xs
xsm
sm
md
lg

Review รีวิวสินค้าไอที สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก

x

Review : Oppo Find 3 สมาร์ทโฟนแรงๆ แก่คนงบจำกัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




ถ้าบอกว่าเป็นการรุกตลาดที่แรงที่สุดของ Oppo ในตลาดสมาร์ทโฟนก็คงไม่ผิดนัก กับการมาของ Oppo Find 3 ซึ่งเป็นแอนดรอยด์โฟน ดูอัลคอร์ 1.5 GHz ในราคา 12,900 บาท ที่แบรนด์อื่นหลายๆแบรนด์ยังใช้เครื่องที่เป็นซีพียู ซิงเกิลคอร์ทำตลาดกันอยู่

และอีกจุดเด่นหนึ่งนอกจากเรื่องของสเปกแล้ว โหมดกล้องถ่ายภาพของ Oppo Find 3 ก็ยังมีลูกเล่นที่ติดมากับภาพลักษณ์เฮาส์แบรนด์เกาหลีคือโหมดถ่ายภาพโลโม่ และการใส่เอฟเฟกต์ภาพต่างๆ ดังนั้นคอสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ที่งบจำกัดจึงมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในตลาดอีก 1 รุ่น

การออกแบบและสเปก



ในส่วนของการดีไซน์ คงบอกได้ว่าอาจได้แรงบันดาลใจในกาออกแบบมาจากค่ายญึ่ปุ่นที่เพิ่งวางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ กล่าวคือเน้นการออกแบบที่เป็นสี่เหลี่ยมตัดขอบมล ใช้สีเทาเงินตัดกับขอบหน้าจอสีดำ แต่ด้วยความที่ราคาไม่สูง ทำให้วัสดุ และการประกอบที่ใช้ดูค่อนข้างบอบบางไปสักเล็กน้อย เมื่อเทียบกับอินเตอร์แบรนด์ราคาสูง

ด้านหน้า - อย่างที่บอกไปว่าเป็นการเล่นสีเงินตัดกับสีดำของหน้าจอทัชสกรีนแบบ IPS ที่มีขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล โดยมีกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล อยู่ข้างๆกับลำโพงสนทนาในส่วนบน และส่วนล่างหน้าจอก็จะเป็นปุ่ม เมนู โฮม และย้อนกลับแบบสัมผัส (ต้องสัมผัสถึงจะมีไฟขึ้น) และตรา 'oppo' สีเงินอยู่ล่างสุด



ด้านหลัง - จากการที่ทำฝามาแบบเป็นลวดลายถี่ๆ และสัมผัสที่เป็นพลาสติก ทำให้ราคาของเครื่องในจุดนี้ดูถูกลง ทั้งนี้ในส่วนของฝาหลังจะมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และไฟแฟลชแบบ Dual LED อยู่ในส่วนบน และลำโพงในส่วนล่างของเครื่อง

เมื่อเปิดฝาหลังออกมาโดยการแงะจากชอบล่างของเครื่อง จะพบกับช่องใส่ซิมการ์ด ไมโครเอสดีการ์ด และแบตเตอรี li-ion 1,520 mAh ซึ่งถ้าต้องการเปลี่ยนซิมการ์ด จำเป็นต้องถอดแบตเตอรีออกมาก่อน ตามปกติ ส่วนไมโครเอสดีการ์ดสามารถสับเปลี่ยนได้ทันที




ด้านซ้าย - มีปุ่มเปิด - ปิดเครื่อง ที่ทำจากพลาสติกอยู่ในส่วนบน ซึ่งตรงขอบสีดำจะมีลวดลายคล้ายคาร์บอน ไฟเบอร์ ด้านขวา - ก็มีเพียงปุ่มปรับระดับเสียงเท่านั้น




ด้านบน - เป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และพอร์ตไมโครยูเอสบี ที่มีฝาปิด สำหรับเสียบเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และสายชาร์จ ทั้งนี้สามารถหาสาย MHL (Mobile High-Definition Link) มาเพื่อเชื่อมต่อกับจอแอลซีดีจากพอร์ตดังกล่าวได้ด้วย ด้านล่าง - มีช่องไมโครโฟนสนทนาเพียงอย่างเดียว



สำหรับสเปกภายในของ Oppo Find 3 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลดูอัลคอร์ Qualcomm MSM8660 ความเร็ว 1.5 GHz มีหน่วยความจำสำรอง (RAM) 1 GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16 GB แบ่งมาเป็น ROM 2 GB (สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้) ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3.6 รองรับการเชื่อมต่อไวไฟ 802.11 b/g/n บลูทูธ จีพีเอส

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ



ในส่วนของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ใส่มาให้ แม้ว่าจะยังเป็น 2.3 แต่ว่าทาง Oppo เองก็มีการพัฒนาโดยการนำอินเตอร์เฟสมาใส่ และยังมีให้เลือกถึง 2 รูปแบบด้วยกัน คือของทาง Oppo เอง และอีกรูปแบบนึงคือใช้ Go Launcher ซึ่งจะแตกต่างกันที่รูปลักษณ์ของหน้าตาแค่นั้น แต่แน่นอนว่ารองรับการแสดงผลภาษาไทยด้วย



เริ่มกันจากหน้าล็อกหน้าจอ จะแสดงเวลาและวันที่ ซึ่งถ้ามีการเชื่อมต่อสายชาร์จก็จะขึ้นสถานะแบตเตอรีโชว์ไว้ สามารถปลดล็อกได้โดยการใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ ถัดเข้ามาหน้าในก็จะเจออินเตอร์เฟส สามารถกดเมนูขึ้นมาเพิ่มวิตเจ็ต เปลี่ยนภาพพื้นหลัง ค้นหา และเข้าสู่การตั้งค่า และใช้นิ้วลากจากข้างบนเพื่อเรียกแถบแจ้งเตือน ซึ่งมีไอค่อนลัดสำหรับเคลียแคช เปิด-ปิด ไวไฟ บลูทูธ ดาต้า และล็อกการหมุนหน้าจอ



สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง 2 อินเตอร์เฟสที่ให้มานอกจากส่วนหน้าหลักแล้ว ในส่วนของหน้าในก็จะแตกต่างกันด้วย กล่าวคือ ถ้าเป็นอินเตอร์เฟสของ Oppo จะแสดงแอปพลิเคชันทีละหน้า ให้สลับไปทางซ้าย-ขวาเท่านั้น แต่อีกรูปแบบหนึ่งจะเลือกดูได้ทั้งแอปฯ เฉพาะที่เปิดล่าสุด และแอปฯที่กำลังทำงานอยู่ (สามารถกดเพื่อปิดแอปฯให้เครื่องกลับมาตอบสนองเร็วขึ้น)



ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน ที่ให้มาภายในประกอบไปด้วย โทรศัพท์ รายชื่อ ข้อความ อีเมล ปฏิทิน นาฬิกา สภาพอากาศ โน้ต กล้อง รูปถ่าย เพลง วิดีโอ เบารว์เซอร์ วิทยุ จัดการไฟล์ ตั้งค่า กล้องถ่ายรูปโลโม่ แอปฯแต่งภาพNearMe ไวไฟฮ็อตสปอต ยูทูป ออฟฟิศ ตัวจัดการแอปฯ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เพลยสโตร์ แผนที่ จีเมล ตัวจัดการพลังงาน และยังมีการแยกกูเกิลแอปฯไว้ชัดเจนในโฟลเดอร์ กับเครื่องมือในการใช้งานจำพวกเครื่องคิดเลข บันทึกเสียง ไฟฉาย เข็มทิศ คู่มือการใช้งาน และการอัปเดตระบบ



แต่ก็ใช่ว่า Find 3 จะเหมือนกับแอนดรอยด์ทั่วๆไป เพราะในส่วนของการตั้งค่าทาง Oppo ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการตั้งค่า เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยแบ่งเป็น 4 หมวกหลักๆคือการตั้งค่าทั่วไป เสียง จอแสดงผล และความปลอดภัย ซึ่งก็จะเป็นการนำส่วนตั้งค่าของแอนดรอยด์มาแบ่งหมวดใหม่ แต่ภายในของการตั้งค่าก็ไม่แตกต่างกัน



แน่นอนว่าจุดเด่นที่ Oppo Find 3 มอบให้แก่ผู้ใช้คือในเรื่องของมัลติมีเดีย จากหน้าจอ 4.3 นิ้ว และกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่เคลมว่าใช้เซ็นเซอร์ตัวเดียวกับบน iPhone 4S ซึ่งกล้องที่ Oppo ให้มานั้นจะมี 2 แบบคือกล้องถ่ายภาพปกติ ที่สามารถเปิดใช้งานโหมด HDR ตั้งเสียงชัตเตอร์ ใช้งานง่ายๆ เพียงกดชัตเตอร์ที่ฝั่งขวา สามารถสลับกล้องหน้าหลังได้ การเปลี่ยนโหมดไปถ่ายวิดีโอก็แค่เลือกที่มุมขวาบนเท่านั้น

ความละเอียดของภาพนิ่งที่ได้อยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล และความละเอียดในการบันทึกวิดีโออยู่ที่ 1080p ทั้งนี้ เมื่อบันทึกแล้วยังสามารถต่อกับสายเฉพาะผ่านพอร์ตไมโครยูเอสบี (สาย MHL) เพื่อเชื่อมต่อกับจอภาพด้วยหัว HDMI ได้ด้วย



ส่วนกล้องอีกรูปแบบหนึ่งคือกล้องโลโม่ ที่มีโหมดถ่ายภาพที่หลากหลาย สามารถเลื่อนดูได้ตามสไลด์ข้างบนนี้ โดยหมวดที่น่าสนใจคือการถ่ายรูปกลุ่ม ซึ่งเป็นการถ่ายหลายๆภาพพร้อมกัน หลังจากนั้นผู้ใช้สามารถเลือกช็อตที่ดีที่สุดของแต่ละใบหน้าได้ ซึ่งในจุดนี้จะใช้ระบบตรวจจับใบหน้าในการสับเปลี่ยนภาพ



ในส่วนของโหมดเพลงนั้น มีการแสดงผลภาพปกอัลบั้ม ปุ่มควบคุม ตั้งการเล่นซ้ำ สุ่มตามปกติ และยังมีเพิ่มฟังก์ชันการตั้งเวลาเปิดเพลง เปิดการแสดงเนื้อเพลง (จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) เพิ่มประสิทธิภาพเสียงด้วย Dolby ตั้งเสียงเพลง เสียงร้อง และปรับแต่งอีควอไลเซอร์



ขณะเดียวกันสำหรับผู้ที่ชอบจดบันทึก Oppo ก็ได้ใส่แอปฯ NearMe โน้ต ไว้ให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ตัวอักษรผ่านคีย์บอร์ด หรือจะใช้การเขียนด้วยลายมือตนเอง จากปากกาในรูปแบบและสีที่แตกต่างกัน รวมถึงบันทึกการเดินทางด้วยภาพถ่าย และสามารถบันทึกเก็บไว้ได้ทันที



ส่วนของไฟฉายที่ให้มา จริงๆก็ไม่มีอะไรมากนอกจากปุ่มกดเปิดไฟ และการเปิดไฟกระพริบ ผ่านแฟลชของกล้องด้านหลังเครื่อง แต่จะมีลูกเล่นตรงที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบไฟฉายได้ 3 แบบโดยการเลื่อนนิ้วซ้าย-ขวาเพื่อเปลี่ยนรูปแบบไฟฉายนั่นเอง



นอกจากนี้ก็ยังมีในส่วนของเข็มทิศ ที่สามารถใช้งานได้ทั้งแบบ 2มิติ และ3มิติ คู่มือการใช้งานโทรศัพท์ที่เป็นภาษาไทยอยู่ในเครื่องให้กดอ่านกัน และในอนาคตถ้ามีการอัปเดตเฟิร์มแวร์ก็สามารถเข้ามาตรวจสอบการอัปเดตได้จากภายในแอปพลิเคชันอัปเดตระบบได้



สำหรับแอปพลิเคชันในการช่วยประหยัดพลังงานที่ให้มาในเครื่อง ที่สามารถแสดงข้อมูลของแบตเตอรี เวลาที่ใช้ อุณหภูมิต่างๆแล้ว สามารถใช้ค่าอัตโนมัติในการประหยัดพลังงานจากโหมดสุดประหยัด หรือจะกำหนดค่าการประหยัดพลังงานด้วยตนเอง โดยมีให้เลือกเปิดใช้เมื่อแบตเตอรีตำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อกดล็อกหน้าจอ หรือตามช่วงเวลาต่างๆ



สุดท้ายในส่วนของการท่องเว็บไซต์ ยังคงยึดรูปแบบเดิมในแอนดรอยด์ ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายดายเช่นเดิม และแน่นอนว่ารองรับการใช้งานแฟลช การใช้งานลื่นไหลดี สามารถซูมเข้า-ออกได้ด้วยความรวดเร็วจากทั้งสเปกของตัวเครื่องและอินเทอร์เน็ตที่ใช้



ส่วนในการทดสอบประสิทธิภาพของตัวเครื่องผ่านแอปพลิเคชันต่างๆอย่าง Quadrant ได้ 3130 คะแนน AnTuTu 6597 คะแนน รองรับจุดสัมผัสหน้าจอ 10 จุดด้วยกัน CF-Bench ได้ Native Score 11830 Java 3550 โดยรวมอยู่ที่ 6862 ซึ่งจากชาร์จจะเห็นว่าเหนือกว่าซัมซุง Galaxy S2 อยู่เล็กน้อยตามความต่างของซีพียูที่เพิ่มขึ้น BenchmarkPi อยู่ที่ 567 miliseconds และ NenaMark 1 และ 2 ที่ 60.6 และ 68.6 FPS ตามลำดับ

จุดขาย

- สมาร์ทโฟนสเปกสูง ในระดับราคา 12,900 บาท
- มี 2 UI ให้เลือกใช้ตามความต้องการ
- รองรับการใช้งานภาษาไทยแบบเต็มรูปแบบ
- กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมลูกเล่นการถ่ายภาพพิเศษ
- รองรับ 3G ทุกคลื่นความถี่ ที่ให้บริการในประเทศไทย
- รองรับการใช้งานมัลติมีเดียทุกรูปแบบ ทั้งการฟังเพลง ชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง 1080p (ต่อออกจอได้) เล่นเกมสเปกสูงๆได้ทุกเกม

ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่

- โหมดกล้องมีความโดดเด่น แต่ไม่ยอมใส่ปุ่มชัตเตอร์มาให้
- วัสดุที่ใช้ตามราคาของสินค้า จึงอย่าไปคาดหวังว่าจะดีเหมือนเครื่องราคาสูงๆ
- หน้าจอที่ใช้เป็นกอลิล่ากลาส แต่เป็นรอยได้ง่าย ทางที่ดีควรหากันรอยมาติดไว้ดีกว่า
- แบตเตอรี ไม่สามารถใช้งานได้ถึง 1 วัน ถ้ามีการใช้งานหนักๆ และเปิดใช้งานเชื่อมต่อ 3G

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป

Oppo Find 3 จะเหมาะมากกับผู้บริโภคที่ต้องการสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูง ในราคาระดับหมื่นต้นๆ แต่เทียบประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเครื่องระดับหมื่นปลายๆ ดังนั้นจึงถือเป็นสมาร์ทโฟนของดีราคาถูก ซึ่งถ้าไม่มองว่าเป็นแบรนด์เกาหลี ผลิตในจีน (ผู้บริหารย้ำว่าเป็นแบรนด์เกาหลี ผลิตในจีน) ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจตัวหนึ่ง

จุดเด่นที่น่าสนใจคือ การตอบสนองที่ทำออกมาได้ค่อนข้างลื่นไหล พัฒนาให้รองรับภาษาไทยแบบเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ผู้ที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ระบบมัลติมีเดียที่มีมาให้ครบครันไม่ว่าจะเป็นกล้อง การเล่นไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูง ที่สามารถต่อออกจอมอนิเตอร์ได้ผ่านสาย MHL

แต่สิ่งที่ Oppo ต้องพยายามพิสูจน์ให้แก่ลูกค้า เนื่องจากเพิ่งมาทำตลาดสมาร์ทโฟนเป็นรุ่นแรก คือในแง่ของการบริการหลังการขาย และศูนย์บริการต่างๆ ที่จะมาอำนวยความสะดวกให่แก่ผู้ใช้ในกรณีที่เครื่องมีปัญหา ดังนั้นผู้บริโภคจึงควรเพิ่มในจุดนี้เข้าไปในการตัดสินใจด้วย

ตัวเลือกอื่นในสเปกใกล้เคียงกัน
- Samsung Galaxy S2 17,500 บาท
- Sony Xperia S 17,900 บาท
- HTC Sensation XE 18,900 บาท

Company Related Links :
Oppo












กำลังโหลดความคิดเห็น