โนเกีย 5530 XpressMusic ถือเป็นเครื่องรุ่นน้องของทัชโฟนรุ่นแรกของโนเกียอย่าง 5800 XpressMusic โดยนำมาลดความสามารถบางอย่างทิ้งไป เช่น การเชื่อมต่อที่เหลือแค่ GSM/EDGE กับไวไฟ ไม่รองรับการใช้งาน 3G และ GPS ด้านวัสดุที่ใช้ยังคงเป็นพลาสติกคุณภาพสูงเช่นเดียวกับใน 5800 XM ส่วนสิ่งที่แตกต่างของ 5530XM คือ ผู้ใช้สามารถเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อบนหน้าจอหลักได้ถึง 20 รายชื่อจากเดิมที่ตั้งได้เพียง 4 รายชื่อ รวมถึงการดีไซน์ตัวเครื่องให้เพรียวบางลงกว่าเดิมด้วย
ทั้งนี้ ถ้าผู้ใช้งานติดตามข่าวโนเกียอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้ว่าแบรนด์นี้เริ่มหันไปให้ความสนใจในด้านบริการ ที่จะตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก ซึ่งเห็นได้ชัดจากผลิตภัณฑ์ที่ออกมาส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานบริการต่างๆของโอวี (Ovi)ได้ รวมถึงทางโนเกียเชื่อว่าในอนาคตผู้ใช้งานในด้านโมบาย ดีไวซ์ ที่หลากหลาย และเริ่มหันมาหาอุปกรณ์ชิ้นเดียวที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ฟังเพลง การใช้งานอินเทอร์เน็ต และการจัดการข้อมูลต่างๆ
Feature on Nokia 5530 XpressMusic
"Nokia 5530 XM" ใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบียน เวอร์ชัน 9.4 (S60 5th edition) เหมือนกับรุ่นพี่ 5800 XM เช่นเดียวกับลูกเล่นอินเตอร์เฟสทางด้านหน้าที่ยังคงมีแถบเมนู 'Media Bar' กับ 'Contacts Bar' มาให้ใช้งานเหมือนเคย แต่จุดที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คือ การเพิ่มรายการคนโปรดในส่วนของ 'Contacts Bar' ที่สามารถเพิ่มได้มากขึ้นจากเดิม 4 รายการ เป็น 20 รายการ รายละเอียดการใช้งานสามารถย้อนกลับไปอ่านได้ที่นี่
"หน้าจอหลัก" แสดงผลแนวตั้งสามารถเลือกใช้งานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ โดยการเลือก การตั้งค่า > ส่วนบุคคล > หน้าจอหลัก จากนั้นให้เลือกลักษณะหน้าจอหลัก จะปรากฎรูปแบบการใช้งานทั้ง 3 แบบ ได้แก่ แถบทางลัด พื้นฐาน และแถบรายชื่อ ชอบการใช้งานแบบไหนก็เลือกใช้ได้ตามความถนัดของแต่ละบุคคลได้เลยครับ ส่วนแถบทางลัดสามารถเลือกเปลี่ยนแอปพลิเคชันที่ชื่อชอบ หรือใช้บ่อยที่สุดได้ทั้งหมด 4 รายการด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกปรับหน้าจอหลักที่มีให้เลือกตั้งค่าใช้งาน 2 ส่วนด้วยกัน คือ แถบรายชื่อ กับทางลัด(ถ้าไม่ต้องการให้ติ๊กเครื่องหมายออก) และการแจ้งเตือนอีเมลที่ให้เลือกว่าจะเปิดแสดงใช้งานทางด้านหน้าหรือไม่
มาดูในส่วนของ "เมนู" กันบ้างครับ (สัมผัสปุ่มกลางเพื่อเข้าหน้าเมนู) ซึ่งหน้าจอในส่วนของเมนูรวม และเมนูย่อยสามารถแสดงผลได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยจะเปลี่ยนมุมมองเป็นแนวนอนอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้งานเอียงเครื่องแนวนอน เมนูหลักที่ใส่มากับเครื่องรุ่นนี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 12 เมนู ประกอบไปด้วย ปฏิทิน(Calendar), รายชื่อ(Contacts), บันทึก(Log), อินเทอร์เน็ต(Internet), ข้อความ(Messaging), คลังภาพ(Gallery), ดาวน์โหลด(Download), เพลง(Music), แบ่งดู(Share Online), การตั้งค่า(Settings), วิธีใช้(Help) และแอปพลิเคชัน(Applications) ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองการใช้งานได้ 2 รูปแบบ คือ แบบตาราง กับแบบรายการ
Input
รุ่นนี้รับ-ส่งคำสั่งระหว่างผู้ใช้งานกับตัวเครื่องผ่านทางหน้าจอทัชสกรีนเพียงอย่างเดียว ซึ่งผู้ใช้สามารถป้อนคำสั่งได้ 2 แบบ คือแบบปุ่มกดตัวเลขที่อยู่บนหน้าจอ (Multi Tap) กับแบบป้อนข้อความด้วยคีย์บอร์ดเสมือนจริง (QWERTY) โดยคีย์บอร์ดเสมือนจริงรุ่นนี้ต่างจากรุ่น 5800 XM ตรงที่มีเพียงคีย์บอร์ดขนาดเต็มจอ (Full Screen QWERTY)เท่านั้น (รุ่นก่อนมี Mini QWERTY มาให้ใช้ด้วย) แต่ยังมีแบบเขียนด้วยลายมือมาให้ใช้เหมือนเดิม ซึ่งรองรับได้ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ
Music
จุดเด่นหนีไม่พ้นเมนู "เพลง(Music)" ซึ่งเมนูนี้ถือเป็นศูนย์รวมแหล่งความบันเทิงด้านเสียง ที่แยกออกมาเป็นเมนูหลักโดยเฉพาะสมกับได้ชื่อว่าเป็น "XpressMusic" เมื่อกดเข้ามาในเมนูนี้จะพบกับเมนูย่อยให้เลือกใช้งานด้านเสียงล้วนๆ ประกอบด้วย เครื่องเล่นเพลง, วิทยุ, ร้านค้าเพลง, Podcasting และบันทึกเสียง
Music Player
"เครื่องเล่นเพลง" ยังคงรูปแบบเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กดเข้าใช้งานจะพบกับฟังก์ชันการใช้งานให้เลือกแบ่งเป็นหมวดย่อยๆ ประกอบไปด้วย ศิลปิน, อัลบั้ม, รายการเล่น, เพลงทั้งหมด, พอดแคสต์, ประเภท และผู้เรียบเรียง เมื่อเลือกเล่นเพลง เครื่องจะเข้าสู่เครื่องเล่นเพลง ซึ่งในหน้าจอจะมีการโชว์ภาพอัลบั้มไว้ด้านบน แถบแสดงเวลาการเล่นแต่ละเพลง ชื่อเพลงและศิลปิน ปุ่มควบคุมเครื่องเล่นเพลงตามลำดับ โดยเครื่องเล่นเพลงสามารถหมุนปรับได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนตามการจับถือของผู้ใช้
การปรับค่าต่างๆสามารถทำได้โดยการกดที่ "ตัวเลือก" ซึ่งมีรายการให้เลือกปรับดังนี้ สลับเล่นเพลง(สุ่ม/ไม่สุ่ม), เล่นซ้ำ มีให้เลือก 3 ค่า ได้แก่ เล่นรอบเดียว เล่นซ้ำทั้งหมดไปเรื่อยๆ และเล่นซ้ำเฉพาะเพลง, อีควอไลเซอร์ตัวเครื่องมีให้เลือกปรับแต่ง 5 แบบ ได้แก่ ขยายเสียงเบส คลาสิก แจ๊ส ป๊อป และร็อก นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดค่าอีควอไลเซอร์ตามแบบฉบับของตัวเองได้ด้วย
ส่วน"การตั้งค่า" มีให้เลือกปรับ สมดุล(Balance) เป็นการปรับความดังเสียงซ้าย-ขวาของลำโพง มีฟังก์ชันความดังของเสียง(มีให้เลือกเปิด-ปิด) และขยายแถบเสียงสเตอริโอ(Stereo widening) สำหรับเพิ่มเสียงให้ดูมีมิติและใสขึ้น
FM
ฟีเจอร์ถัดมาที่เป็นของคู่กัน คือ "วิทยุ FM" ซึ่งรับฟังได้โดยการอาศัยชุดหูฟังเป็นเสาอากาศคอยรับสัญญาณเหมือนเดิม มีระบบสแกนหาความถี่ทั้งแบบค้นหาอัตโนมัติ และค้นหาด้วยตัวผู้ใช้งานเอง เมื่อแสกนความถี่ได้ตามต้องการแล้วสามารถเลือกที่จะจัดเก็บได้ ซึ่งเครื่องรองรับได้ทั้งหมด 20 สถานี นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกรูปแบบการฟังได้ว่าจะฟังผ่านชุดหูฟัง หรือฟังผ่านลำโพงสเตริโอของเครื่อง และยังสามารถเลือกให้เล่นเป็นพื้นหลัง ในกรณีต้องการออกไปใช้งานภายนอกด้วย
Xpress Hit List
สำหรับผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือแบรนด์โนเกีย เฉพาะรุ่นที่เป็น XpressMusic ทีมงานขอแนะนำให้ใช้สิทธิ์ "Xpress Hit List" บริการโหลดเพลงแบบถูกลิขสิทธิ์ ที่ให้ผู้ใช้งานนำไปใช้กันแบบฟรีๆมากถึง 1,000 เพลงต่อค่าย จาก 3 ค่ายเพลงดังในประเทศไทย ได้แก่ GMM Grammy, RS และSony BMG ซึ่งมีให้เลือกโหลดทั้งแบบริงโทน หรือมิวสิกวิดีโอ สามารถใช้งานได้นานถึง 6 เดือน สมัครระหว่างวันที่ 1 ก.ค. - 24 ธ.ค. 52
เริ่มต้นลงทะเบียนง่ายๆโดยการหยิบโทรศัพท์มากด *#06# เพื่อดูหมายเลขเครื่อง(IMEI)บนหน้าจอ จากนั้นส่ง SMS หมายเลขเครื่อง ไปที่หมายเลยเลข 4221234 (SMS ครั้งละ 3 บาท) รอรับ SMS ยืนยันการลงทะเบียน ซึ่งจะส่ง Username, Password และลิงก์หน้าเว็บไซต์ดาวน์โหลดเพลงกลับมาให้ ส่วนวิธีการดาวน์โหลดมี 2 ช่องทางให้เลือก คือ โหลดทางโทรศัพท์ กับทางหน้าจอคอมพ์
โหลดทางโทรศัพท์
ให้เข้าสู่เว็บไซต์ www.Xpresshitlist.com ผ่านเบราว์เซอร์ในเครื่อง จากนั้นกรอก Username และPassword ให้เรียบร้อยแล้วเลือก 'เข้าสู่ระบบ' หากต้องการเปลี่ยน Username และPassword ให้เลือกที่ 'แก้ไขข้อมูล' (ชื่อที่ตั้งใหม่ต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น สามารถเปลี่ยนได้ 1 ครั้ง) จากนั้นให้เลือกที่ Link ของค่ายเพลงที่ต้องการ เพื่อไปยังหน้าหลักของค่ายเพลงนั้นๆ แล้วทำการดาวน์โหลดเพลงได้ตามสะดวก
โหลดทางคอมพิวเตอร์
ให้เข้าสู่เว็บไซต์ www.Xpresshitlist.com แล้วกรอก Username และPassword ให้เรียบร้อยแล้วคลิก 'เข้าสู่ระบบ' เช่นเดียวกัน จากนั้นคลิกเพื่อขอรหัส one-time password รอรับ SMS พร้อมรหัส one-time password นำรหัสที่ได้มากรอกแล้วคลิก 'เข้าสู่ระบบ' ซึ่งสามารถเข้าไปเปลี่ยน Username และPassword โดยการคลิกที่ 'แก้ไขข้อมูล' (ชื่อที่ตั้งใหม่ต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น สามารถเปลี่ยนได้ 1 ครั้ง) จากนั้นให้เลือกโหลดเพลงจาก 3 ค่ายที่ได้กำหนดไว้ตามใจชอบ หลังจากโหลดเสร็จถ้าไม่สามารถรับฟังได้ไม่ต้องตกใจ ให้ผู้ใช้งานยืนยันตัวตนอีกครั้งโดยการกรอกหมายเลขโทรศัพท์เป็นอันเสร็จพิธี
***หมายเหตุ หมายเลขเครื่องจะมีทั้งหมด 15 หลัก และต้องเป็นหมายเลขที่ไม่เคยใช้บริการดาวน์โหลดเพลงบริการนี้มาก่อน โทรศัพท์บางรุ่นสามารถโหลดเพลงได้บางค่ายเพลงเท่านั้น ตรวจสอบรายละเอียดได้ที่ www.Xpresshitlist.com
Camera
มาดูในส่วนของ "กล้องดิจิตอล" ที่ให้มากันบ้าง ซึ่งรุ่นนี้ยังคงพกพาความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์ 'Carl Zeiss' ระบบออโต้โฟกัสเหมือนกับ 5800 XM แต่จะต่างกันที่รุ่นนี้ใช้แฟลชเพียงดวงเดียวเท่านั้น ส่วนอินเตอร์เฟสการใช้งานนั้น ประกอบไปด้วย สัญลักษณ์โหมด(อยู่ทางมุมบนด้านซ้าย) ถัดลงมาเป็นอัตราการซูมขยาภาพ(แบบดิจิตอล) สามารถกดเลือกผ่านหน้าจอได้เลย หรือว่าจะกดปุ่ม +/- ทางด้านข้างของตัวเครื่องก็ได้ ล่างสุดเป็นแถบแสดงสถานะแบตฯ, ขนาดภาพ, จำนวนภาพ, แหล่งเก็บภาพ ตามลำดับ ส่วนทางด้านขวามีให้เลือกใช้งานดังนี้ จับภาพอัตโนมัติ ถัดลงมาเป็นการปรับการใช้งานของแฟลช และแถบเครื่องมือเพิ่มเติม
โดยการปรับค่าการใช้งานของแฟลชนั้นมีให้เลือกดังนี้ อัตโนมัติ, เปิดแฟลช, ลดจุดตาแดง และปิดแฟลช โหมดฉากที่มีมาให้ในแถบเครื่องมือเพิ่มเติม ได้แก่ อัตโนมัติ (Automatic), กำหนดเอง(User Defined), โหมดระยะใกล้(Close-up), แนวตั้ง(Portrait), แนวนอน(Landscape), กีฬา (Sports), กลางคืน(Night), แนวตั้งกลางคืน(Night portrait) นอกจากนี้ ยังมีการปรับค่าถ่ายภาพอื่นๆ ได้แก่ แสดงช่องเล็ง, ตัวจับเวลาถ่ายภาพ มีให้เลือกตั้ง 2, 10 และ20 วินาที, มีโทนสีให้เลือก 5 แบบมีดังนี้ ปกติ(Nomal), ซีเปีย(Sepia), ขาวดำ(Black&white), จ้า(Vivid), เนกาทีฟ(Negative)
ปรับค่าสมดุลสีขาว(White balance) มีให้เลือกดังนี้ แบบอัตโนมัติ, แสงจ้า(Sunny), เมฆหนา(Coludy), แสงไฟทังสเตน(Incandescent) และแสงไฟนีออน(Fluorescent) ปรับค่าเปิดรับแสง ปรับค่าความไวแสง(ISO) มีให้เลือกใช้ 4 แบบ อัตโนมัติ, ต่ำ(Low), ปานกลาง(Medium) และสูง(High) มีให้เลือกปรับความเข้มของแสง ความคมชัด 3 แบบ เข้ม, ปกติ, อ่อน และลักษณะการถ่ายภาพมีให้เลือกว่า จะถ่ายภาพเดี่ยวหรือต่อเนื่อง
ส่วน"การตั้งค่า"สามารถเลือกเข้าไปปรับได้ โดยกด ตัวเลือก > การตั้งค่า ซึ่งมีให้เลือกตั้งค่าต่างๆเริ่มจากคุณภาพของรูปภาพที่มีให้เลือก 3 ระดับ ได้แก่ 3 ล้านพิกเซล ใช้สำหรับการพิมพ์ภาพขนาดใหญ่ (10 x 8 นิ้ว), 2 ล้านพิกเซล สำหรับการพิมพ์ภาพขนาดกลาง (7 x 5 นิ้ว) และ 0.3 ล้านพิกเซล สำหรับภาพขนาดเล็กที่ส่งทางข้อความมัลติมีเดีย ถัดมาแสดงข้อมูลGPS(เปิด/ปิด) การแสดงภาพที่จับว่าจะให้แสดงหรือไม่ ต่อมาเป็นการตั้งชื่อของภาพว่าจะให้ตั้งตามวันที่ หรือจะเป็นข้อความตามที่ผู้ใช้กำหนดก็ได้ เสียงชัตเตอร์มีให้เลือกปรับ 4 แบบ แต่ไม่สามารถเลือกปิดเสียงได้ ถัดมาเป็นการเลือกแหล่งเก็บภาพ และตั้งค่าการหมุนภาพอัตโนมัติว่าจะให้หมุนหรือไม่
โหมด"วิดีโอ"มีหน้าตาแบบเดียวกับโหมดกล้อง โดยมีให้เลือกปรับค่าต่างๆดังนี้ ฉากมีให้เลือก 3 แบบ คือ อัตโนมัติ โหมดแสงน้อย และกลางคืน การปรับค่าสมดุลสีขาว(White balance) มีให้เลือกปรับ 5 แบบเหมือนกันกับในโหมดกล้องถ่ายภาพ ได้แก่ แบบอัตโนมัติ, แสงจ้า(Sunny), เมฆหน้า(Coludy), แสงไฟทังสเตน(Incandescent) และแสงไฟนีออน(Fluorescent) เช่นเดียวกับโทนสีสามารถเลือกปรับได้ 5 แบบ ได้แก่ ปกติ(Nomal), ซีเปีย(Sepia), ขาวดำ(Black & white), จ้า(Vivid) และเนกาทีฟ(Negative)
"การตั้งค่า"ของโหมดวิดีโอสามารถเลือกเข้าไปปรับได้ ซึ่งคล้ายกับการปรับฟังก์ชันในโหมดกล้องเช่นกัน โดยกดเลือกที่ ตัวเลือก > การตั้งค่า ซึ่งมีรายละเอียดฟังก์ชันต่างๆดังนี้ คุณภาพวิดีโอ มีให้เลือกปรับใช้ถึง 5 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ ทีวีคุณภาพสูง(TV high quality) สำหรับเล่นผ่านทีวี พีซี และโทรศัพท์, หน้าจอกว้างคุณภาพสูง(Wide screen high quality) สำหรับเล่นผ่านทางโทรศัพท์, อีเมลคุณภาพสูง(E-mail high quality) สำหรับเล่นผ่านทางโทรศัพท์อื่นๆ, อีเมลคุณภาพปกติ(E-mail normal quality) คุณภาพมาตรฐานสำหรับเล่นผ่านทางโทรศัพท์อื่นๆ, คุณภาพการใช้แบบปกติ(Sharing quality) เป็นวิดีโอแบบจำกัด สำหรับส่งข้อความมัลติมีเดีย
นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกปรับในส่วนของการบันทึกเสียง ว่าจะให้เปิดหรือปิด, ตั้งค่าการแสดงวิดีโอที่ถ่ายไว้ว่าจะให้โชว์เลยหรือไม่, การตั้งชื่อของภาพ และเลือกแหล่งเก็บไฟล์วิดีโอ
Internet&Social Network
ในส่วนของการใช้งานด้านอินเทอร์เน็ต สามารถเปิดใช้งานเว็บเพจผ่านเบราว์เซอร์เฉพาะของโนเกียเหมือนเช่นเคย รองรับ 'Flash Player' (Flash Lite 2.0) ทำให้สามารถเข้าดูเว็บต่างๆได้อย่างสมบูรณ์ แสดงผลได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รวมถึงสามารถขยายแบบเต็มจอได้ด้วย ด้านสังคมออนไลน์รองรับแอปพลิเคชันสุดฮิตครบครัน ได้แก่ เฟสบุ๊ก, ยูทูป, ไฮไฟว์, มายสเปซ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าไปดาวน์โหลดมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ภายหลังที่ store.ovi.com
โดยรุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน EDGE Class 32 สามารถใช้เป็นโมเด็มเชื่อมต่อกับบลูทูธผ่านคอมพ์ได้ และมีไวเลสแลน 802.11 b/g มาให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการใช้งาน
Design of Nokia 5530 XpressMusic
คราวนี้มาดูการดีไซน์กันบ้างว่าจะแตกต่างจาก 5800 XpressMusic มาน้อยแค่ไหน ซึ่งโครงสร้างตัวเครื่อง 5530 XpressMusic มองโดยรวมต้องบอกว่าแทบไม่ต่างจากรุ่นพี่ 5800 XpressMusic เท่าใดนัก เพียงแต่มีการโยกย้ายปุ่ม/ช่องต่างๆสลับไปมา รวมถึงขนาดที่ถูกบีบให้เพรียวลงกว่าเดิม แต่การจับถือยังคงกระชับพอเหมาะมือเหมือนเดิม วัสดุใช้พลาสติกเป็นส่วนประกอบทั้งหมด ทำให้น้ำหนักเบาแบบไม่ต้องสงสัย โดยตัวเครื่องมีขนาด 104.0 x 49 x 13 มม. น้ำหนักอยู่ที่ 107 กรัม
ด้านหน้า : ไล่จากบนสุดของตัวเครื่องจะพบลำโพงสนทนา ถัดลงมาด้านล่างไล่จากฝั่งซ้ายจะพบตัวพิมพ์ยี่ห้อ "NOKIA"สีเงินวางพาดอยู่ และชื่อรุ่น "XpressMusic" อยู่ทางฝั่งขวา ใกล้กันเป็น 'Media bar' แบบสัมผัส เมื่อสัมผัสจะปรากฏเป็นแถบทางลัดให้เลือกเพื่อเข้าสู่โลกแห่งความบันเทิงต่างๆได้ทันที เหนือแถบลัด 'Media bar' มีเซ็นเซอร์ตรวจจับระยะถูกวางไว้อยู่บริเวณนี้ พื้นผิวด้านนี้เด่นที่ใช้โครเมียมชุบสีเงินเงารอบขอบนอก
ถัดลงมาเป็นส่วนของจอแสดงผลระบบสัมผัสความละเอียดสูงแบบไวด์สกรีน ขนาด 2.9 นิ้ว ให้ความละเอียด 16 ล้านสี (640 x 360 พิกเซล) แสดงผลแนวนอนและแนวตั้งอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ ใต้จอแสดงผลเป็นปุ่มรับสาย, ปุ่มเมนู และปุ่มวางสาย ซึ่งการวางปุ่มใช้งานเหมือนรุ่นพี่ 5800 XM เพียงแต่รุ่นนี้เป็นแบบสัมผัสแทนปุ่มกด และด้านล่างปุ่มควบคุมถูกดีไซน์ให้มีลวดลายแบบเดียวกับกับส่วนหัวด้านบน
ด้านหลัง : ไล่จากด้านบนจะพบเลนส์กล้องดิจิตอลระบบออโต้โฟกัส พร้อมไฟแฟลชชนิด LEDวางไว้เหนือตัวเลนส์ และมีข้อความการันตีความละเอียด 3.2 MEGAPIXLE อยู่ทางด้านล่าง ถัดมาเป็นตัวพิมพ์แกะสลักคำว่า "NOKIA" วางไว้อยู่ตรงกึ่งกลางของตัวเครื่อง พื้นผิวทางด้านนี้เป็นพลาสติกเคลือบเงาโดยมีลายจุดกราฟิกอยู่ขนาบทั้งส่วนบน และส่วนล่าง ซึ่งมีลักษณะฝืดมือเล็กน้อย
เมื่อเปิดฝาหลังออกจะพบแบตเตอรี่ชนิด Li-Ion 1000 mAh รุ่น BL-4U วางอยู่ตรงกึ่งกลางของตัวเครื่อง ด้านบนเป็นเลนส์กล้อง หากถอดแบตฯออกจะพบกับช่องสำหรับถอดซิมอยู่ทางด้านล่าง
***หมายเหตุ ฝาหลังเป็นแบบงัดเปิดออกทางด้านบน และใต้ฝาหลังมีภาพอธิบายวิธีการถอดซิมการ์ดออกอย่างชัดเจน
ด้านขวา : ไล่จากบนสุดเป็นปุ่มปรับระดับเพิ่ม-ลดเสียง/ความสว่าง ถัดมาตรงกลางเป็นปุ่มสำหรับล็อก-ปลดล็อกจอแสดงผล ใช้งานโดยการกดเลื่อนที่ตัวปุ่มลงแล้วปล่อย หน้าจอจะทำการล็อกพร้อมกับปิดหน้าจอแสดงผลในเวลาเดียวกัน เพื่อประหยัดพลังงานและป้องกันการสัมผัสหน้าจอขณะไม่ได้ใช้งาน และล่างสุดเป็นปุ่มชัตเตอร์ในการถ่ายภาพของเมนูกล้อง (กดค้างเข้าเมนูถ่ายภาพ) ซึ่งทุกส่วนทางด้านนี้ยังคงตำแหน่งเดียวกับรุ่น 5800 XM
ด้านซ้าย : ด้านนี้มีเพียงช่องใส่เมมโมรีการ์ดแบบ MicroSD ซึ่งรองรับได้สูงสุด 16 GB (แถมมาให้ในกล่อง 4 GB)กับช่องใส่ซิมการ์ด โดยทั้งสองช่องนั้นอยู่ภายใต้ฝาปิดอย่างมิดชิดชิ้นเดียวกัน
***หมายเหตุ สำหรับผู้ที่ใช้งานครั้งแรกต้องเปิดฝาหลัง แล้วถอดแบตฯออกก่อน เพื่อดูทิศทางซิมการ์ดว่าควรจะใส่เข้าไปในลักษณะไหน
ด้านบน และด้านล่าง : ด้านบนของเครื่องมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่องวางไว้อยู่ตรงกลาง ส่วนทางด้านล่างไล่จากมุมซ้ายสุดจะพบเป็นช่องใส่ปากกาสไตลัส ช่องเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่ ช่องต่อชุดหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 ม.ม. ช่อง Micro USB ใช้สำหรับซิงโครไนซ์ข้อมูลต่างๆกับคอมพิวเตอร์(ไม่สามารถใช้ชาร์จแบตฯได้) และตรงมุมฝั่งขวาสำหรับร้อยสายคล้องมือ-คอ ซึ่งทั้งด้านบน และด้านล่างจะมีช่องลำโพงขนาดเล็ก 2 ช่องวางอยู่เหนือกึ่งกลางของเครื่อง
บทสรุป
สำหรับ 5530 XpressMusic ต้องบอกว่าไม่ต่างจากรุ่นพี่ 5800 XpressMusic เท่าไรนัก ทั้งการดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้ภายใน ที่มีการสลับรวมถึงตัดออกไปบ้าง เพื่อจำกัดในส่วนของต้นทุนให้เหมาะสมกับราคาไม่ถึงหมื่นบาท ตามที่ได้เคาะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปแล้ว มาไล่ดูตั้งแต่การตอบสนองการสัมผัสซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างลื่นไหล ใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อน เสียงระหว่างการสนทนาที่ทดลองใช้มากว่า 1 สัปดาห์พบว่าดังชัดเจนดี
ระบบการเชื่อมต่อที่มีมาให้ ได้แก่ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย GPRS, EDGE และWi-Fi เชื่อมต่อบลูทูธ (รองรับ A2DP) เชื่อมต่อหูฟังแบบ 3.5 มม.เมื่อต้องการฟังเพลง หรือฟังวิทยุ นอกจากนี้ช่องดังกล่าวยังสามารถเชื่อมต่อกับทีวีผ่านสาย TV Out ได้ด้วย และเชื่อมต่อผ่านสายดาต้าลิงก์แบบ Micro USB แต่ยังไม่สามารถใช้งานในการชาร์จแบตฯได้ ทั้งนี้ การจับสัญญาณการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตขึ้นอยู่กับสัญญาณแต่ละพื้นที่ แต่เท่าที่ทดสอบในพื้นที่ที่มีสัญญาณเต็มพบว่า การค้นหาสัญญาณทำได้ไว สัญญาณที่เชื่อมต่อเสร็จแล้วมีอาการแกว่งเล็กน้อย บางครั้งต่อแล้วหลุดค่อนข้างง่าย แต่ถ้าจังหวะดีก็ต่อได้ยาวไม่มีหลุดให้เห็นเหมือนกัน
ด้านความบันเทิงยังคงเหมือนกับรุ่น 5800 XM เช่นกันทั้งอินเตอร์เฟสการใช้งาน และลูกเล่นฟังก์ชันภายใน ต่างกันตรงเสียงที่ขับผ่านทางลำโพง ซึ่งรุ่นนี้ให้เสียงดังแบบนุ่มนวลมากกว่า ส่วนคุณภาพของเสียงยังคงคุณภาพเหมือนเดิมแม้จะเร่งจนสุดก็ไม่พบเสียงแตกพร่า ด้านกล้องดิจิตอลที่ติดมาให้ใช้ของรุ่นนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ยกเว้นแฟลชทางทางด้านหลังลดเหลือแค่ดวงเดียว คุณภาพของภาพยังจัดอยู่ในเกณฑ์ปานกลางพอใช้งานได้เท่านั้น ทั้งโหมดถ่ายภาพนิ่งและโหมดวิดีโอ
การป้อนข้อความภาษาไทยด้วยคีย์บอร์ดเสมือนจริง (QWERTY)นั้น พบว่ายังเหมือนกับรุ่น 5800 XM ทุกประการ โดยมีการสลับตัวอักษรบางตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวอักษรที่อยู่ทางริมด้านขวาทั้งหมด ได้แก่ (ฃ) ถูกย้ายลงมาอยู่ทางด้านล่างใต้ (ง), (ข) (ช) (ล) และ (ฅ) ถูกย้ายมาอยู่อีกหน้า โดยกดปุ่ม Shift (ลูกศรขึ้น) ผู้ใช้งานมือใหม่ต้องใช้เวลาปรับตัวสักระยะ แต่ถ้าเคยเล่นรุ่นก่อนหน้านี้มาแล้วไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ส่วนแบตฯของรุ่นนี้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม แต่ยังคงความอึดในการใช้งานอยู่ใช้งานต่อเนื่องอย่างหนักหน่วงอยู่ได้ประมาณ 1 วัน ถ้าใช้ปานกลางแบบไม่ต่อเนื่องสามารถอยู่ได้ถึง 2 วันสบายๆ
ขอชม
- รูปร่างเพรียวบางลงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้
- ตัวเครื่องรุ่นนี้ใช้พลาสติกคุณภาพดี การประกอบดูแน่นหนากว่ารุ่นก่อน
- เสียงจากลำโพงรุ่นนี้ทำได้นุ่มนวลกว่ารุ่นเดิม
ขอติ
- ปุ่มเชื่อมต่อต่างๆย้ายมาอยู่ทางด้านล่าง ทำให้ไม่สะดวกขณะหยิบจับใช้งาน(โดยเฉพาะช่องหูฟัง)
- เครื่องประกอบดูแน่นหนาก็จริง แต่ช่องแบตฯหลวมจนรู้สึกได้
- การชาร์จแบตฯยังไม่สามารถทำได้ผ่านสาย USB ได้
Company Related Links :
Nokia