม่ Canon EOS 100D มีการเพิ่มซีนโหมดใหม่ได้แก่ Kids (ภาพเด็ก), Food (ภาพอาหาร) พร้อม Miniature โหมด
Miniature Effect Movie ถือเป็นครั้งแรกของแคนนอนที่นำเอ็ฟเฟ็กต์ยอดฮิตอย่าง Miniature มาใส่ลงในโหมดวิดีโอ โดยลักษณะการทำงานของ Miniature Effect Movie จะไม่มีเสียงมีแต่ภาพเคลื่อนไหวรวดเร็ว โดยผู้ใช้กล้องสามารถกำหนดความเร็วได้ตั้งแต่ 5x, 10x และ 20x
ทดสอบประสิทธิภาพ
ตามธรรมเนียมไซเบอร์บิซก่อนออกไปทดสอบประสิทธิภาพเราต้องมาชำแหละขนาดไฟล์ภาพทั้ง RAW และ JPEG ที่ความละเอียดแบบเต็มๆ 18 ล้านพิกเซลกันก่อน โดยขนาดไฟล์ภาพของ EOS 100D RAW จะมีขนาดประมาณ 25.7MB (14-bit) ส่วน JPEG อยู่ที่ประมาณ 8.3MB
และเลนส์ที่ใช้ทดสอบร่วมกับ EOS 100D คือเลนส์ฟิกซ์ 40mm f2.8STM รุ่นฮิตติดลมบนของแคนนอนที่เราเคยรีวิวไปแล้วตอน Canon EOS 650D
เริ่มการทดสอบแรก ตามที่แคนนอนคุยไว้ว่า EOS 100D ให้ภาพที่ค่า ISO สูงได้ดี จากการทดสอบจริงโดยทีมงานไซเบอร์บิซก็ถือว่าช่วง ISO ที่ได้ไฟล์เนียนๆ สัญญาณรบกวนต่ำอยู่ที่ ISO 100-3,200 ถือว่าแอบผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังคาใจจนต้องขอลองถ่ายอีกครั้งกับสภาพแสงน้อยจริงๆ ตามภาพด้านล่าง
โดยครั้งนี้ผมได้เดินทางไปทดสอบ ISO ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) โดยเฉพาะกับค่า ISO 6,400 พร้อมครอป 100% มาให้ชมอีกครั้ง พบว่าถ้ามองที่ขนาดภาพโดยรวม โอ้..ยอมรับครับภาพจากเลนส์ 40 มม. คมชัดโดนใจและดูเหมือน Noise จะน้อยพอสมควร
แต่เมื่อดูแบบครอป 100% พบว่า Noise ที่ได้และเม็ดสีที่แตกเกิดขึ้นพอสมควร อย่างนี้ถ้านำไปพิมพ์งานด้วยไซต์ขนาดใหญ่อาจไม่ดีแน่นอนที่ค่าความไวแสง 6,400
ภาพนี้ก็เช่นกันที่ค่า ISO 3,200 กับความติสแตกของผมที่ขอถ่ายให้แสง -5/3 EV พบว่า Noise เกิดมากพอสมควร ถ้าต้องการใช้งานจริงอาจต้องถ่าย RAW แล้วเข้า DPP หรือ Lightroom แล้วลด Noise จากซอฟต์แวร์ลงก็จะได้ภาพที่ดีเหมือนเดิม
แต่ถึงแม้เรื่อง Noise จะดูเหมือนมีปัญหาที่ค่า ISO ช่วง 3,200-6,400 แต่ในเรื่องการบาลานซ์แสงของ EOS 100D กลับให้ผลลัพธ์ค่อนข้างถูกอกถูกใจผู้ทดสอบพอสมควร เพราะจากภาพแน่นอนว่าผมตั้งใจโฟกัสไปที่นางยักษ์และคิดไว้ในหัวแล้วว่าอยากได้ภาพของแม่นางมองมายังกล้อง ส่องประกายความน่ากลัวออกมาแบบติดอันเดอร์แต่ไม่สูญเสียรายละเอียด ในขณะที่ภาพเบื้องหน้าหลุดโฟกัสออกไป
ผมเลยปรับค่าแสงให้ติดลบ 3 พร้อมปรับไฟล์ให้เป็น JPEG เพื่อให้ระบบ Optimized ต่างๆ ของกล้องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และเมื่อกดชัตเตอร์ลงไป ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างน่าพอใจตามความคิด การบาลานซ์แสงได้ดังใจกว่า 650D ที่เคยทดสอบ รวมไปถึงหน้าจอแบบสัมผัสที่สั่ง Touch Shutter ได้ ทำให้โฟกัสค่อนข้างแม่นและผมทำงานได้รวดเร็วขึ้นมาก
ก่อนจะไปจากพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ผมเลยขอทดสอบ Handheld Night Scene อีกครั้งด้วยภาพมุมกว้างมุมนี้ ที่ถือว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก ถึงแม้ ISO จะดันไปแตะ 12,800 และชัตเตอร์สปีดวิ่งไปที่ 1/60 ที่ค่า f2.8 ก็ตาม
มาถึงภาพกลางวันแดดจัดทดสอบรูรับแสงแคบ f10-f13 กับค่า ISO 100 พบว่าความคมชัดที่ได้ดีมากและสัญญาณรบกวนที่ได้แทบมองไม่เห็น ตรงนี้ถือว่า EOS 100D สอบผ่านแบบไม่ต้องลังเลคำตอบเลย
และนี่คือภาพทดสอบฟังก์ชัน Backlight HDR ใน SCN Mode ที่ถือว่า EOS 100D ให้ผลลัพธ์ที่ดีและเลือกน้ำหนักการซ้อนภาพ HDR ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะภาพนี้ถ่ายย้อนแสงแบบจัดๆ แต่ EOS 100D ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าคู่แข่งที่ผมเคยทดสอบไปก่อนหน้านี้เสียอีก
ส่วนภาพนี้ผมตั้ง Landscape ออโต้แบบเพียวๆ และใช้ Live View ดูภาพตลอดกับการล็อคโฟกัสด้วย Tracking Mode แน่นอนว่าภาพนี้อาจไม่ใช่ภาพที่สมบูรณ์เพราะนกตกเฟรมไป แต่สิ่งที่ได้จากภาพนี้จนต้องนำมาโชว์ก็คือเมื่อผมกดชัตเตอร์ลง อาการโฟกัสวืดแทบไม่มีให้เห็น เพราะโฟกัสจับวัตถุอยู่ตลอดถึงแม้จะมีหลุดไปบ้างเมื่อนกเดินหันลำตัวไปมา แต่ช่วงที่นกจะบินผมย้ำโฟกัสบ่อยจนเหมือนรัวปืน แน่นอนว่าโฟกัสล็อคและขึ้นสีเขียวตลอด แทบไม่มีหลุดโฟกัส จนนกบินและผมกดชัตเตอร์ลงไป
ยอมรับเลยครับว่า Hybrid CMOS AF II ทำงานได้รวดเร็วมากแม้จะเป็น Live View Mode ก็ตาม ส่วนถ้าปิด Live View และโฟกัสผ่าน Viewfinder อันนี้คงไม่ต้องพูดครับ เร็วปานจรวด ผมไม่ได้โม้นะ...
จบจากภาพด้านบนมาลอง Face Tracking กับชายคนนี้ที่กำลังเดินผ่านกล้องผมไปมา เขาเห็นผมกำลังถ่ายภาพและยิ้มให้ จังหวะที่ยิ้ม Face Detection ทำงานผมก็เลยเผลอกดชัตเตอร์ลงไปเป็นภาพนี้ในแนวแบบสตรีท ซึ่งก็ถือว่าระบบตรวจจับใบหน้าทำงานได้เร็วพอประมาณ ไม่ถึงกลับเจอหน้าคนปุ๊บ โฟกัสตรวจจับใบหน้าโผล่ปั๊บอย่างที่นึกไว้
มาถึงภาพสุดท้ายกับซีนโหมดพิเศษเอาใจคนเอเซียชอบถ่ายอาหารก่อนรับประทานกับโหมด Food ที่จะเน้นสีสันและคอนทราสต์แบบจัดจ้าน ช่วยให้อาหารน่ารับประทานขึ้นตามภาพตัวอย่าง (โหมดนี้จะออโต้ทั้งหมด เรามีหน้าที่แค่กดเปิด ปิดแฟลช โฟกัส และกดชัตเตอร์ถ่ายภาพเท่านั้น)
ส่วนภาพด้านล่างทั้งหมดจะเป็น Gallery บางส่วนจากกล้อง Canon EOS 100D ซึ่งผู้อ่านที่อยากรับชมภาพความละเอียดสูงและภาพทดสอบอื่นๆ รวมถึงวิดีโอทดสอบต่างๆ ถ้าไม่เห็นในหน้านี้ สามารถกดเข้าไปชมได้ที่ http://www.flickr.com/photos/potsawat/sets/72157633831164980/
Aperture-priority AE Mode / f2.8 / ISO 100 / 1/100sec
Landscape Mode / f10 / ISO 100 / 1/200sec / Crop 16:9
Auto+ / f2.8 / ISO 100 / 1/400sec
Auto+ / f2.8 / ISO 3,200 / 1/100sec / Monochrome
Auto+ / f3.5 / ISO 1,600 / 1/25sec
มาที่การทดสอบวิดีโอ 1080p กับไมโครโฟนติดในตัวกล้องพบว่าคุณภาพที่ได้ถือว่าใช้ได้ โฟกัสแบบ STM ในเลนส์แคนนอนรุ่นใหม่ๆ จะได้ออกฤทธิ์กันในกล้องตัวนี้แน่นอน เพราะโฟกัสนุ่มและเงียบที่สุดตั้งแต่ทีมงานเคยทดสอบกล้องแคนนอนมา
โหมดวิดีโอรองรับ ISO 100-6,400 สามารถถ่าย Manual Video ได้ซึ่งถือเป็นไปตามมาตรฐานของแคนนอน EOS Movie
ส่วนแบตเตอรีที่ใน EOS 100D ให้แบตเตอรีมาก้อนเล็กพร้อมประจุไฟที่ไม่มากนัก แน่นอนแคนนอนบอกทีมงานว่า EOS 100D ได้รับการออกแบบวงจรภายในให้กินไฟน้อยลง ซึ่งจากการทดสอบก็ถือว่าทำได้แค่พอใช้ เอาเข้าจริงๆ ถ้าเป็นผู้ใช้ที่ชอบเปิดกล้องทิ้งไว้และเดินถ่ายด้วย Live View ทั้งวัน แบตจะหมดลงอย่างรวดเร็ว (ต้องพกแบตฯ 2-3 ก้อนสำหรับพวกชอบถ่ายวิดีโอ) แต่ข้อดีของแบตเตอรีประจุน้อยแบบนี้ก็คือเวลาชาร์จไฟจะรวดเร็วมาก ไม่ต้องรอนานแบบแบตเตอรีประจุมากๆ เหมือนกล้องรุ่นอื่นๆ
ตอบจุดขายหรือไม่/ข้อสังเกต/สรุป
วิดีโอรีวิว Canon EOS 100D จากรายการ Digital2Go
จุดขายสำคัญของ Canon EOS 100D คือการเป็นกล้อง DSLR ขนาดเล็ก พกพาสะดวกแบบเดียวกับมิร์เรอร์เลสที่มาพร้อมประสิทธิภาพและการใช้งานแบบกล้องตัวใหญ่ เพื่อจับกลุ่มผู้ใช้ระดับเบื้องต้นไปถึงผู้ใช้กล้องที่ชื่นชอบความเล็กและประสิทธิภาพแบบมิร์เรอร์เลสแต่ติดในเรื่องเลนส์และอุปกรณ์ใช้งานต่างๆ ที่กล้อง DSLR มีมากกว่า รวมไปถึงหน้าจอแบบสัมผัสที่ในตอนนี้แคนนอนน่าจะเป็นแบรนด์เดียวในตลาด DSLR ที่ใช้หน้าจอสัมผัสมัลติทัชที่ลื่นไหลที่สุด ซึ่ง EOS 100D จะเข้ามาตอบสนองและอุดช่องโหว่เหล่านั้นได้ทั้งหมด และคงไม่มีคู่แข่งในตลาด DSLR ณ ตอนนี้ให้เปรียบเทียบ
ยกเว้นเรื่องประสิทธิภาพของภาพที่ได้ ที่ส่วนหนึ่งยังคงความเป็นแคนนอน ไฟล์ดี เทคโนโลยีโฟกัสเลิศที่สุดในตลาด DSLR ขนาดเล็ก ณ ตอนนี้ แต่กลับมาตกม้าตายในเรื่องสำคัญอย่างสัญญาณรบกวนที่ค่าความไวแสงสูงยังทำได้ไม่ดีเหมือนรุ่นพี่ 650D หรือ 700D ในขณะที่ราคาเฉพาะบอดี้ EOS 100D อยู่ที่ 18,000 กว่าบาทถ้าบวกเลนส์เข้าไปก็คงตกที่เลขสองหมื่นกว่าๆ ถึงปลายๆ ซึ่งนับว่าราคาเปิดตัวสูงพอสมควร
และอีกเรื่องที่ผมในฐานะผู้ทดสอบค่อนข้างผิดหวังก็คือเรื่องการวางฟีเจอร์เด่นๆ ของกล้องไว้ในเมนูที่เข้าถึงยากและงงสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่มีความรู้เรื่องกล้อง แน่นอนว่าคุณจะสามารถใช้งานแค่ถ่ายภาพแบบอัตโนมัติได้หรือ Manual ได้ง่ายเพราะปุ่มคำสั่งภายนอกวางมาได้ดี แต่ถ้าจะใช้งานฟีเจอร์ปรับแต่งภาพภายในอาจต้องทำความคุ้นเคยสักพักใหญ่ถึงจะกดใช้งานได้อย่างคล่องตัว เพราะเมนูของแคนนอนจะเน้นเป็นตัวหนังสือและวางไว้ค่อนข้างลึกเช่น จะปรับเอ็ฟเฟ็กต์ภาพหรือเปิด Extra Shot ต้องเลื่อนปุ่ม Command Dial ไปที่ CA จากนั้นต้องกดปุ่ม Q แล้วไปในส่วนตั้งค่าและเลือกเอ็ฟเฟ็กต์ ก่อนจะออกมาถ้าไม่ต้องการเปิดไฟแฟลชก็ต้องกดเข้าไปปิดอีก 1-2 ขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้กว่าจะคุ้นเคยและจำได้ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่
แต่สุดท้ายแล้วก็ถือว่า Canon EOS 100D เป็นต้นกำเนิดกล้อง DLSR ขนาดเล็กที่สุดในโลกที่แคนนอนประสบความสำเร็จแล้วในเรื่องการออกแบบและน้ำหนัก สิ่งหนึ่งที่เป็นการบ้านสำคัญของ DSLR ตระกูลนี้ต่อไปก็คือเรื่องของการปรับบาลานซ์ของระบบ เมนูใช้งานให้มีลูกเล่นดึงดูดมากขึ้น และน่าจะใส่หน้าจอ Live View แบบยกหักปรับเปลี่ยนมุมมองได้จะดียิ่งขึ้นครับ
ซึ่งถ้าถามว่าสรุป Canon EOS 100D น่าใช้ไหม ผมก็คงตอบได้ครับว่า น่าใช้ครับถ้าคุณผู้อ่านเป็นคนเรียนรู้เร็วและกำลังมองหากล้อง DSLR ขนาดประมาณมิร์เรอร์เลสและสามารถใช้เล่น EF ปกติจาก DSLR แคนนอนรวมถึงความสามารถในการถ่ายวิดีโอที่สามารถต่อไมค์ภายนอกได้ EOS 100D คือที่สุดของคำตอบตอนนี้อย่างไม่ต้องลังเล
Company Related Link :
Canon
CyberBiz Social