xs
xsm
sm
md
lg

Review : Nike+ SportBand วิ่งจริง เหนื่อยจริง ไม่ใช่แค่ในเกม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




ไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์(Nike+ SportBand) ทางเลือกใหม่สำหรับคนรักการวิ่ง แต่ไม่มีเครื่องเล่นเพลงไอพ็อต แสดงข้อมูลการวิ่งในแบบเรียลไทม์ ทั้งระยะทาง, จังหวะก้าว, ระยะเวลา และปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญไป เพียงแค่เหลือบมองข้อมือที่สวมใส่ "สปอร์ตแบนด์"ก็จะทราบผลในทันที จุดเด่นอยู่ที่ความแข็งแรง กันน้ำ น้ำหนักเบา และสามารถใช้แทนเป็นเครื่องประดับได้อย่างลงตัว

แกะกล่อง




ตัวกล่องของ "Nike+ SportBand" เป็นกล่องใสโปร่งแสงมองทะลุเห็นตัวอุปกรณ์ คือ ไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์ที่มีลักษณะเหมือนกับนาฬิกาวางขดอยู่อย่างเด่นชัด โดยมีเซนเซอร์(Pedometer)วางไว้ด้านล่างภายในฐานเดียวกัน นอกจากนี้ ในกล่องยังมีคู่มือการใช้งานซ่อนไว้ให้ใช้งานด้านล่างสุดใต้ฐานอีกด้วย



"ไนกี้พลัส สปอร์ตแบนด์" มีลักษณะเป็นสายรัดข้อมือพร้อมด้วยหน้าปัดแสดงผลแบบดิจิตอลติดอยู่ทางด้านบน สายรัดทำจากพลาสติกผสมยางสังเคราะห์ ดูแข็งแรงทนทานโค้งงออิสระตามสรีระข้อมือของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ส่วนบนหน้าปัดมีปุ่มให้เลือกใช้งานเพียง 2 ปุ่ม และมีพอร์ตเชื่อมต่อยูเอสบีภายในตัว(แฟลชไดร์ฟ) ทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณจากเซ็นเซอร์พร้อมทั้งบันทึกข้อมูล สามารถถอดหน้าปัดออกมาจากสายรัดข้อมือเพื่ออัปโหลดผ่านคอมพ์ฯ รวมถึงชาร์จแบตฯได้ทันที



"เซนเซอร์" หรือตัวเปโดมิเตอร์ (Pedometer) มีลักษณะเป็นรูปทรงวงรีขนาดค่อนข้างเล็กคล้ายๆเม็ดลูกอม ทำจากพลาสติกทั้งชิ้นทำหน้าที่เป็นตัวตรวจจับจังหวะการวิ่ง แล้วส่งสัญญาณกลับไปยัง"ไนกี้พลัส สปอร์ตแบนด์" เพื่อบันทึกค่าต่างๆแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีแบตฯบรรจุอยู่ภายในตัวมีอายุการใช้งาน 1,000 ชั่วโมง(ประมาณ 1 ปี) หากแบตฯหมดสภาพต้องหาซื้อที่ร้าน iStudio มาเปลี่ยนใหม่ ราคาประมาณ 770 บาท



***หมายเหตุ เมื่อใช้งานครั้งแรกให้กดปุ่มเล็กๆทางด้านหลัง 1 ครั้ง เปิดใช้งานครั้งแรกแล้วไม่สามารถปิดการใช้งานได้ และถ้าเชื่อมต่อกับ"ไนกี้พลัส สปอร์ตแบนด์" ไม่ได้ให้กดปุ่มค้างเพื่อเป็นการรีเซ็ต



โดย "ไนกี้พลัส สปอร์ตแบนด์" จัดเป็นเจเนเรชันที่ 2 สำหรับการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นแรก ซึ่งรุ่นนี้ใช้จอแสดงผลแบบใหม่ พื้นหลังสีขาวเพื่อการอ่านผลที่ชัดเจนขึ้น พร้อมซีลแน่นหนาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำ มีให้เลือก 3 สีด้วยกัน ได้แก่ แบบสายด้านนอกสีเทาอ่อนด้านในสีชมพู, ด้านนอกสีเทาเข้มด้านในสีเหลือง และด้านนอกสีดำด้านในสีแดง

ก่อนใช้งาน




ในส่วนของการใช้งาน ก่อนอื่นต้องมี "ไนกี้พลัส สปอร์ตแบนด์" 1 ชุด (ตามที่ได้เกริ่นไว้ในข้างต้น) รองเท้ายี่ห้อไนกี้ที่มีสัญลักษณ์ "ไนกี้พลัส" (โลโก้ไนกี้ มีเครื่องหมาย+ พ่วงท้าย) 1 คู่ และคอมพิวเตอร์พร้อมใช้งานอินเทอร์เน็ต 1 เครื่อง





เริ่มแรกเปิดคอมพ์ต่ออินเทอร์เน็ตดาวน์โหลดโปรแกรมผ่านเว็บ Nikeplus.com/downloads มาติดตั้งให้เรียบร้อย จากนั้นนำตัวเรือน "ไนกี้พลัส สปอร์ตแบนด์" โดยการถอดออกจากสายรัดข้อมือ มาเสียบผ่านช่องยูเอสบีที่เครื่องคอมพ์ โปรแกรมที่ติดตั้งจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อัตโนมัติ ซึ่งจะเป็นการชาร์จแบตฯไปในตัวด้วย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง



ขั้นตอนถัดมาเป็นการตั้งค่าข้อมูลต่างๆให้กับ "ไนกี้พลัส สปอร์ตแบนด์" โดยการคลิกที่ตัว 'i' (มุมล่างขวา) หากเป็นสมาชิก Nike+ อยู่ก่อนแล้วก็ให้ 'log in' ใช้งานได้เลย แต่ถ้าหากยังไม่เคยลงทะเบียนใช้งานให้เข้าไปสมัครผ่านเว็บไซต์ที่ Nike+ ก่อน



เมื่อล็อกอินเข้าใช้งานเรียบร้อยแล้ว ให้เข้าไปตั้งค่าเวลามีให้เลือกว่าจะกำหนดเอง หรือว่าจะตั้งค่าเวลาเดียวกับบนคอมพ์ในขณะนั้น ตั้งค่าน้ำหนัก ตั้งค่าหน่วยระยะทางที่ต้องการ และถ้าหากจะกำหนดเป้าหมายสำหรับนักวิ่งก็สามารถระบุรายละเอียดเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกัน ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นภาคบังคับไม่สามารถข้ามไปได้ เพราะถ้าหากไม่ตั้งค่าเวลาจะเดินไม่ตรง และที่สำคัญไม่สามารถวัดการเผาผลาญแคลอรีได้

หลังจากตั้งค่าต่างๆเสร็จให้ลองเช็กอีกครั้งว่า ข้อมูลต่างๆได้ถูกบันทึกเรียบร้อยแล้วหรือยัง โดยการถอด"ไนกี้พลัส สปอร์ตแบนด์"ออกจากคอมพ์ (วิธีการเดียวกับถอดแฟลชไดร์ฟ) แล้วเสียบกับไปที่ช่องเดิม ถ้าข้อมูลที่ตั้งค่าก่อนหน้านี้ขึ้นแสดงว่าบันทึกเสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งาน




เอาล่ะ... เมื่อตั้งค่าต่างๆ เรียบร้อย แบตเตอรี่ชาร์จเต็มพร้อมใช้งานแล้ว ให้ถอด"ไนกี้พลัส สปอร์ตแบนด์"ออกจากคอมพ์ แล้วนำไปสวมกับสายรัดข้อมือตามเดิม ส่วนเซ็นเซอร์(เปโดมิเตอร์)ให้นำไปใส่ในช่องรองเท้าวิ่งข้างซ้ายของไนกี้(ต้องมีสัญลักษณ์ไนกี้พลัส)ที่ได้เตรียมไว้ ซึ่งปกติช่องดังกล่าวจะอยู่ใต้แผ่นรองพื้นของรองเท้า โดยช่องมีลักษณะเท่ากับ 'เซ็นเซอร์' พอดิบพดี

***หมายเหตุ สำหรับผู้ที่ใช้งานครั้งแรกไม่ต้องตกใจหากไม่พบช่อง ให้ถอดเบ้าพลาสติกแล้วหยิบโฟมสีเทาที่ปิดช่องไว้ออกก่อน จึงจะสามารถนำเซ็นเซอร์ลงไปวางได้

ใช้งานจริง



ก่อนจะไปลงลู่วิ่งทั้งบนสายพาน หรือภาคสนาม เรามาทำความรู้จักการควบคุมควบคุมบนหน้าปัดกันก่อน เริ่มจากปุ่มวงกลมใหญ่ทางด้านหน้าจะเป็นปุ่มควบคุมหลัก ใช้สำหรับกดปุ่มเพื่อ "เริ่มต้น/หยุด" กดค้างไว้เป็นการเริ่มต้นการออกกำลังกาย และการกดปุ่มเดิมในครั้งต่อไปเป็นการพักหรือกลับมาเริ่มออกกำลังอีกครั้งสลับกันไป หากต้องการหยุดเพื่อจบการออกกำลังกายในครั้งนั้นๆทำได้โดยกดปุ่มเดิมค้างไว้เช่นเดียวกัน ส่วนปุ่มทางด้านข้างเป็นการเปลี่ยนโหมดเพื่อดูเวลา จังหวะฝีเท้า ระยะทาง และปริมาณแคลลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ (สามารถกดดูได้แบบเรียลไทม์ขณะกำลังวิ่งอยู่)




คราวนี้ก็ได้เวลาออกวิ่งจริงๆกันเสียที เปลี่ยนเสื้อผ้า สวมรองเท้า สวมไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์ ก่อนจะก้าวเท้าลงลู่ให้กดปุ่มด้านหน้าค้างไว้ประมาณ 5 วินาที หน้าจอจะแสดงคำว่า 'Walk' ให้ผู้ใช้เดินเพื่อเชื่อมต่อ 'เซ็นเซอร์'กับ'ไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์'ให้รู้จักกัน (เดินไปเดินมาสักพักจนกว่าทั้ง 2 รู้จักกัน) ถ้ารู้จักกันแล้วจะมีข้อความกระพริบบนหน้าจอว่า 'Push to run' เป็นอันเข้าใจว่าอุปกรณ์ทั้ง 2 พร้อมใช้งานแล้ว เมื่อพร้อมออกตัววิ่งให้กดปุ่มเดิมซ้ำอีก 1 ครั้ง เพื่อเป็นการตอบรับสัญญาณว่าผู้ใช้ก็พร้อมใช้งานในทันทีทันใดเช่นเดียวกัน

***หมายเหตุ เซ็นเซอร์สามารถอ่านค่าได้เพียงแค่ค่าเดียวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเดินเข้าใกล้ตัวอื่นหน้าจอจะขึ้นข้อมความเตือนว่า 'Walk Away' ให้ผู้ใช้เดินออกจากบริเวณนั้นแล้วเซ็นเซอร์จะทำงานปกติ

หลังการใช้งาน




หลังจากวิ่งเสร็จเรียบร้อยตามที่ตัวเองพอใจแล้ว คราวนี้ก็กลับมาที่หน้าจอคอมพ์เปิดเครื่องค่ออินเทอร์เน็ตเหมือนเดิม จากนั้นนำ "ไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์" มาเสียบเข้ากับช่องยูเอสบี โปรแกรมในเครื่องที่ลงไว้จะทำการดึงข้อมูลที่บันทึก พร้อมกับเปิดหน้าเว็บไซต์ nikeplus.com ขึ้นมาเพื่อโหลดข้อมูลที่บันทึกเข้าสู่หน้าเว็บเพจของผู้ใช้อัตโนมัติ




โดย"เว็บไซต์ไนกี้พลัส" จะเป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามผลและประสบการณ์การวิ่งของตน ผ่านกราฟที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะแสดงการเปรียบเทียบระยะทางและระยะเวลาของการวิ่งแต่ละครั้ง ตลอดจนผลรวมเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน และระยะทางรวมทั้งหมด อีกทั้งนักวิ่งยังสามารถกำหนดเป้าหมายส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นระยะทางที่วิ่ง ความเร็ว ความถี่ในการวิ่งต่อสัปดาห์ และปริมาณแคลอรี่ที่ต้องการเผาผลาญ




ภายในเว็บไซต์ยังมีฟีเจอร์ "การแข่งขัน" (Challenges) เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานเข้าร่วมแข่งกับคนอื่นๆที่ชื่นชอบการวิ่งในรูปแบบคล้ายๆกัน หรือจัดอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ฟีเจอร์"ปรับเปลี่ยนตามความชอบ" ที่ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนโฮมเพจได้ตามความชอบส่วนตัว เพื่อให้สามารถดูข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และยังสร้างไนกี้พลัส มินิ (Nike+Mini) ซึ่งเป็นการสร้างตัวการ์ตูน(Avatar)แทนตัวผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ค้นหาเพื่อนๆ, ค้นหารองเท้าใหม่ และเป้าหมายและการแข่งขันที่ดีขึ้นให้ได้เลือกใช้งานอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถนำตัวการ์ตูน(Avatar)ที่สร้างรวมถึงสถิติการวิ่งทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้บนหน้าเว็บไซต์ไนกี้ ไปโชว์เพื่อนฝูงผ่านทางสังคมออนไลน์ยอดฮิตต่างๆได้อีกด้วย เช่น เฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ เป็นตัน

บทสรุป

ไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่มีเครื่องเล่นเพลงไอพ็อต และกำลังมองหาอุปกรณ์วัด-บันทึกค่าการวิ่งอยู่ การดีไซน์ของอุปกรณ์ทำออกมาได้น่าสัมผัสด้วยลวดลายของสีที่มีให้เลือกกว่า 3 แบบ พร้อมด้วยความคงทนแข็งแรง น้ำหนักเบา สามารถนำไปสวมใส่แทนนาฬิกาเสมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งได้อย่างไม่เคอะเขิน

หลังจากลองทดสอบการใช้งานพบว่า ตัวเซ็นเซอร์เชื่อมต่อกับไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์ ใช้ระยะทางในการเดินเพื่อจับคู่อุปกรณ์ประมาณ 1.5 เมตร ตัวไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์ สามารถบันทึกการวิ่งได้ทั้งหมด 7 รายการด้วยกัน ทำให้หมดงกังวลเมื่อต้องพกไปเที่ยวต่างเมือง เพราะเครื่องจะบันทึกค่าเก็บเอาไว้ให้ผู้ใช้อัปโหลดสู่ออนไลน์พร้อมกันทีเดียว และแบตฯใช้งานได้นานถึง 7 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง(ทีมงานลองใช้ร่วม 15 วันพบว่าแบตฯยังเหลืออีก 1 ขีด)

ระหว่างการวิ่งผู้ใช้งานสามารถกดปุ่มด้านข้าง เพื่อเปลี่ยนโหมดดูเวลา จังหวะฝีเท้า ระยะทาง และปริมาณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สะดวกในการประเมินประสิทธิภาพการวิ่งในขณะนั้น เพื่อเร่งระดับการวิ่งให้เข้มข้นขึ้นได้ และเมื่อกดปุ่มหยุดจะมีผลสรุปข้อมูลการวิ่งในครั้งนั้นแสดงให้ดูอย่างคร่าวๆ ก่อนจะนำกลับไปอัปโหลดสู่โลกออนไลน์เพื่อบันทึกค่าสถิติ โชว์เพื่อนๆ หรือแข่งขันกับคนอื่นทั่วโลกต่อไป

จะว่าไปแล้วเจ้า"ไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์"ก็ไม่ต่างจากการเล่นเกมกีฬาทางหน้าจอคอมพ์เท่าไร เพียงแต่เป็นการออกกำลังกายจริง ที่ผู้ใช้งานต้องใช้ความสามารถของตัวเองล้วนๆ แถมผลประโยชน์ที่ได้รับไปแบบเต็มๆ คือ ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง ขอให้สนุกกับการวิ่งนะครับ :)

ขอชม

- วัสดุแข็งแรงทนทาน มีซีลสามารถป้องกันน้ำได้เป็นอย่างดี
- ดีไซน์เฉียบ น้ำหนักเบา สามารถใช้แทนนาฬิกาข้อมือได้
- ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนเพียงไม่กี่ขั้นตอน

ขอติ

- ไม่มีไฟบริเวณหน้าปัด ทำให้มองในที่แสงสว่างน้อยลำบาก
- มีข้อจำกัดที่ต้องใช้คอมพ์ กับอินเทอร์เน็ตในการอัปเดตข้อมูล และล้างข้อมูล
- ลูกเล่นใส่มาให้ยังดูน้อย และยังไม่ครอบคลุมมากนัก

สำหรับราคาจำหน่ายของไนกี้ พลัส สปอร์ตแบนด์ อยู่ที่ 2,190 บาท

***หมายเหตุ วางจำหน่ายเฉพาะที่ ร้านไนกี้ช็อป สาขาสยามเซ็นเตอร์ ชั้น 1,สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า ชั้น 3, สาขาคริสตัล พาร์ค, สาขาเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ชั้น 3, สาขาแฟชั่น ไอส์แลนด์ ชั้น 1 และไนกี้คอร์เนอร์ ที่ซูเปอร์สปอร์ตสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และสาขาเซ็นทรัลชิดลม

Company Relate Link :
Nike Thailand
Nikeplus













กำลังโหลดความคิดเห็น