Acer Aspire Timeline ถือเป็นโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมดีไซน์สวย ที่เอเซอร์หวังส่งมาเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการภาพลักษณ์ รวมไปถึงประสิทธิภาพและน้ำหนักของสินค้าเป็นหลัก ทำให้โน้ตบุ๊กในตระกูล Timeline จะโดดเด่นไปที่ความบาง เบา แต่ประสิทธิภาพในการทำงานไม่ต่างจากโน้ตบุ๊กตามปกติ
ระดับราคาถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เนื่องจากแบรนด์อย่างเอเซอร์จะมาพร้อมกับราคาที่ถูกเหมาะสมกับประสิทธิภาพ ซึ่งกำหนดราคาคร่าวๆของเครื่องในตระกูล Timeline จะอยู่ประมาณ 2 หมื่น - 6 หมื่นบาท เรียกได้ว่าหลากหลายตามความต้องการของผู้บริโภคแน่นอน
Design Of Acer Aspire 3810T
ในเรื่องของดีไซน์ เอเซอร์ทำออกมาได้ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยวัสดุที่ใช้จะมีทั้ง อะลูมิเนียมในส่วนของฝาหน้า และพลาสติกผสมแมกนีเซียมอัลลอยด์ในส่วนของตัวเครื่อง ขนาดของเครื่องอยู่ที่ 322 x 228 x 23.4-28.9 มิลลิเมตร จะเห็นว่าส่วนที่บางที่สุดอยู่ที่ 23.4 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.6 กิโลกรัม นอกจากนี้ความแตกต่างระหว่างรุ่นหน้าจอ 13 นิ้ว, 14 นิ้ว และ15 นิ้ว ที่เห็นได้ชัดๆเลยคือ รุ่นหน้าจอ 13 นิ้วจะไม่มีออปติคัลไดร์ฟดีวีดี ดังนั้นรุ่นหน้าจอ 13 นิ้ว จึงบางกว่ารุ่นอื่นๆ
เมื่อเปิดขึ้นมาจะพบกับหน้าจอ Acer CineCrystal LED-backlit TFT LCD ขนาด 13 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล สัดส่วน 16 : 9 ซึ่งหน้าจอแบบ LED จะช่วยประหยัดพลังงานกว่าจอปกติถึง 33% ส่วนกล้อง Crystal Eye สามารถใช้ในการบันทึกวิดีโอความละเอียด 720p ได้ด้วย ด้านล่างของหน้าจอตรงกลางจะมีโลโก้เอเซอร์ ส่วนมุมขวาล่างจะเป็นชื่อรุ่น
ถัดลงมาในส่วนของข้อต่อ ซึ่งในจุดนี้ต้องยอมรับว่าดูแล้วเปราะบางมากๆ เนื่องจากตัวหน้าจอเองก็มีความบางอยู่ในระดับหนึ่ง ทำให้พื้นที่สำหรับยึดหน้าจอนั้นมีขนาดเล็กไปด้วย ในบริเวณเหนือคีย์บอร์ดจะประกอบไปด้วย ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องอยู่ทางมุมซ้าย ส่วนปุ่มควบคุมบริเวณมุมขวาจะประกอบไปด้วย เปิด-ปิดไวไลส ปุ่มเรียกฟังก์ชันสำรองข้อมูล ปุ่มเรียกใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นระบบสัมผัสทั้งหมด ไฟแสดงการทำงานของซีพียู และลำโพงทั้ง 2 ฝั่งด้วย
ในส่วนของคีย์บอร์ดเอเซอร์เรียกรูปแบบคีย์บอร์ดใหม่นี้ว่า "FineTip" คือจะเป็นคีย์บอร์ดขนาดมาตรฐาน ที่มีการเว้นช่องไฟระหว่างปุ่มทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกขึ้นสำหรับคนที่มีเล็บยาว ซึ่งการรับสัมผัสของคีย์บอร์ดถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
สำหรับทัชแพด จะมีลักษณะเรียบไปกับตัวเครื่อง ซึ่งรองรับการใช้งานแบบมัลติทัชได้ในบางรูปแบบอย่างเช่น จีบเข้าออกเพื่อย่อ-ขยายรูป ใช้นิ้วมือวนๆในการ Scroll หน้าต่าง ใช้ 2 นิ้วไถไปทางซ้าย-ขวา เพื่อเปลี่ยนรูปเป็นต้น ส่วนปุ่มคลิกเมาส์ซ้าย-ขวา ถูกรวมให้เป็นปุ่มเดียวกัน แต่ยังสามารถกดแยกซ้าย-ขวาได้เหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีปุ่มสำหรับล็อกทัชแพด อยู่บริเวณขวาบนของทัชแพดด้วย
ด้านหลังเครื่องทางเอเซอร์นำเสนอระบบระบายอากาศแบบ "Laminar Wall Jet" ที่ใช้ลักษณะการระบายอากาศเหมือนกับไอพ่นของเครื่องบิน จะเห็นได้ว่ามีรูรับอากาศอยู่ในหลายๆมุม นอกจากนี้เมื่อถอดแบตเตอรี่ออกมา จะพบกับช่องใส่ซิมการ์ด ซึ่งทำให้แน่ใจได้ว่าอนาคตเครื่องรุ่นนี้ จะต้องมีรุ่นที่ใช้งานซิมการ์ดสำหรับต่ออินเทอร์เน็ตได้แน่นอน
Input and Output Ports
ด้านซ้าย จะมีช่องเสียบสายชาร์จ พอร์ต VGA-Out ยูเอสบี 1 พอร์ต ช่องเสียบไมโครโฟน และช่องเสียบหูฟัง
ด้านขวา ประกอบไปด้วยการ์ดรีดเดอร์แบบ 5-1 ยูเอสบีอีก 2 พอร์ต ช่องต่อ HDMI ช่องเสียบสายแลน และ ช่องสำหรับล็อกโน้ตบุ๊ก
ด้านหน้าจะสังเกตเห็นแถบพลาสติกสีขาวอยู่ตรงกลาง ซึ่งจะทำหน้าที่บอกสถานะของแบตเตอรี่ เมื่อทำการชาร์จอยู่จะแสดงไฟสีส้ม เมื่อชาร์จเต็มจะเป็นไฟสีน้ำเงิน ถ้าแบตเตอรี่ใกล้หมดจะมีไฟสีส้มกระพริบเตือน ส่วนด้านหลังก็คือช่องใส่แบตเตอรี่นั่นเอง
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายจะมีทั้ง ไวไฟ ที่รองรับมาตรฐาน 802.11 a/g/n บลูทูธ 2.0+EDR
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพจะอยู่ในหน้าถัดไป
Performance And Benchmark
สำหรับในส่วนของประสิทธิภาพ ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าตอนนี้ทางอินเทลได้เริ่มผลิตซีพียูประหยัดพลังงานแบบ Consumer Ultra Low Voltage (CULV) ทำให้ราคาซีพียูรุ่นที่ประหยัดพลังงานมีราคาถูกลงกว่าเดิมมาก ดังนั้นในอนาคตจะเห็นโน้ตบุ๊กที่หันมาใช้ซีพียูในไลน์ดังกล่าวมากขึ้น
โดยเจ้าตัว Aspire 3810T ใช้ซีพียู Intel Core 2 Duo U9400 @ 1.40GHz แบบ 45 นาโนเมตร ซึ่งจะเห็นว่าใช้ไฟเพียง 1.038 V เท่านั้นเอง คอร์สปีดสูงสุดจะอยู่ที่ 1396.8MHz ส่วน FSB อยู่ที่ 665MHz, L1 D-Cache 32KB x 2, L1 I-Cache 32KB x 2 และ L2 Cache ขนาด 3MB
ส่วนเมนบอร์ดจะใช้ชิปเซ็ต Intel GS45(ID2917) ซึ่งเป็นบอร์ดที่ออกมาใหม่เพื่อรองรับการใช้งานไฟล์มัลติมีเดียแบบบลูเรย์ ถัดมาคือหน่วยความจำ ในรุ่นนี้ใส่ DDR3 Bus 1066MHz มาให้สูงสุดที่ 4GB ใช้งานได้สบายๆ
ผลทดสอบจาก PCMark05 คะแนนออกมาอยู่ที่ 3513 คะแนน ถือว่าอยู่ในระดับสูงของโน้ตบุ๊กที่ไม่มีการ์ดจอแยกอยู่แล้ว การประมวลผลของซีพียูแบบประหยัดไฟ แม้จะให้ความเร็วไม่เท่ากับแบบปกติ แต่ยังทำคะแนนออกมาได้ดีเช่นกัน
การ์ดจอออนบอร์ดที่ติดมาด้วยจะเป็น Intel GMA 4500MHD ใช้หน่วยความจำแบบ DDR2 ขนาด 64MB ซึ่งถ้าใช้งานจริงจะไปดึงมาจากหน่วยความจำหลักเช่นเดียวกับการ์ดจอออนบอร์ดทั่วๆไป
เมื่อทดสอบกับโปรแกรม 3DMark06 คะแนนออกมาอยู่ที่ 699 คะแนนเท่านั้นเอง ดังนั้นอย่าคิดว่าจะนำเครื่องรุ่นนี้ไปใช้ในการเล่มเกมที่ใช้สเปกโหดๆเป็นอันขาด แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่การันตีมากับการ์ดจอรุ่นนี้คือ ใช้งานมัลติมีเดียความละเอียดสูงสุดที่ 1080p ได้แน่นอน ซึ่งทีมงานก็ได้ทดลองเล่นไฟล์ความละเอียดดังกล่าว ทำงานได้เป็นปกติ ไม่มีอาการหน่วงให้เห็นแต่อย่างใด ส่วนการทำงานทั่วๆไปสามารถใช้ได้ตามปกติ
มาดูกันที่อัตราการเข้าถึงข้อมูลใน ฮาร์ดดิสก์ขนาด 500GB ความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูลอยู่ที่ 77.9 MB/s ส่วนอัตราการเข้าถึงข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 18ms ถ้าเทียบกับฮาร์ดดิสก์ขนาด 500GB ด้วยกันถือว่าอยู่ในความเร็วระดับปกติ
ด้านการรับสัญญาณไวเลสจาก Intel WiFi Link 5100AGN ทดลองรับสัญญาณจากระยะประมาณ 3 เมตร จากเราท์เตอร์ สัญญาณทีได้ไม่มีการดรอปหรือแกว่งแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงถึงคุณภาพในการรับสัญญาณแน่นอน
Speaker
ในส่วนของลำโพงแม้ว่าจะได้มาตรฐาน Dolby Sound Room แต่นั่นหมายถึงว่าคุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ในเรื่องของความดังแล้วต้องยอมรับว่าเบากว่าโน้ตบุ๊กทั่วๆไปอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเกิดจากการที่ต้องการประหยัดพลังงานในการใช้งานนอกสถานที่ทำให้ เสียงที่ขับออกมายังไม่ดังพอ
Battery and Heat
อีกจุดเด่นสำคัญในเครื่องตระกูล Timeline ของเอเซอร์นั้น จะอยู่ที่เวลาในการใช้งานทั่วไป ที่การันตีว่าเกิน 8 ชั่วโมงแน่นอน ทีมงานไม่รอช้าจับมาทดสอบการใช้งานตามปกติ ตัวแบตเตอรี่เป็นแบบ 6 เซลล์ ทดลองเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ต ฟังเพลง พิมพ์งาน โดยใช้โหมด Power Save เปิดความสว่างหน้าจอ 50% เสียง 50% ใช้งานจนแบตเตอรี่เหลือ 20% ได้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งถ้าใช้จนแบตหมดคาดว่าจะได้ถึง 7 เกือบๆ 8 ชั่วโมงแน่นอน
ข้อความที่การันตีไว้ว่ามากกว่า 8 ชั่วโมงนั้นคาดว่าจะเกิดจากการใช้งานในโหมด Power Save ซึ่งจะปรับความสว่างหน้าจอลงไปเหลือประมาณ 30% ถ้าไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเปิดเพลงฟัง แน่นอนว่าสามารถใช้งานได้ถึงตามที่เอเซอร์การันตีมา แต่ถ้านำไปใช้ในการรับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง เปิดความสว่างหน้าจอสูงสุด เสียงดังสุด จะใช้ได้ประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่อยู่ที่เกือบๆ 4 ชั่วโมง
ในเรื่องของความร้อนระบบ "Laminar Wall Jet" ช่วยระบายอากาศให้เครื่องรุ่นนี้ดูดีขึ้นมา จากรุ่นอื่นๆของเอเซอร์อย่างเห็นได้ชัด ทดลองใช้ซีพียู 100% ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ความร้อนสูงสุดของซีพียู ขึ้นไปไม่เกิน 59 องศาเซลเซียส ความร้อนฮาร์ดดิสก์ อยู่ที่ 42 องศาเซลเซียส ดังนั้นการนำมาวางใช้งานบนตักในเวลานานๆ ถ้าไม่ได้ใช้งานเครื่องหนักเกินไป รับรองว่าไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนใต้เครื่องแน่นอน
สำหรับฟีเจอร์ที่มี และ บทสรุปจะอยู่ในหน้าถัดไปนะครับ
Feature of Acer Aspire 3810T
สำหรับฟีเจอร์ที่จะแนะนำในวันนี้ คงหนีไม่พ้น Acer Backup Manager ที่ทางเอเซอร์คิดว่าระบบนี้จะสำคัญมาก ถึงขนาดใส่ปุ่มเรียกโปรแกรมมาอยู่ในแถบด้านบนคีย์บอร์ดเลยทีเดียว จากรูปจะเห็นหลักการทำงานของโปรแกรมนี้คือ ให้เลือกไฟล์ที่ต้องการสำรองข้อมูล เลือกสถานที่เก็บไฟล๋ และสุดท้ายกำหนดเวลาสำรองข้อมูล
รูปแบบของไฟล์ที่ต้องการแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆให้เลือกคือตามชนิดของไฟล์ เช่น มัลติมีเดีย Favorites ในเว็บเบราว์เซอร์ อีเมล และไฟล์เอกสาร ต่อมาคือไฟล์ที่อยู่บนหน้าจอ Desktop สุดท้ายคือ เลือกหลายๆไฟล์ใน My Computer นั่นเอง
ต่อมาคือการเลือกสถานที่เก็บไฟล์ที่ต้องการสำรองข้อมูล มีให้เลือกตามไดร์ฟที่ผู้ใช้แบ่งไว้ และบันทึกลงใน Removeable Storage
สุดท้ายคือหน้าจอสำหรับกำหนดการสำรองข้อมูล ซึ่งจะมีให้เลือก 4 แบบด้วยกันคือ แบบกำหนดเอง โดยโปรแกรมจะทำงานเมื่อผู้ใช้กดปุ่มสำรองข้อมูล ถัดมาคือทุกๆวัน ตามเวลาที่กำหนด ทุกๆสัปดาห์ตามวันเวลาที่กำหนด และเดือนละครั้งในวันเวลาที่กำหนดเมื่อตั้งค่าต่างๆเสร็จเรียบร้อยโปรแกรมก็พร้อมจะทำงานทันที
บทสรุป
จุดประสงค์สำคัญของเอเซอร์ที่ออกโน้ตบุ๊กรุ่นนี้มาจำหน่าย เห็นจะอยู่ที่การเพิ่มไลน์สินค้าระดับพรีเมี่ยมให้กับแบรนด์ตัวเอง โดยไม่ทิ้งคอนเซบต์ราคาพอรับได้ไปด้วย เนื่องจากผู้บริโภคส่วนหนึ่งในปัจจุบัน มักจะเลือกสินค้าที่ดีไซน์มาเป็นอันดับแรก
ในเรื่องของประสิทธิภาพ ต้องยอมรับว่าโน้ตบุ๊กระดับราคานี้ กับประสิทธิภาพที่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มกันดี แต่เนื่องจากในรุ่นของ Timeline นั้นจะมีวางจำหน่ายด้วยกันหลายๆรุ่น ซึ่งซีพียู แรม ฮาร์ดดิสก์ จะแตกต่างกัน ดังนั้นผู้บริโภคควรคำนึงถึงความเหมาะสมในการเลือกซื้อด้วย
ที่สำคัญคือในรุ่น 13 นิ้ว จะไม่มีออปติคัลไดร์ฟมาให้ด้วย ถ้าใครต้องการอุปกรณ์ดังกล่าว คงต้องรอในรุ่นขนาดหน้าจอ 14 กับ 15 นิ้ว นอกจากนี้คือซีพียูในตระกูล CULV จะมีแบบที่เป็น Core 2 Solo ซึ่งประสิทธิภาพ ไม่เทียบเท่ากับ Core 2 Duo อย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าเห็นราคาเครื่องถูกกว่าปกติ ให้ระวังตรงจุดนี้ด้วย
เนื่องจากเครื่องที่ได้มาทดสอบยังไม่มีการกำหนดราคาจำหน่าย แต่เท่าที่สอบถามทางเอเซอร์ ให้ข้อมูลว่าราคาเครื่องในตระกูล Timeline จะอยู่ระหว่าง 22,900 - 56,900 บาท
ขอชม
- ดีไซน์สวย ตัวเครื่องมีขนาดบาง
- ประหยัดพลังงานสูง ใช้ได้ต่อเนื่องมากกว่า 7 ชั่วโมง (ใช้งานปกติ)
- ระบบระบายอากาศ ทำงานได้มีประสิทธิภาพ
ขอติ
- หน้าจอมีขนาดบาง ทำให้มีปัญหาต่อการกระแทกได้ง่าย
- บานพับระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องมีขนาดเล็ก ไม่ค่อยแข็งแรง
- เสียงของลำโพง เบากว่าปกติ
Company Relate Link :
Acer