xs
xsm
sm
md
lg

Review : Samsung Omnia Lite B7300 วินโดวส์โฟนฟีเจอร์ครบ หมื่นนิดๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




ด้วยราคาของเครื่องที่เปิดตัวมา 10,900 บาท ทำให้ Omnia Lite ถือเป็น วินโดวส์ สมาร์ทโฟน ที่น่าจะถูกจับตามองมากที่สุดในเรื่องของความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่เสียไป เพราะมาพร้อมกับฟีเจอร์มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรองรับการเชื่อมต่อที่ครบครัน Edited - ราคาล่าสุดลงมาอยู่ที่ 9,900 บาทครับ

ส่วนเรื่องของมัลติมีเดีย ทางซัมซุงได้พัฒนาให้ตัวเครื่องสามารถเล่นไฟล์วิดีโอนามสกุล Divx และ Xvid ได้ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่มเติม อีกหนึ่งส่วนที่หน้าสนใจคือ กล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ที่มีหมวดการใช้งานและลูกเล่นค่อนข้างครบครัน

สำหรับโทรศัพท์มือถือตระกูล Omnia นั้นได้มีการเปิดตัวออกมาหลากหลายรุ่นแล้ว ซึ่งแต่ละเครื่องจะทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โมบายทั้งหมด ผู้อ่านท่านใดสนใจก็สามารถย้อนไปอ่านกันได้ไม่ว่าจะเป็น Samsung Omnia Pro, Samsung Omnia2 และ Samsung Omnia Q ส่วนตัว Omnia Lite ถือเป็นเครื่องสุดท้ายหลังจากที่มีการประกาศเปิดตัวตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปีของปีที่ผ่านมา

Feature On Samsung Omnia Lite



อย่างที่รู้กันว่าซัมซุง จะนำอินเตอร์เฟส TouchWIZ มาใช้งานในเครื่องรุ่นใหม่ๆ กันหมดแล้ว ดังนั้น Omnia Lite ตัวนี้ก็เช่นเดียวกัน หน้าจอหลักยังควบคุมการใช้งานด้วยอินเตอร์เฟส TouchWIZ 2.0 ที่มีหน้าจอให้ผู้ใช้สามารถนำ Widget มาใส่ได้ 3 หน้าด้วยกัน



ซึ่งในส่วนของ Widget เองก็ประกอบไปด้วย ตัวจัดการการเชื่อมต่อ ไอคอนลัด เฟสบุ๊ก กูเกิล เครื่องเล่นเพลง วิทยุ นาฬิกา นาฬิกาโลก สภาพอากาศ มายสเปซ ยูทูป โน้ต ปรับเสียง แถบแจ้งเตือน ดาวน์โหลดเพิ่มเติม แสดงรูปภาพ แสดงเครือข่ายที่ใช้ CNN ตารางหุ้น ยาฮู และเครื่องอัดเสียง



หน้าจอการใช้งานโทรศัพท์ เรียกใช้ได้โดยกดเมนู Phone หรือ ปุ่มรับสาย การแสดงผลทำบนพื้นหลังสีขาว ช่วยให้มองเห็นตัวเลขได้ค่อนข้างชัดเจน พร้อมด้วยระบบค้นหารายชื่อจากเบอร์โทรศัพท์ และสามารถพิมพ์ตัวอักษรเพื่อค้นหารายชื่อผู้ติดต่อได้ โดยในหน้านี้ยังสามารถกด # เพื่อเข้าสู่โหมดสั่นได้ด้วย ส่วนแถบควบคุมข้างล่างนอกจากโหมดโทรศัพท์ ก็มีเข้าหน้ารายชื่อผู้ติดต่อ Call Log และ ข้อความสั้น

ส่วนหน้าจอขณะสนทนาทางซัมซุงป้องกันการสัมผัสหน้าจอขณะสนทนาด้วยการล็อกปุ่มในหน้าจอสนทนา ทำให้ถ้าต้องการใช้งานต้องกดปุ่มตรงกลางก่อน เพื่อที่จะใช้งานเมนูอย่าง เปิดลำโพง ปิดเสียง พักสาย อัดเสียง สมุดโทรศัพท์ และกดวางสายที่หน้าจอได้



หน้าจอสมุดโทรศัพท์ทำออกมาแนวเดียวกับใน Omnia Pro คือแบ่งออกเป็น 4 หน้าคือรายชื่อ แบ่งกลุ่ม ตั้งโทรด่วน และบล็อกสายเรียกเข้า เมื่อกดเข้ามาดูรายละเอียดในแต่ละชื่อก็จะมีให้เลือกว่าจะโทรฯ ส่งข้อความ และแสดงข้อมูลอื่นๆ ทั้งนี้ถ้ากดปุ่มเมนูทางซ้ายล่างขึ้นมา ก็สามารถส่งรายชื่อ ตั้งโทรด่วน และบล็อกสายนั้นๆได้ด้วย




ตารางนัดหมายถูกออกแบบมาให้แสดงได้ทั้งเป็นรายเดือน รายสัปดาห์ วันต่อวัน และแสดงตารางนัดหมายทั้งหมด ในส่วนของการเพิ่มตารางนัดหมายสามารถใส่ หัวข้อ สถานที่ ตั้งเตือนทั้งวัน เวลาเริ่ม เวลาจบงาน ความถี่ต่อเนื่อง ให้มีการเตือนก่อนถึงเวลานัดกี่นาที และจดโน้ตเพิ่มได้ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปตั้งรายละเอียดปลีกย่อยอย่างประเภทของงาน ต้งสถานะ ความสำคัญได้ด้วย



ในส่วนของ Communities มีให้เลือกใช้งานหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเว็บฝากรูปอย่าง Picasa Photobucket หรือ เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง My Space Friendster Flickr และ Facebook ซึ่งสามารถกดเพื่ออัปโหลดรูป หรือล็อกอินเข้าหน้าเว็บไซต์ได้จากตรงนี้ทันที ความสามารถของ Marketplace และ My Phone ก็มีมาให้ตามปกติของวินโดวส์ โมบาย 6.5



สำหรับเฟสบุ๊ก นอกจากใช้งานผ่านหน้าเว็บไซต์ ยังสามารถใช้งานผ่านแอปฯที่มากับตัวเครื่องได้ทันที ซึ่งในหน้าจอจะมีการแสดงทั้ง หน้าแรก โปรไฟล์ส่วนตัว รายชื่อเพื่อน ข้อความ และเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนๆในเฟสบุ๊ก แน่นอนว่าผู้ใช้สามารถใช้แอปฯดังกล่าวในการอัปเดตสถานะ อัปโหลดรูปภาพและวิดีโอได้ทันทีอีกด้วย



หน้าจอเบราว์เซอร์ โอเปร่า สามารถแสดงภาษาไทยได้ตามปกติ สามารถใช้การเอียงเครื่องเพื่อปรับเข้าสู่โหมดแนวนอนขณะใช้งานได้ทันที

Program And Setting




ในส่วนของหน้าเมนู Omnia Lite นั้น มีให้เลือกใช้งานด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ หน้าเมนูปกติของวินโดวส์ โมบาย 6.5 ที่เป็นรูปแบบรังผึ้ง และรูปแบบเมนูของซัมซุงเองในชื่อ "My Menu" ซึ่งเมื่อเข้ามาจะแบ่งออกเป็น 4 หมวดเมนูให้เลือก หน้าแรกเป็นช็อตคัทแอปฯ ที่ใช้งานเป็นประจำ หรือผู้ใช้สามารถเลือกแอปฯ ที่ตนเองต้องการมาไว้ในหน้านี้ได้




นอกจากหน้าหลักแล้ว เมื่อเลื่อนมาทางขวาเป็นหมวด Multimedia ซึ่งภายในจะมีแอปฯ เกี่ยวกับความบันเทิงทั้งหมด แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงแอปฯ บางอย่างที่ผู้ใช้เลือกไปไว้ในหน้า My Menu หมวด Internet เป็นแอปฯ ที่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อต่างๆ Office เป็นที่อยู่ของ Office Mobile และเครื่องมือทั่วไปๆ



ถ้าสังเกตในหน้าจอ My Menu จะพบกับ Task Switcher อยู่ด้านล่าง ซึ่งเมื่อกดเข้ามาผู้ใช้จะพบกับโปรแกรมที่เปิดใช้งานอยู่ในเครื่องทั้งหมด แสดงผลทั้งแบบ Thumbnail และ เลื่อนๆซ้าย-ขวาดู ผู้ใช้ควรเข้ามาดูบ่อยๆว่า ได้เปิดโปรแกรมอะไรค้างไว้หรือไม่ เพราะไม่งั้นท่านคงสงสัยว่าทำไมเครื่องช้า เนื่องจากเมื่อท่านเลิกใช้งานยังไม่ถือว่าเป็นการออกจากโปรแกรมโดยสมบูรณ์



ในส่วนของ Connected Home ถือว่าเป็นแอปฯที่ทางซัมซุงใส่มาสำหรับให้ผู้ใช้ เชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับเครื่องเล่น หรือ โทรทัศน์ที่รองรับระบบ DLNA ก็มีมาให้แม้จะเป็นเครื่องรุ่นเล็กก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการใส่ Midomi ซึ่งเป็นแอปฯสำหรับใช้ในการค้นหาเพลง ซึ่งสามารถค้นหาได้จากทั้งเสียงร้อง ฮัมเพลง หรืออัดจากวิทยุก็ได้



หน้าจอตั้งค่าก็มีการนำอินเตอร์เฟสมาครอบ ทำให้ไม่เหลือเค้าโครงเดิมของวินโดวส์ โมบายเลย ดังนั้นผู้ที่เคยใช้มาก่อนอาจจะ งงๆ ว่าต้องเข้าไปปรับอะไรตรงไหน แต่สำหรับมือใหม่ถือว่าการแบ่งหมวดหมู่แบบชัดเจนช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งได้มากขึ้น



ที่น่าสนใจคือเครื่องรุ่นนี้สามารถเข้าไปปรับแต่ง Performance ของเครื่องได้ ให้สั่งการซีพียูว่าให้ทำงานในโหมดใด ไม่ว่าจะเป็น High Normal Low และ Auto ซึ่งในแต่ละโหมดก็จะมีการใช้พลังงานแตกต่างกัน ดังนั้นถ้าต้องการให้แบตเตอรีใช้งานได้ยาวนาน ก็สามารถปรับให้อยู่ในโหมด Low ได้



ด้วยความที่เครื่องรุ่นนี้ตอนวางจำหน่ายในช่วงแรกๆ ให้มาเป็นระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โมบาย 6.1 หลังจากนั้นจึงออก ROM ใหม่มาให้อัปเดตเป็น วินโดวส์ โมบาย 6.5 ดังนั้นการทดสอบในครั้งนี้ทีมงานจึงทำการอัปเกรดให้เป็น วินโดวส์ โมบาย 6.5 เรียบร้อยแล้ว ส่วนของระบบฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องรุ่นนี้ จะใช้ซีพียู Samsung ARM11 ที่มีความเร็ว 800MHz ROM ขนาด 512MB RAM ขนาด 256MB

Design of Samsung Omnia Lite



จากชื่อของรุ่นอย่าง Omnia LITE ทำให้ความคาดหวังในเครื่องรุ่นนี้คือมีดีไซน์ที่กระทัดรัด เหมาะกับการใช้งาน ซึ่งซัมซุงตอบโจทย์ดังกล่าวออกมาได้ค่อยข้างดี ด้วยดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แอบแรงจากสีดำตัดกับขอบสีเงินและสีแดง ช่วยเร่งให้ตัวเครื่องดูเด่นขึ้นมาจากเดิม

วัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นพลาสติกคุณภาพสูง ผสมกับขอบโครเมียมสีเงิน มีการตัดขอบเครื่องให้ดูโค้งมนไม่เป็นเหลี่ยมจนเกินไป ขนาดรอบตัวของ Omnia LITE อยู่ที่ 107.0 x 51.8 x 12.9 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 109 กรัม



ด้านหน้า - ไล่จากส่วนบนประกอบไปด้วยช่องลำโพงสนทนา ที่มีลักษณะคล้ายตะแกรงสีดำ ข้างซ้ายมีกล้องวิดีโอคอล รองรับกับการใช้งานเครือข่าย 3G ที่ทีโอทีเปิดให้ใช้กันในขณะนี้ ถัดลงมาเป็นหน้าจอ Resistive ทัชสกรีน ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด WQVGA (240 x 400 พิกเซล) 65 ล้านสี



ถัดจากหน้าจอลงมามีสัญลักษณ์ "SAMSUNG" สีเงินวางพาดอยู่กึ่งกลาง พร้อมกับปุ่มรับสาย ย้อนกลับ และวางสาย (ใช้กดค้างเพื่อเปิด-ปิดเครื่อง) ซึ่งมีการแทรกขอบสีเงินบริเวณปุ่ม เพื่อให้สังเกตได้ง่ายขึ้น



ด้านหลัง - ไม่ค่อยมีลวดลายอะไรมากนัก เป็นเพียงพลาสติกสีดำเรียบๆ ที่มีช่องลำโพงอยู่บริเวณบน เยื้องลงมาเป็นกล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซล และสัญลักษณ์ "SAMSUNG" สีเงินวางพาดอยู่ ถอดฝาหลังได้โดยการสไลด์ลงด้านล่าง



เปิดฝาหลังออกมาจะพบกับแบตเตอรี Li-ion ความจุ 1,500 mAh กินบริเวณประมาณ 3 ส่วน 4 ของเครื่อง โดยบริเวณบนแบตเตอรีมีช่องใส่ซิมการ์ดอยู่



ด้านซ้าย - ไล่จากมุมในประกอบไปด้วย ปุ่มปรับระดับเสียง ปุมเมนู และรูสำหรับกด Reset เครื่อง ที่ออกแบบมาให้กดใช้ได้ทันทีไม่ต้องเปิดฝาหลังก่อน



ด้านขวา - ไล่จากมุมในเช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วย ปุ่มล็อกหน้าจอ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าขณะพกพาจะไปกดถูกปุ่มใดๆบนโทรศัพท์หรือไม่ ถัดมาเป็นช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ด และปุ่มชัตเตอร์แบบจังหวะเดียว (ใช้เป็นปุ่มลัดเข้าสู่โหมดกล้อง)



ด้านบน - มีช่องรายสายโทรศัพท์ (ในกล่องมีแถมปากกาสไตลัส แบบเดียวกับใน Omnia มาให้) และพอร์ตไมโครยูเอสบี สำหรับชาร์จ เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และเสียบชุดหูฟัง ด้านล่าง - มีเพียงไมโครโฟนสนทนาเท่านั้น

บทสรุป

ซัมซุง Omnia Lite ค่อยข้างมีภาษีดีกว่าสมาร์ทโฟนในระดับราคาเดียวกัน เนื่องจากถ้าเทียบประสิทธิภาพของเครื่องภายใต้ช่วงราคาดังกล่าว ถือว่าเป็นเครื่องที่มีฟีเจอร์โดยรวมครบเครื่องมากที่สุด ดังนั้นผู้บริโภคที่สนใจจะเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟน มาเป็นสมาร์ทโฟนในราคาที่ไม่สูงเกินไป Omnia Lite น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว

ด้วยความที่ออกมาเป็นเครื่องในราคาประหยัดแต่ก็ยังมีมาให้ทั้ง 3G ในคลื่นความถี่ 900 / 2100 MHz รองรับการดาวน์โหลดสูงสุด 3.6Mbps รวมไปถึงการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi บลูทูธ และระบบนำทาง GPS ทำให้ความสามารถในการเชื่อมต่อของเครื่องรุ่นนี้ไม่แพ้กับเครื่องรุ่นใหญ่เลย

ด้านมัลติมีเดีย กล้องที่มีมาให้ 3 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส พร้อมระบบ Geo-Tagging ก็ถือว่าไม่น่าเกลียดสำหรับระดับเครื่องในระดับราคานี้ ส่วนเรื่องการใช้งานด้านเอกสาร ผู้ใช้ก็สามารถวางใจกับ Office Mobile ได้อยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้งานทั่วๆ ไปเพราะเครื่องรุ่นนี้มีมาให้ค่อนข้างครบ

ในเรื่องของการใช้งานโทรศัพท์ทั่วไป Omnia Lite สามารถเปิดใช้งานได้ประมาณ 2-3 วันขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน เช่นถ้ามีการโทรฯ ค่อนข้างบ่อย พร้อมกับใช้งานตัวเครื่องสามารถอยู่ได้ถึง 2 วัน แต่ในกรณีที่ไม่ค่อยมีการโทรฯเพียงแต่ ใช้เล่นอินเทอร์เน็ต เชื่อมต่อ Social Network ต่างๆ ก็สามารถใช้ได้ถึง 3 วัน

ขอชม
- รองรับการเชื่อมต่อครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3G Wi-Fi Bluetooth และ GPS
- อินเตอร์เฟสง่ายต่อการใช้งาน
- ตัวเครื่องขนาดเล็กน่าพกพา

ขอติ
- ช่องเสียบหูฟังยังเป็นแบบ MicroUSB
- กล้องไม่ค่อยชัดเท่าที่ควร
- วัสดุที่ใช้ค่อนข้างสมกับราคาไปนิด

Company Related Links :
SamSung










กำลังโหลดความคิดเห็น