xs
xsm
sm
md
lg

Review : Sony NEX-5N และ Adapter Ring E-Mount ปรับรูรับแสงได้จากญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




หลังจากโซนีประสบความสำเร็จจากกล้องไร้กระจกสะท้อนภาพในตระกูล Alpha NEX ไปเมื่อปีก่อนกับ NEX-5 (ชมรีวิว คลิกที่นี่) และ NEX-3 มาในปีนี้หลังจากส่งอัปเกรด NEX-C3 มาแทนที่รุ่นเก่ากับการอัปเกรดเรื่องเซนเซอร์รับภาพและรูปทรงใหม่ มาวันนี้ทางโซนีก็พร้อมส่ง Alpha NEX-5N มาแทนที่ NEX-5 รุ่นปี 2010 พร้อมการอัปเกรดประสิทธิภาพบางส่วนใหม่

นอกจากนั้นในครั้งนี้ทางทีมงานผู้จัดการไซเบอร์ยังได้รับ Adapter Ring จากญี่ปุ่นสำหรับแปลงเมาท์เลนส์จากค่ายอื่นให้สามารถมาใช้กับกล้อง Sony Alpha NEX ได้ด้วยความความสามารถพิเศษในการปรับรูรับแสงจาก Adapter เพื่อใช้ร่วมกับเลนส์ Digital รุ่นใหม่ๆ ได้ (สามารถใช้ร่วมกับเลนส์ที่ไม่มีวงแหวนปรับรูรับแสง)

การออกแบบและสเปก Sony NEX-5N





สำหรับกล้องไร้กระจกสะท้อนเปลี่ยนเลนส์ได้ (Mirrorless) Sony NEX-5N ด้านวัสดุส่วนบอดี้จะเป็นแม็กนิเซียมอัลลอย พร้อมเมาท์เลนส์ตระกูล E-Mount และขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 110.8 x 58.8 x 38.2 มิลลิเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับขนาด NEX-5 รุ่นปี 2010


บน - Sony NEX-5N ล่าง - Sony NEX-5

แต่ทั้งนี้ในเรื่องน้ำหนักสำหรับ NEX-5N จะมีการปรับลดลงให้เหลืออยู่ที่ประมาณ 210 กรัมเฉพาะบอดี้ ซึ่งแตกต่างจาก NEX-5 เดิมที่เฉพาะบอดี้มีน้ำหนักอยู่ประมาณ 229 กรัม

**รุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบจะมาพร้อมเลนส์ E-Mount 18-55 มิลลิเมตร f3.5-5.6**

มาในส่วนสเปกฮาร์ดแวร์ สำหรับเซนเซอร์รับภาพจะเป็น APS-C ขนาด 23.5x15.6 มิลลิเมตร แบบ Exmor APS HD CMOS รองรับความละเอียดภาพสูงสุดที่ 16.1 ล้านพิกเซล (4,912 x 3,264 พิกเซล) ที่อัตราส่วนภาพ 3:2

ในส่วนค่าความไวแสง (ISO) จะมีการอัปเกรดจาก NEX-5 เดิมที่ให้มาสูงสุดเพียง 12,800 เป็นสูงสุดที่ 25,600 พร้อมค่าความไวแสงต่ำสุดที่ 100 และในส่วนระบบวัดแสงจะมาพร้อมโซนวัดแสงเฉลี่ย 1,200 โซน โดยสามารถเลือกโหมดวัดแสงได้ 3 โหมดได้แก่ เฉลี่ยทั้งภาพ เฉลี่ยหนักกลางและเฉพาะจุด

ด้านระบบออโต้โฟกัสจะใช้เทคโนโลยี Contrast-detection AF บนพื้นที่โฟกัสสูงสุดที่ 25 จุด และมาพร้อมระบบโฟกัสแบบ Object Tracking และสำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่องจะทำได้สูงสุดที่ 3 ภาพต่อวินาที ส่วนการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงจะอยู่ที่ 10 ภาพต่อวินาที

สุดท้ายในส่วนของชัตเตอร์จะเป็น Electronically controlled รองรับความเร็วตั้งแต่ Bulb (Shutter-B) - 1/4,000 วินาที (ส่วนความไวชัตเตอร์ที่สัมพันธ์กับแฟลชจะล็อกความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 1/160 วินาที)

และในส่วนของการบันทึกภาพเคลื่อนไหวความละเอียดสูง (Video Record 1080p Full HD) ใน NEX-5N จะถูกพัฒนาให้สามารถถ่ายแบบ Full Manual (ปรับ Shooting Mode, รูรับแสง, ชัตเตอร์สปีด ได้เหมือนกล้อง Handycam) และมีการปรับปรุงเรื่องคุณภาพไฟล์ 1080p AVCHD ที่บันทึกให้ดีขึ้นด้วยความละเอียด Bitrate ที่มีให้เลือกตั้งแต่ 25p/17Mbps - 50p/28Mbps - 50i/24Mbps - 50i/17Mbps และ 25p/24Mbps/FX

สำหรับรายละเอียดสเปกเพิ่มเติมสามารถชมต่อได้โดย >>คลิกที่นี่<<



กลับมาในส่วนของพอร์ตเชื่อมต่อและปุ่มกดต่างๆ รอบตัวเครื่องจากด้านบน เริ่มจากซ้ายมือจะเป็นในส่วนของไมโครโฟนสเตอริโอ โดยตรงกลางจะเป็นส่วนพอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมสำหรับ NEX (เช่น ไมโครโฟนบันทึกเสียงหรือไฟแฟลช) ถัดมาจะเป็นลำโพง และด้านขวาสุดจะเป็นในส่วนของปุ่มชัตเตอร์ สวิตซ์เปิด-ปิดกล้อง ปุ่มพรีวิวภาพและปุ่มบันทึกวิดีโอ (ปุ่มวงกลมสีแดง)




มาที่ด้านหลังเทียบกับโมเดล NEX-5 ปีที่แล้วจะเห็นว่าไม่มีส่วนใดแตกต่างกันยกเว้นในส่วนของจอภาพที่นอกจากสเปกจะเป็นจอ "TFT Xtra Fine LCD with TruBlack technology" ขนาด 3 นิ้วบนความละเอียด 921,600 dots พร้อมความสามารถในการพลิกปรับองศาจอภาพได้แล้ว ตัวจอยังมาถูกพัฒนาให้รองรับระบบสัมผัส (Touchscreen) นอกจากนั้น NEX-5N ยังมาพร้อมคุณสมบัติ Touch to Focus และสามารถสัมผัสหน้าจอเพื่อสั่งงานระบบ Object Tracking ได้ด้วย

และในส่วนของ Command Dial และปุ่ม Function ด้านขวามือจะยังใช้การสั่งงานผ่านการหมุน Command Dial และกดต้องกลางเพื่อให้ตัวเครื่องรับคำสั่ง ส่วนปุ่ม Function หรือที่ทางโซนีเรียกว่า "Soft Key" สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้



มาที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะเป็นที่อยู่ของพอร์ตเชื่อมต่อ USB 2.0 สำหรับโอนถ่ายข้อมูล และพอร์ต HDMI



สำหรับด้านใต้เครื่องจะเป็นในส่วนของช่องใส่แบต (สามารถใช้แบตตระกูล W - NP-FW50 ของ NEX ได้ทุกรุ่น) และช่องใส่การ์ดหน่วยความจำที่รองรับการ์ดประเภท SD / SDHC / SDXC และ Memory Stick PRO Duo / Memory Stick PRO-HG Duo ส่วนตรงกลางจะเป็นช่องยึดขาตั้งกล้อง

การออกแบบและสเปก Adapter Ring E-Mount ปรับรูรับแสงได้






มาในส่วนของ Adapter Ring E-Mount รุ่นพิเศษ 2 รุ่นที่มีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถในการปรับรูรับแสงได้จากวงแหวนบนตัว Adapter โดย Adapter Ring E-Mount ที่ทีมงานได้รับมาทั้ง 2 รุ่นจะมีการทำงานที่แตกต่างกัน (สามารถชมสาธิตการใช้งานผ่านคลิปวิดีโอด้านบนได้)

"Rayqual" เมาท์ Nikon to NEX)




โดย Adapter Ring อันแรกที่ชื่อว่า Rayqual (เป็นเมาท์ Nikon to NEX) จะมีหลักการทำงานคือ จะมีส่วนที่เข้าไปเกี่ยวกับแกนปรับรูรับแสงในเลนส์นิคอนใหม่ๆ (เลนส์ที่ไม่มีวงแหวนปรับรูรับแสง) จากนั้นผู้ใช้สามารถหมุนวงแหวนที่ Adapter Ring จากตัวเลขน้อยสุด 0 หมายถึงรูรับแสงกว้างสุด ส่วนเลข 7 คือรูรับแสงแคบสุดเท่าที่เลนส์จะทำได้


ตัวอย่างภาพจากการปรับวงแหวนไปที่เลข "0" บน Adapter Ring "Rayqual" กับ NEX-5N


ตัวอย่างภาพจากการปรับวงแหวนไปที่เลข "7" บน Adapter Ring "Rayqual" กับ NEX-5N

"KIPON" (เมาท์ EOS to NEX)




สำหรับ Adapter Ring ตัวที่สองในชื่อ "KIPON" (เมาท์ EOS to NEX) จะมีหลักการทำงานที่แปลกแหวกแนวมาก เพราะในตัว Adapter จะให้วงแหวนและม่านรูรับแสงสำเร็จรูปมาให้เลย ทำให้ในตัว Adapter ไม่จำเป็นต้องมีกลไกลในการปรับรูรับแสงเหมือน Adapter ตัวแรก และมีข้อมดีในเรื่องการลดความเสี่ยงจากการปรับรูรับแสงด้วยกลไกลของ Adapter ที่อาจมีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับเลนส์กล้องได้


ตัวอย่างภาพจากการปรับวงแหวนไปที่เลข "1" บน Adapter Ring "KIPON" กับ NEX-5N


ตัวอย่างภาพจากการปรับวงแหวนไปที่เลข "6" บน Adapter Ring "KIPON" กับ NEX-5N

จุดขาย Sony NEX-5N


เจาะฟีเจอร์เด่น Sony NEX 5N



- สำหรับจุดขายหลักของ NEX-5N คือการอัปเกรดความละเอียดเซนเซอร์รับภาพใหม่เป็น 16.1 ล้านพิกเซล รวมถึงมีการเพิ่มค่าความไวแสง (ISO) ให้สูงถึง 25,600 พร้อมปรับเรื่องคุณภาพการบันทึกวิดีโอจากรุ่นเก่าอยู่ที่ 1080@25p 17Mbps เป็นสูงสุดที่ 1080@50p 28Mbps



- เซนเซอร์รับภาพ APS-C (Exmor APS HD CMOS) เทียบเท่ากล้อง DSLR พร้อมหน่วยประมวลผล BIONZ สัญญาณรบกวนที่ค่า ISO สูงต่ำมาก และรองรับการถ่ายภาพ 3 มิติแบบพาโนรามา และประมวลผลได้เร็วขึ้นจากรุ่น NEX-5 เก่า



- โหมดบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงถูกปรับเปลี่ยนในมีความสามารถในการปรับรูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ และค่าความไวแสงได้ตามต้องการ (Full Manual)

- หน้าจอ 3 นิ้วแบบทัชสกรีน ความละเอียดหน้าจอสูง 921,600 dots และสามารถปรับองศาการมองได้

- ระบบออโต้โฟกัสมาพร้อมความสามารถในการโฟกัสแบบ Object Tracking และ Touch Focus ได้



- มี Picture Effect ให้เลือกใช้ถึง 11 รูปแบบ รวมถึงเอฟเฟกต์ภาพดูดสีและ Miniature ก็มีให้เลือกใช้งาน

- โหมด Anti-motion blur (มีทุกรุ่นในกล้องตระกูล NEX) แบบฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ สำหรับถ่ายในที่แสงน้อย ดังตัวอย่างภาพด้านล่างนี้


ใช้โหมด Program ถ่ายที่ความเร็วชัตเตอร์ 1/8 วินาที ที่ระยะ 55 มิลลิเมตร


ใช้โหมด Anti-motion blur โดยค่าทุกอย่างกล้องจัดการให้หมด

- มีระบบปรับไดนามิกภาพ D-Range Optimizer และมี HDR ให้เลือกใช้ตั้งแต่ 1EV ถึง 6EV (ตัวอย่างภาพด้านล่าง)


ปิด HDR


เปิดใช้งาน HDR ที่ 5EV

- สุดท้าย Sony NEX-5N บริโภคพลังงานน้อยกว่า NEX-5 ตัวเก่า จากเดิมถ่ายได้ประมาณ 330 รูป เพิ่มเป็นประมาณ 430 รูปในรุ่น 5N

Screen Display ระหว่างใช้งาน


หน้าจอระหว่างใช้งาน



การปรับโหมดถ่ายและออปชันต่างๆ ในกล้องจะทำผ่านระบบดิจิตัลทั้งหมด

จุดขาย Adapter Ring E-Mount



- Adapter Ring ทั้ง 2 รุ่นมีหลักการทำงานที่ต่างกัน แต่จุดประสงค์เดียวกันคือสามารถปรับรูรับแสงสำหรับเลนส์ดิจิตอลแบรนด์อื่นที่ไม่มีวงแหวนปรับรูรับแสง

ทดสอบประสิทธิภาพ Sony NEX-5N



มาที่การทดสอบแรกสำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ถึงแม้ NEX-5N จะไม่โดดเด่นเรื่องจำนวนเฟรมที่ทำได้ (ถ่ายต่อเนื่องปกติสูงสุดที่ 3 ภาพต่อวินาที, ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสูงสุดที่ 10 ภาพต่อวินาที) แต่ NEX-5N มาพร้อมหน่วยประมวลผลที่เร็วขึ้น ทำให้สามารถกดถ่ายภาพต่อเนื่องได้จำนวนภาพมากกว่ารุ่นเก่ามาก

Photobucket

ในส่วนการทดสอบเรื่องสัญญาณรบกวน (Noise) เมื่อปรับค่าความไวแสงตามระดับต่างๆ จะพบว่า ที่ค่า ISO ตั้งแต่ 100-1,600 ทำได้ดีเยี่ยมมาก ในขณะที่ 3,200-6,400 คุณภาพอยู่ในระดับกลางๆ พอรับได้ และสุดท้ายที่ค่า 12,800 - 25,600 รายละเอียดของภาพจะหายไปมาก แต่ก็ยังถือว่าใช้ได้ถ้าไม่ดูแบบครอป 100%




หลายคนอาจหงุดหงิดกับ NEX-5 รุ่นปี 2010 ที่ให้ค่าความไวแสงมาที่ 200 แต่สำหรับ NEX-5N ทางโซนีได้ปรับเรื่องค่าความไวแสงให้ต่ำสุดอยู่ที่ 100 แน่นอนว่า ISO น้อย สัญญาณรบกวนก็น้อยและภาพเคลียร์กว่า ซึ่งภาพนี้ทางทีมงานขอทดสอบความคมเมื่อปรับรูรับแสง f14 ISO 100 บนเลนส์คิทของโซนี 18-55 f3.5-5.6 ซึ่งที่ครอป 100% จะเห็นว่าภาพที่ได้ค่อนข้างคมใช้ได้เลยทีเดียว




จากนั้นลองนำ NEX-5N มาเปรียบเทียบกับ NEX-5 ปี 2010 กันบ้าง โดยสองภาพนี้ถ่ายเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกันจะเห็นว่าเรื่องการเก็บรายละเอียดและความคม NEX-5N มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า รวมถึงการจัดการสีและ White Balance แบบอัตโนมัติ NEX-5N จะให้อุณหภูมิสีที่ตรงกว่า




มาดูในเรืองเลนส์และแฟร์กันบ้าง โดยภาพแรกถ่ายที่ f ต่ำสุด 3.5 ระยะ 19 มิลลิเมตร เล็งให้ดวงอาทิตย์อยู่ขอบเลนส์ด้านบนจะเห็นว่า แฟร์ รัศมีแสงมาเต็มๆ ส่วนภาพที่สอง ค่า f 18 ถ่ายย้อนแสงพบว่า แฟร์พอรับได้




ลองมาทดสอบ Picture Effect ต่างๆ ดูบ้างพบว่ายังถือเป็นจุดเด่นของกล้องตระกูล NEX อย่างมาก โดยในรุ่น 5N มีการเพิ่มโหมด Miniature เข้ามา (ตัวอย่างภาพที่สอง)




เปลี่ยนมาทดสอบความสดใสของเม็ดสีเมื่ออยู่ในที่แสงน้อยบ้าง โดยรูปแรกและรูปที่สองมีค่า ISO 1600 จะเห็นว่าสัญญาณรบกวนน้อย ส่วนเรื่องของสีถือว่ายังสดใสตามสไตล์โซนี



มาทดสอบการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง โดยทีมงานตั้งความละเอียดของวิดีโออยู่ที่ 1080@50p 28Mbps พบว่าความละเอียดของวิดีอยู่ในเกณฑ์ดี นอกจากนั้นระหว่างถ่ายผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งค่ารูรับแสงได้


เปรียบเทียบคุณภาพบันทึกวิดีโอระหว่าง NEX 5 กับ NEX 5N



เปลี่ยนมาทดสอบที่มาโครโหมด โดยทีมงานตั้งโปรแกรมสำเร็จรูป Close up Mode ที่ระยะ 55 มิลลิเมตร พบว่าความคมอยู่ในระดับกลางๆ และด้วยเซนเซอร์ APS-C ทำให้ฉากหลังระยะได้ง่ายเช่นกัน (f5.6)




เปลี่ยนมาทดสอบการถ่ายกลางคืนด้วยโหมด Handheld Twilight โดยทีมงานไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้อง และระบบกล้องจะทำการเลือกค่ารูรับแสงที่ 4.5 บนความเร็วชัตเตอร์ 1/60 วินาที ISO 1,000 ระยะเลนส์ 38 มิลลิเมตร พบว่าความคมชัดอยู่ในระดับดีและถือเป็นฟังก์ชันที่ผู้ใช้มือใหม่น่าจะชื่นชอบและช่วยเติมเต็มประสบการณ์การถ่ายรูปวิวกลางคืนได้อย่างดีทีเดียว



ในส่วนภาพนี้จะเป็นการทดสอบการเปิด HDR+5 ที่ค่า ISO 100 เปิดหน้ากล้องนาน 25 วินาที พบว่าส่วนที่มืดถูก Boost ให้สว่างขึ้นในขณะที่ส่วนสว่างจะไม่ถูกปรับแสงให้โอเวอร์แต่อย่างใด




สุดท้ายขอปิดการทดสอบ NEX-5N ด้วยการถ่ายภาพ Back to Basic เปิดหน้ากล้องนานๆ ใช้ขาตั้งกล้อง โดยไม่เปิดโหมดช่วยใดๆ โดยสองภาพนี้ถ่ายที่ f22 ISO 100 พบว่าภาพที่ได้คมชัด แต่เรื่องของแฉกไฟยังคงเป็นจุดอ่อนของเลนส์คิท Sony E-Mount 18-55 มิลลิเมตร ในเรื่องแฉกไฟออกน้อยมากถึงแม้จะเปิดค่า f เต็มสูบ

ทดสอบประสิทธิภาพ Adapter Ring E-Mount ปรับรูรับแสงได้




มาที่การทดสอบแรกโดยใช้ Adapter "KIPON" EOS to NEX กับเลนส์ Canon EF-S 85 f1.8 ที่มาพร้อมวงแหวนปรับรูรับแสงบน Adapter พบว่าการปรับค่า f ไปที่รูแคบสุด ภาพที่ได้จะติดขอบดำค่อนข้างมาก ส่วนภาพที่สองปรับมารูรับแสงมากลางๆ พบว่าขอบดำยังคงอยู่แต่น้อยลง





จากนั้นปรับค่ารูปรับแสงมาที่กว้างสุด (เลข 1) พบว่าขอบดำหายไปและภาพที่ได้ดีขึ้น





มาที่การทดสอบที่สองโดยใช้ Adapter "Rayqual" Nikon to NEX กับเลนส์ Nikon 35mm f1.8G โดย Adapter นี้จะมีกลไกลที่สามารถเข้าไปทำงานร่วมกับกลไกลปรับรูปรับแสงในเลนส์ได้ โดยรูปแรกที่ทดสอบจะเปิดแอปฯ กว้างสุด เลข 1



จากนั้นทดสอบปรับรูรับแสงให้แคบสุด เลข 7 พบว่า ด้วยการที่ Adapter Rayqual สามารถเข้าไปปรับกลไกลรูรับแสงในตัวเลนส์ได้ทำให้ภาพที่ได้บนค่ารูรับแสงแคบสุดจะมีคุณภาพดีกว่า Adapter "KIPON" อย่างมาก

ตอบจุดขายหรือไม่/ข้อสังเกต

- มาในเรื่องแรกสำหรับตัวกล้อง Sony NEX-5N ในเรื่องความละเอียดเซนเซอร์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 16.1 ล้านพิกเซล ซึ่งถ้ามองแล้วก็เหมือนโซนีวิ่งตามตลาดกล้อง ที่ปัจจุบันกล้องรุ่นใหม่ๆ ทั้งคอมแพกต์หรือกล้องไร้กระจกควรต้องมีความละเอียด 10 ล้านพิกเซลขึ้นไป ซึ่งถือไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่

แต่ทั้งนี้ใน NEX-5N โซนีกลับเลือกพัฒนาเรื่องสำคัญอย่างหน่วยประมวลผลภาพให้มีความเร็วและประสิทธิภาพที่สูงขึ้นตามความละเอียดภาพ ทำให้นอกจาก ISO ถูกแก้ให้สามารถถ่ายที่ 100 ได้แล้ว ในเรื่องการขจัดสัญญาณรบกวนยังทำได้ดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงที่สามารถตั้งค่าการถ่ายได้เองทั้งหมด (Full Manual) รวมถึงเรื่องของ Noise ก็น้อยลงมากเมื่อเทียบกับ NEX-5 รุ่น 2010

- จุดขายต่อไปในเรื่องหน้าจอสัมผัสที่มีปัญหาเรื่องความหนืดของหน้าจอค่อนข้างมาก แต่ถ้ามองในเรื่องความสามารถจำพวก Touch Focus และ Object Tracking แล้วหน้าจอแบบสัมผัสใน NEX-5N ก็ใช้ได้ไม่เลวร้ายนัก รวมถึงโฟกัสที่ทำได้รวดเร็วขึ้น

- ต่อมาในเรื่อง Picture Effect ที่ให้มาทุกรุ่นในตระกูล NEX สำหรับรุ่น NEX-5N ยังคงจุดขายไว้ชัดเจน โดยเฉพาะฟังก์ชันดูดสีและถือเป็นเรื่องดีสำหรับวัยรุ่นหรือคนที่ชอบถ่ายและแต่งรูปอย่างมาก

- สุดท้ายสำหรับจุดขายของ NEX-5N ที่โซนีใส่มาในกล้องของตนทุกระดับที่วางขายในปัจจุบันคือ เรื่องฟังก์ชันช่วยถ่าย เช่น โหมด Anti Motion Blur, Handheld Twilight หรือโหมด Panorama ซึ่งถือว่าเป็นตัวช่วยและสร้างสรรภาพถ่ายที่ดีมากๆ ในยุคดิจิตัลและที่สำคัญในเรื่องหน่วยประมวลผล BIONZ ที่ถูกใช้มาทุกรุ่นในกล้อง NEX ตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งหน่วยประมวลผลตัวนี้มีข้อดีในเรื่องการขจัดสัญญาณรบกวนที่โดดเด่นอย่างยิ่งในบรรดากล้องไร้กระจกสะท้อนเกือบทุกแบรนด์ และใน NEX-5N โซนี่ก็ยังคงชูจุดขายตรงส่วนนี้ และก็ทำได้ดีเช่นเดิม

- สำหรับในส่วน Adapter Ring ทั้ง 2 รูปแบบในเรื่องจุดขายถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมและช่วยทำให้สวรรค์ของนักเล่นกล้อง NEX ที่ชอบใช้มือหมุนเป็นจริง เพราะ Adapter Ring ทั้ง 2 สามารถปรับรูรับแสงสำหรับเลนส์ดิจิตัลรุ่นใหม่ที่ไม่มีวงแหวนปรับรูรับแสงได้

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

สำหรับราคาค่าตัวของ Sony NEX-5N จะเริ่มต้นตั้งแต่ 20,990 - 27,990 บาทตามเลนส์ที่ให้มา ซึ่งถ้าถามว่าคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไปหรือไม่ คำตอบของทีมงานคงตอบได้ว่า คุ้มค่าอย่างมาก เพราะในเรื่องฟังก์ชันช่วยเหลือที่ให้มาอย่างครบครัน รวมถึง Picture Effect ที่สามารถใช้งานได้จริง นอกจากนั้นในเรื่องการถ่ายวิดีโอยังสามารถปรับแต่งค่ารูรับแสง ISO ความเร็วชัตเตอร์ได้เพราะเป็น Full Manual อีกทั้งจอของ NEX ยังสามารถพับเปลี่ยนองศาหน้าจอได้ ถึงแม้ระบบโฟกัสจะไม่รวดเร็วและอัจฉริยะเท่าแบรนด์อื่น แต่ออปชันที่ให้มาใน NEX-5N กลับตอบสนอง Lifestyle ของคนที่ชอบท่องเที่ยว ชอบถ่ายภาพ Street ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จนสามารถใช้งานได้จริงมากกว่า ประสิทธิภาพดีกว่า

แต่ทั้งนี้ถ้าผู้ใช้เป็นคนชอบใช้เลนส์ขนาดเล็ก ชื่นชอบการใช้แฟลชภายนอกแบบสวม Hot Shoe หรืออยากใช้ Wireless Trigger ยอมรับเรื่องโฟกัสและถ่ายภาพต่อเนื่องที่อาจไม่เร็วและอัจฉริยะเหมือนชาวบ้านในรุ่นเดียวกัน รวมถึงไม่ชอบเมนูหรือการปรับแต่งกล้องที่มีความซับซ้อน ก็จงมองหากล้องไร้กระจกตัวอื่นเสียดีกว่า เพราะ Sony NEX-5N ค่อนข้างมีข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์เสริมที่มีให้เลือกไม่มาก และเรื่องเมนูกับการปรับค่าต่างๆ ค่อนข้างซับซ้อนเพราะปุ่มฟังก์ชัน (Softkey) ให้มาน้อยและเข้าถึงได้ยาก ทำให้ผู้ใช้มือใหม่ต้องเรียนรู้ก่อนใช้งาน รวมถึงต้องจดจำเรื่องฟังก์ชันต่างๆ ว่าอยู่ในส่วนใดของระบบ นอกจากนั้นราคาอุปกรณ์เสริมก็มีราคาค่อนข้างสูงเช่นกัน

ในส่วนของ Adapter Ring ทั้ง 2 รูปแบบจากญี่ปุ่นที่มีราคาค่าตัวสูงตั้งแต่ 5 พันบามเป็นต้นไป แต่ความสามารถก็ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะอย่างที่ทราบว่าสามารถปรับรูรับแสงได้ เพียงแต่สำหรับแบรนด์ KIPON อาจมีข้อเสียในเรื่องรูรับแสงเป็นแบบติดมากับ Adapter Ring ซึ่งมีคุณภาพต่ำ ทำให้ภาพที่ได้โดยเฉพาะค่ารูรับแสงแคบๆ ติดขอบดำ ไม่สวยงาม

ต่างจาก Adapter "Rayqual" ที่เป็นเมาท์ Nikon to NEX จะมีทั้งเนื้อ Adapter ที่ดีกว่าและใช้กลไกลในการเข้าไปปรับในส่วนรูรับแสงของเลนส์ ทำให้ภาพที่ได้คมตามคุณภาพของเลนส์และรูรับแสง ซึ่งดีกว่าแบบแรกที่ Adapter ให้รูรับแสงมาเอง และม่านรูรับแสงเป็นม่านเหล็กคุณภาพไม่ดีนัก

ตัวเลือกอื่น

-Nikon J1
-Olympus PEN E-P3
-Panasonic LUMIX GF3

Company Related Link :
Sony










กำลังโหลดความคิดเห็น