ก่อนหน้านี้ทีมงานได้นำโน้ตบุ๊กขนาดเล็กมาทดสอบไปบ้างแล้วหลากยี่ห้อด้วยกัน มาวันนี้ถึงคิวของทางเอชพีที่จะนำมาท้าพิสูจน์ให้ได้ชมกันบ้าง ซึ่งทางเอชพีชูจุดเด่นในเรื่องของคีย์บอร์ดที่ใหญ่เต็มตา-เต็มมือ อาจจะเรียกได้ว่าออกมาแก้จุดบอดของเจ้าโน้ตบุ๊กตัวเล็กให้สามารถได้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หรือทำงานได้เทียบเท่าโน้ตบุ๊กตัวใหญ่ก็ว่าได้
Design of HP Mini 1000
รูปลักษณ์ของ "HP Mini 1000" มาในเทรนด์สีดำเกือบทั้งตัวเครื่องแบบมีสไตล์ตามเอกลักษณ์ของทางเอชพี ด้วยลวดลาย 'Imprint' แบบ 'Swirl' ซึ่งทางเอชพีบอกว่าเป็นลายเส้นถักทอสวยงามที่รวมตัวฉวัดเฉวียนบนพื้นผิวสัมผัสของตัวเครื่อง ทำให้สะท้อนถึงความมีพลังและการเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง เมื่อสังเกตดูโดยรอบพบว่าตัวเครื่องใช้วัสดุทำจากพลาสติก ซึ่งอาจจะดูเประไปหน่อยแต่ก็ได้เรื่องความเบาไปแทน
"HP Mini 1000" จัดเป็นมินิโน้ตรุ่นที่ 2 ต่อจาก "HP 2133 Mini-Note" มีขนาดรอบตัวอยู่ที่ 261x165x23 มิลลิเมตร พ่วงด้วยน้ำหนักที่ให้มาค่อนข้างเบาตามวัสดุที่ใช้ โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นโน้ตบุ้กขนาดเล็ก และสอดคล้องกับคอนเซปที่ทางเอชพีตั้งไว้ว่า "เป็นโน้ตบุ๊คแห่งอนาคตที่ผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้ได้ง่าย ในทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการพกพาไปในกระเป๋าถือ นำใส่ในกระเป๋าใส่เอกสาร หรือแม้แต่ถือด้วยมือก็ง่ายไม่ยุ่งยาก"
เริ่มจากส่วนของฝาหลังด้านบนจะพบกับสัญลักษณ์ 'HP' อยู่บริเวณมุมขวาล่าง ส่วนบริเวณพื้นผิวที่เหลือเป็นลวดลาย 'Imprint' แบบ 'Swirl' ตามที่ได้เกริ่นถึงที่มาไปแล้วในข้างต้น ซึ่งมีลักษณะพื้นผิวสีดำวาวแบบ 'Piano Black'
เมื่อเปิดฝาหลังออกมาจะพบกับจอแสดงผลไวด์สกรีนมันเงาอันโดดเด่นที่มีขนาด 10 นิ้ว โดยทางเอชพีบอกว่าเป็นหน้าจอแบบ BrightView อินฟินิตี้ ให้ความละเอียดในการแสดงผลที่ 1,024 x 600 พิกเซล ตามขนาดมาตรฐานของฉบับมินิ เหลือบสายตามองไปบริเวณด้านบนของหน้าจอจะพบกล้องเว็บแคม และช่องไมโครโฟน(อยู่ค่อนไปทางซ้ายมากพอสมควร) ส่วนบริเวณล่างของหน้าจอจะมีโลโก้ 'hp' วางอยู่ตรงกึ่งกลาง และทางมุมซ้ายใต้จอมีชื่อตระกูล 'HP Mini' ถูกวางไว้ในระดับเดียวกัน
ถัดมาส่วนข้อพับมีขนาดพอเหมาะกับการรองรับขนาดของหน้าจอได้สบาย โดยมีช่องระบายเสียงของลำโพงถูกออกแบบให้วางอยู่บนส่วนนี้ได้อย่างลงตัว วัสดุที่ใช้ทำจากอะลูมิเนียม เมื่อลองกางออกจนสุดแล้วคาดคะเนด้วยสายตาสามารถกางออกได้ประมาณ 135 องศา และเมื่อลองนำมาวางบนตักในขณะที่กางออกจนสุดไม่พบว่าเครื่องโน้มไปทางด้านหลังแต่อย่างใด ซึ่งถือว่าข้อพับทำงานเป็นศูนย์ถ่วงได้ดี ทำให้เกิดความสมดุลกันระหว่างตัวเครื่องกับฝาพับ
ตัวเครื่องไล่จากส่วนบนสุดฝั่งซ้าย จะพบกับไฟแสดงสถานะของ 'Caps lock' และล็อกเครื่อง ถัดลงมาใกล้กันเป็นพื้นที่ของ ตัวคีย์บอร์ดสีดำด้านแบบเดียวกับตัวเครื่อง ซึ่งคีย์บอร์ดมีลักษณะค่อนข้างใหญ่ โดยทางเอชพีระบุว่าเป็นคีย์บอร์ดในอัตราส่วนร้อยละ 92 ของคีย์บอร์ดขนาดปกติ ที่มีการจัดวางตำแหน่งต่างๆให้ผู้ใช้คุ้นเคยมากที่สุด
ถัดลงมาใต้คีย์บอร์ดจะพบกับ 'ทัชแพด' มีลักษณะสีดำด้านเช่นเดียวกับตัวเครื่อง ตัวทัชแพดมีขนาดใหญ่พอสมควร บริเวณด้านข้างมีสัญลักษณ์บอก 'Scroll Wheel' ส่วนปุ่มกดที่ใช้สำหรับคลิกซ้าย-ขวาอยู่ขนาบข้างทัชแพดอีกที หลังลองใช้งานพบว่าปุ่มกดสามารถใช้งานได้อย่างนุ่มนวล ทำให้ไม่ต้องออกแรงกดเท่าใดนัก นอกจากนี้บริเวณดานบนของทัชแพด ยังมีปุ่มสำหรับล็อกการใช้งานเพื่อป้องกันมือไปโดน ขณะใช้งานคีย์บอร์ดรวมถึงรองรับกับผู้ที่ใช้เมาส์ในการทำงานแทนทัชแพด
ทางด้านหลังของเครื่อง ไม่มีอะไรพิเศษทางด้านนี้ นอกจากบริเวณข้อพับที่ทำจากพลาสติกสีเทา ทำให้ตัดกับสีดำของตัวเครื่องดูโดดเด่นที่สุดในส่วนนี้ และช่องร้อยสายอเนกประสงค์ถูกออกแบบให้อยู่มุมด้านซ้ายของตัวเครื่อง
เมื่อพลิกดู"ใต้เครื่อง"จะพบช่องใส่แบตเตอรี่ Li-ion 3 เซลล์ มีรูปลักษณ์เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวนอน หากจะทำการถอดแบตฯออกให้เลื่อนตัวล็อกด้านบนซ้ายไปทางขวา แล้วกดดันตัวล็อกที่สองไปทางซ้ายพร้อมใช้นิ้ว-เล็บงัดออกมา หลังการใช้งานพบว่าสามารถถอดแบตฯออกมาได้ง่าย และเมื่อทำการล็อกพบว่าแบตฯลงช่องใส่สนิทพอดี เหมือนเป็นชิ้นเดียวกับตัวเครื่องได้อย่างแนบเนียน
Input and Output Ports
ในส่วนของพอร์ตและปุ่มควบคุมต่างๆรอบตัวเครื่อง เริ่มจากด้านหน้าทางฝั่งซ้ายจะเป็นปุ่มสำหรับเปิด-ปิดเครื่อง เมื่อต้องการใช้งานให้ดันไปด้านซ้ายมือ รอจนกว่าเครื่องจะติด ถัดมาทางขวาใกล้กันเป็นไฟแสดงสถานะการใช้งานของเครื่อง คือ แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ กับ แสดงสถานะให้รู้ว่ากำลังใช้งานจากแบตฯอยู่ เมื่อไม่ได้เสียบสายชาร์จเข้ากับไฟบ้าน และทางด้านขวาเป็นปุ่มสำหรับเปิด-ปิดการเชื่อมต่อทั้งไวเลส - บลูทูธในปุ่มเดียวกัน
ด้านซ้าย ไล่จากริมซ้ายสุดเป็นช่องเสียบสายชาร์จแบตฯ ใกล้กันเป็นไฟแสดงสถานะให้รู้ว่ากำลังเสียบสายชาร์จอยู่ ถัดมาเป็นพอร์ตยูเอสบี 2.0 ใกล้กันเป็นช่องระบายอากาศจากภายในตัวเครื่อง ถัดมาเป็นช่องต่อ 'VGA-Out' (ต้องใช้หัวแปลงถึงสามารถใช้งานได้) ใกล้กันเป็นช่องเสียบไมค์ และหูฟัง ซึ่งใช้ช่องเสียบอันเดียวกัน และสุดท้ายขวาสุดเป็นช่องเสียบสายแลน(10/100M Fast Ethernet) โดยมียางสังเคราะห์หุ้มป้องกันอีกชั้น ซึ่งมีร่องสำหรับเปิดทำให้ง่ายต่อการใช้งาน
ส่วนด้านขวาไล่จากริมซ้ายเช่นกัน จะพบกับการ์ดรีดเดอร์แบบ MMC และ SD ถัดมาเป็นพอร์ตยูเอสบี 2.0 อีกหนึ่งช่อง รวมที่ "Mini 1000" ให้มาทั้งหมด 2 ช่องด้วยกันซึ่งถือว่าน้อยเกินไป
ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพในด้านต่างๆของเครื่อง จะอยู่ในหน้าถัดไปนะครับ
Performance & Benchmarks
ในส่วนของประสิทธิภาพตัวเครื่อง ถึงแม้ว่าทางเอชพีจะจัดให้ HP Mini 1000 เป็นมินิโน้ตบุ๊ก แต่เมื่อดูสเปกที่ให้มาแล้วต้องบอกว่าไม่ต่างกับบรรดาเน็ตบุ๊กทั้งหลายเท่าใดนัก หากจะต่างกันก็เพียงแค่การเรียกให้ต่างเท่านั้น อย่างไรก็ดี ประสิทธิภาพคงไม่ได้วัดแค่การเรียกชื่อแต่เป็นการวัดประสิทธิภาพการใช้งานจริงต่างหาก ซึ่งเมื่อลองเปิดปุ่ม 'Power' พบว่า Hp Mini 1000 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ เอ๊กซ์พี การทำงานต่างๆสามารถตอบสนองการใช้งานได้ครอบคลุม เว้นแต่จะใช้งานด้านกราฟิกแบบหนักๆ
เมื่อตรวจสอบประสิทธิภาพภายในผ่านโปรแกรม CPU-Z พบว่า HP Mini 1000 ใช้ซีพียู Intel Atom N270 @ 1.6GHz ที่ใช้เทคโนโลยี 45 นาโนเมตร, คอร์สปีดสูงสุดอยู่ที่ 1596.1MHz ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเลยทีเดียว ส่วน FSB อยู่ที่ 530.8MHz, L1 D-Cache 24KB, L1 I-Cache 32KB และL2 Cache ขนาด 512KB
ด้านเมนบอร์ดใช้ของที่ทาง 'เอชพี' ผลิตเอง โดยใช้ชิปเซ็ต Intel i945GME/ICH7-M/U ในส่วนของหน่วยความจำเป็น DDR2 ขนาด 1 GB Bus 533MHz
เมื่อลองทดสอบหน่วยประมวลผลผ่านโปรแกรม PCMark05 อาจจะไม่ได้ผลคะแนนรวม เนื่องจากไม่สามารถคำนวณในส่วนของคะแนนกราฟิกได้ แต่เฉพาะส่วนของคะแนนซีพียูเองอยู่ที่ 1489 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง ซึ่งโดยปกติ Intel Atom 1.6GHz จะได้ค่าอยู่ที่ประมาณ 1300 คะแนน
มาดูถึงการ์ดจอ หรือกราฟิกการ์ดที่ใช้งานกัน ผ่านโปรแกรม GPU-Z พบว่าใช้ การ์ดจอออนบอร์ด จาก Intel 945 Express หน่วยความจำในตัว 8 MB ซึ่งเมื่อใช้งานจริงจะไปดึงแรมมาช่วยในการประมวลผล
เมื่อลองทดสอบผ่านโปรแกรมอย่าง 3DMark06 ในความละเอียดหน้าจอ 1024 x 600 คะแนนออกมาอยู่ที่ 90
มาดูกันที่อัตราการเข้าถึงข้อมูลใน ฮาร์ดดิสก์ขนาด 60 GB โดยความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูลอยู่ที่ 29.6 MB/s ส่วนอัตราการเข้าถึงข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 19.4 ms ซึ่งอาจจะทำงานไม่รวดเร็วสักเท่าไหร่
ทางด้านของไวเลส แลนนั้น ใช้การ์ดไวเลส Broadcom ที่รองรับมาตรฐาน 802.11b/g ระดับของสัญญาณอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ทดลองจากการเชื่อมต่อห่างจาก Access Point ประมาณ 10 เมตร การโอนถ่ายข้อมูลผ่านไวเลสก็ได้ตามความเร็วของเราเตอร์ที่ใช้งาน ซึ่งจากภาพจะเห็นการแกว่งของสัญญาณ รวมถึงระดับสัญญาณที่ไม่ค่อยสูงมากนัก แต่เมื่อใช้งานจริงค่อนข้างลื่นไหล
Speaker
ลำโพงสเตอริโอที่ให้มาพร้อมกับตัวเครื่องนั้น เมื่อต่อออกลำโพงภายนอกให้เสียงอยู่ในระดับมาตรฐาน แต่ถ้าใช้งานผ่านลำโพงในตัวเลยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เสียงส่วนใหญ่ที่ถูกขับออกมามีลักษณะแหลมสูง ความดังอยู่ระดับปานกลางสามารถรับฟังในห้องขนาดกะทัดรัดได้อย่างสบาย
Battery and Heat
ในส่วนของแบตเตอรี่เป็นแบบ Li-ion 3 เซลล์ เมื่อทดลองใช้งานแบบปกติ เปิดความสว่างหน้าจอที่ 50% เปิดเสียงไว้ที่ 60% ใช้งานอินเทอร์เน็ต เปิดเพลงฟัง เปิดไมโครซอฟท์เวิร์ดพิมพ์บทความไปด้วย พร้อมกับเปิด Photoshop CS2 ครอปภาพ-รีไซต์ภาพบางช่วง สามารถใช้งานได้ประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที ขณะที่แบตฯเหลืออยู่ประมาณ 5%
เมื่อลองใช้ดูภาพยนตร์โดยเปิดหน้าจอสว่างสุด และ เสียงดังสุด สามารถใช้งานได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง 52 นาที ขณะที่แบตฯเหลืออยู่ประมาณ 5% แต่ถ้าเล่นจนแบตฯหมดโปรแกรมคำนวณค่าออกมาที่ 2 ชั่วโมง
ความร้อนในการใช้งานปกตินั้น จะอยู่ที่ประมาณ 43 องศาเซลเซียส ความร้อนของตัวเครื่องสูงสุดขึ้นมาถึง 63 องศาเซลเซียส ค่าเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 63 องศาเซลเซียส ส่วนความร้อนฮาร์ดดิสก์สูงสุดอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส ส่วนค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส
เมื่อทดลองใช้งาน ซีพียู 100% ระยะเวลา 1 ชั่วโมง ความร้อนของซีพียูขึ้นไปสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 78 องศาเซลเซียสซึ่งไม่ต่างจากการใช้งานปกติสักเท่าไร
บทสรุป
สำหรับ Hp Mini 1000 มินิโน้ตรุ่นที่ 2 ของทางเอชพีรุ่นนี้ โดยรวมถือว่าทำออกมาได้สมกับราคา ถึงแม้ว่าราคาที่ตั้งมาบางคนอาจจะร้องว่าแพงไปหน่อย แต่ถ้าหากเทียบเรตราคากับรุ่นแรกที่ตั้งมานั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์กำลังดี การดีไซน์ยังคงมีเอกลักษณ์ตามฉบับของทางเอชพี เห็นได้ชัดจากลวดลายบนฝาเครื่องด้านบนที่ทางเอชพีเรียกว่า 'Imprint' ซึ่งเอชพีพยายามย้ำเรื่องนี้เป็นอย่างมากในช่วงระยะหลัง ส่วนด้านการใช้งานถือว่าทำงานได้ค่อนข้างเต็มประสิทธิภาพที่ให้มา
ขอชม
- ขนาดกะทัดรัด พกพาไปได้ทุกที่
- คีย์บอร์ดขนาดใหญ่วางนิ้วสบายไร้กังวลทุกตัวอักษร
ขอติ
- มีจำนวนพอร์ต USB สำหรับการเชื่อมต่อมาให้เพียงแค่สองช่องเท่านั้น (น้อยเกินไป)
- น่าจะแยกช่องเสียบหูฟัง (headphone) กับ ไมค์ (mic jack) ออกจากช่อง Audio jack ที่รวมทั้งสองไว้เพียงช่องเดียว
- หน้าจออาจมีปัญหาเมื่อนำไปใช้นอกบ้าน (Outdoor) ในเรื่องของแสงสะท้อน (แดดจ้าไม่ต้องพูดถึง)
สำหรับราคาเปิดตัวของ HP Mini 1000 อยู่ที่ 16,900 บาท (ราคาไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
Company Relate Link :
HP