เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ในโลกของสมาร์ทโฟนปัจจุบัน มีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 ขั้วอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งขั้วอำนาจแรกคือ ระบบปฏิบัติการไอโอเอสของแอปเปิล กับขั้วที่ 2 ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่มีผู้ผลิตหลากหลายเจ้าดาหน้าเข้ามาร่วมประกาศศักดาขอเป็นที่ 1 ในกลุ่มแอนดรอยด์
และสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถมากพอที่จะก้าวมาเป็นผู้นำในวงการ ก็คงจะมีอยู่ไม่กี่รุ่น ซึ่ง 1 ในนั้น ก็คือสมาร์ทโฟนที่ชื่อว่า Galaxy S3 ที่จะเป็นพระเอกในการรีวิวครั้งนี้
การออกแบบและสเปกเครื่อง
ถ้าหากจะว่ากันตามตรง ใครหลายคนติดตามข่าวสารในวงการสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต ก็เป็นที่รู้กันว่า นวัตกรรมจากค่ายแอปเปิลมักดึงดูดความน่าตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ แต่ในทุกวันนี้ผู้ผลิตแดนโสมขาว อย่างซัมซุงก็สามารถเข้ามายึดหัวหาดของการนำเสนอบนหน้าข่าวไอทีได้ ชนิดที่เรียกว่าไม่แพ้แอปเปิลเลยก็ว่าได้
ทั้งนี้การกลับมาของ Galaxy S3 จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่ 3 ของตระกูล Galaxy กลุ่มไฮเอนด์ คุณภาพฮาร์ดแวร์แรงแบบจัดเต็ม อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่สามารถเรียกความสนใจแก่ผู้บริโภคชนิดที่ต้องชั่งใจเลยว่า จะเอาแอนดรอยด์ หรือจะเอาไอโอเอส
โดยคอนเซปต์การออกแบบ Galaxy S3 ตามที่ซัมซุงได้เผยพร้อมสโลแกนว่า Inspired by Nature, Design for Human ถอดความเป็นภาษาไทยว่า แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ออกแบบเพื่อมวลมนุษย์ ซึ่งจะเริ่มจากการออกแบบที่ตัวเครื่องก่อนที่จะลงรายละเอียดในส่วนของฮาร์ดแวร์
ขนาดหน้าจอเครื่องมีขนาดใหญ่ 4.8 นิ้ว ความละเอียด 720x1280 พิกเซล พร้อมด้วยกระจก Gorilla Glass 2 การออกแบบรอบตัวเครื่องมีส่วนเว้าส่วนโค้งทำให้ตัวเครื่องมีความเซ็กซี่ วัสดุที่ออกแบบมาเป็นลวดลายคล้ายสแตนเลส มีโพลีคาร์บอเนตเป็นส่วนประกอบ เคลือบด้วย Hyperglaze
การวางของปุ่มค่อนข้างน่าสนใจ เพราะการวางตำแหน่งของปุ่มถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะผู้ใช้จะใช้นิ้วเพียงแค่ 2 นิ้วในการใช้งานปุ่ม โดยด้านซ้ายเป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ขณะเดียวกันด้านขวาเป็นปุ่มพักหน้าจอเครื่อง ซึ่งถ้าหากเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ปุ่มพักหน้าจอจะอยู่ด้านบนทำให้ผู้ใช้ต้องใช้มือเอื้อมไปปิด แต่ใน Galaxy S3 ไม่ต้อง แค่วางนิ้วในตำแหน่งของปุ่มก็สามารถทำงานกับปุ่มได้อย่างแนบเนียน
ด้านหน้า - ขนาดหน้าจอ 4.8 นิ้ว มีไฟ LED อยู่ทางซ้าย กล้องหน้า 1.9 ล้านพิกเซล ด้านล่างเป็นปุ่ม HOME แบบใหม่ขนาบด้วย ปุ่ม Menu และปุ่ม Back
ด้านหลัง - กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล มีแฟลช ลำโพง หากถอดแบตด้านหลังออกมาจะพบสล็อตใส่ microSD และ microSIM มีแบตเตอรี่ประจุมากมาย 2100 mAh พร้อมเทคโนโลยี NFC
ด้านขวา - ปุ่มพักหน้าจอ/ปลุกหน้าจอ
ด้านซ้าย - เพิ่ม/ลดเสียง
ด้านบน - หูฟังแจ็คมาตรฐาน และไมโครโฟน
ด้านล่าง - พอร์ต microUSB และรูไมโครโฟน
สำหรับสเปกเครื่อง Galaxy S3 จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Ice Cream Sandwich 4.0 ครอบด้วยอินเตอร์เฟส TouchWiz UX ที่มีการปรับอินเตอร์เฟสลดความฉูดฉาดของสีลง และเน้นเป็นธรรมชาติมากขึ้น ชิปประมวลผล 4 คอร์ Exynos 4 1.4GHz หน้าจอ HD Super AMOLED ขนาดหน้าจอ 4.8 นิ้ว ความละเอียด 720x1280 พิกเซล กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 1.9 ล้านพิกเซล RAM 1GB
ฟีเจอร์เด่น Galaxy S3
Homescreen จะมีหน้าให้วางแอปพลิเคชันและวิดเจ็ตทั้งหมดรวมถึงโฟลเดอร์ต่างๆ ทั้งสิ้น 7 หน้า
App Drawer มีการปรับเปลี่ยนไปพอสมควร แต่ยังคงพื้นฐานของอินเตอร์เฟสของ ICS 4.0 อยู่ โดยด้านบนจะแสดงผลแอปพลิเคชันทั้งหมด ข้างๆ จะเป็นวิดเจ็ต และมุมขวาสุดจะเป็นแอปพลิเคชันที่โหลดมาลงเครื่อง
Task Manager เมื่อเป็น ICS แล้วระบบนี้ย่อมต้องมี สามารถเข้าถึงส่วนนี้ได้ด้วยการกดปุ่ม HOME ค้างไว้
Notification จะมีเมนูลัดอยู่ด้านบนสุด ล่างลงมามี Setting (ที่เป็นรูปฟันเฟือง) และเมนู Clear สำหรับล้างการแจ้งเตือน
S Suggest ระบบแนะนำการใช้งาน โดยเฉพาะเรื่องแอปพลิเคชัน ซึ่งจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจน หรือแชร์ให้เพื่อนผ่าน Facebook ก็ย่อมได้
S Planner เป็นแอปพลิเคชันที่แกะมาจาก Galaxy Note เลยก็ว่าได้ ทั้งอินเตอร์เฟสและการใช้งาน ซึ่งความสามารถก็คือการจดบันทึก ตารางนัดหมายต่างๆ
S Memo เหมือนกับ S Planner แต่จะเป็นการบันทึกแบบรูปภาพ และการวาด จะว่าไปแล้วการใช้งานจะสะดวกขึ้นหากมีสไตลัสเฉพาะ S3 แต่ถ้าจะใช้สไตลัสที่เป็นนิ้วก็คงลำบากพอสมควร
Screen Mode เป็นของเล่นใหม่สำหรับ Galaxy S3 คือ ผู้ใช้สามารถปรับโหมดของสีจอภาพได้ โดยที่จะมีให้เลือกคือ Dynamic, Standard, Natural และ Movie
Smart Stay ของเล่นใหม่ชิ้นต่อมาของซัมซุง โดยจะใช้ความสามารถของกล้องหน้าจับตาดูผู้ใช้ว่า กำลังใช้งานหน้าจออยู่หรือไม่ ถ้าไม่จอก็จะดับลง และเข้าสู่โหมด Sleep แต่ถ้ายังมองหน้าจอก็จะใช้งานได้ต่อเป็นปกติ ซึ่งฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบเพื่อให้รับกับการอ่านเว็บไซต์ รวมไปถึงอีบุ๊ก
S Voice คงไม่ต้องแนะนำอะไรกันมาก เพราะฟีเจอร์นี้ค่อนข้างเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร โดยความสามารถคล้ายกับ Siri ของ iPhone 4S โดยผู้ใช้สามารถสั่งการต่างๆ ผ่านเสียง ไม่ว่าจะเป็นให้เปิดโหมดกล้อง เล่นเพลง เล่นวิทยุ หรือจะให้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวก็ยังได้ ส่วนอินเตอร์เฟสก็คล้ายกับ Siri ทั้งนี้ S Voice ของซัมซุงส่วนตัวแล้วมองว่าคล้ายกับ Voice Command มากกว่า
Motion ฟีเจอร์นี้จะเป็นการสั่งการเครื่องผ่านการเคลื่อนไหวต่างๆ เช่นการโทรออกอย่างรวดเร็วด้วย Direct Call
Pop Up Play จะคล้ายๆ กับ Multitasking บนคอมพิวเตอร์ คือทำ 2 อย่างพร้อมๆ กัน
S Beam หรือ NFC ซึ่งถูกปรับความสามารถให้แตกต่างจาก Galaxy Nexus ตรงที่การ Beam สามารถทำได้ผ่าน Wi-Fi ได้ด้วย
กล้อง คงต้องยอมรับว่า Galaxy S3 ทำได้ดีมาก การปรับโหมดของภาพแต่ภาพ สวยงาม การชัตเตอร์ต่อเนื่องก็ทำได้ (Burst) อีกทั้งยังมีโหมดที่เพิ่มเข้ามาใหม่อย่าง HDR
การจดจำและวิเคราะห์ใบหน้า ก็ยังถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ด้วย ซึ่งจุดนี้หลังจากได้ลองแล้ว พบว่าการวิเคราะห์ว่าบริเวณใดของรูปเป็นหน้าคนทำได้ค่อนข้างจะแม่นยำทีเดียว
นอกจากนี้แล้วยังมีอีก 1 ฟีเจอร์คือ Buddy photo share ที่จะทำให้การถ่ายภาพแล้ว ติดแท็กเพื่อนของเราทำได้ง่ายมากขึ้น
แบตเตอรี่ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นรุ่นนี้ Galaxy S3 เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปประมวลผล 4 คอร์ ดังนั้นแบตเตอรี่จึงต้องเยอะเป็นพิเศษ อยู่ที่ 2100 mAh ทดสอบการใช้งานก็อยู่ได้สบายๆ 8 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม แต่ถ้าเล่นเกม หรือดูหนัง-ฟังเพลง ก็จะลดหลั่นลงไปตามการใช้งาน
สำหรับคะแนนทดสอบเครื่องด้วย AnTuTu ได้ไป 8666 คะแนน
ทดสอบด้วย NenaMark และ NenaMark 2 ได้ 60fps และ 58.8fps ตามลำดับ
และทดสอบด้วย Quadrant Benchmark ได้ 4121
ข้อสังเกต
มีไฟ LED Notification เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ ทั้งอีเมล เครือข่ายสังคมออนไลน์ สายที่ไม่ได้รับ ฯลฯ
ตัวเครื่องไม่ร้อนมากนัก
กล้องหน้าคมชัด จนเห็นริ้วรอยบนใบหน้า
Dropbox กลายเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เพราะเป็นบริการคลาวด์ ที่กำลังเป็นที่นิยม อีกทั้งยังให้พื้นที่แก่ผู้ใช้ถึง 50GB เป็นระยะเวลา 2 ปี
ความคุ้มค่า
คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความสำหรับ Galaxy S3 ที่ถือเป็นอีก 1 สมาร์ทโฟนที่ถูกจับตามอง นับตั้งแต่ยังเป็นข่าวลือ จนกระทั่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ขณะเดียวกันการดีไซน์เครื่องสวยงาม มีลูกเล่น มีส่วนเว้าส่วนโค้ง อีกทั้งฟีเจอร์ที่ให้มาก็น่าลองใช้งาน ถึงแม้ว่าบางส่วนจะเยอะจนเกินไปอย่าง Motion แต่ถ้าถามว่าคุ้มหรือไม่ ก็คุ้มค่ากับราคาที่เสียไปพอสมควร (แต่ราคาก็สูงเอาเรื่องเช่นกัน)
สรุป
เป็นสมาร์ทโฟนที่สเปกแรง ฟีเจอร์แปลกใหม่เยอะ ส่วนการดีไซน์เครื่อง ซึ่งผู้เขียนยอมรับว่าครั้งแรกที่เห็น Galaxy S3 ในงานเปิดตัว ถึงกับอุทานเลยว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีไซน์แย่มากๆ แต่หลังจากที่เห็นตัวเครื่องพร้อมลองใช้งานพบว่าต้องถอนคำอุทานออกไปกันเลยทีเดียว
ทั้งนี้หากจะถามว่า Galaxy S3 เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานประเภทใดบ้าง ก็จะมีกลุ่มที่ชื่นชอบการใช้งานสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ (ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการใดก็ตาม) ที่มีสเปกแรง ฟีเจอร์ของเครื่องที่ครบครัน ซึ่ง S3 สามารถตอบโจทย์จุดนี้ของผู้ใช้ได้ กลุ่มต่อมา เป็นกลุ่มที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ซัมซุงอยู่ก่อนแล้ว การที่จะเปลี่ยนมาใช้ S3 ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเช่นกัน
สำหรับราคาจำหน่ายของ Galaxy S3 อยู่ที่ 21,900 บาท
หมายเหตุ : สามารถดูการรีวิวแบบเคลื่อนไหวผ่านวิดีโอคลิปด้านล่างได้ครับ
ตัวเลือกอื่นในตลาด
HTC One X
iPhone 4S
LG Optimus 3D Max
Company Related Link :
Samsung