xs
xsm
sm
md
lg

กนอ.ตั้งเป้าขายที่นิคมฯปี69แตะ 1.2หมื่นไร่ โตจากปีก่อนที่เจอพิษภาษีทรัมป์หั่นยอดขายเหลือ 8 พันไร่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กนอ.ตั้งเป้ายอดขายและเช่าที่ดินในปี2569พุ่งแตะ 1.2หมื่นไร่ จากปี2568มียอดขายที่ดินนิคมฯได้เพียง8,000ไร่ เหตุได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีสหรัฐฯ พร้อมทำพลาดเป้าไป4,000ไร่ พร้อมกำหนดยุทธศาสตร์โดยมุ่งสู่การเป็น “Green & Digital Innovation” ปรับบทบาทจากผู้พัฒนาที่ดินสู่ผู้สร้างสรรค์ระบบนิเวศ

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่าในปีงบประมาณ2568 กนอ.ประสบความสำเร็จในการดึงดูดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายและเช่าพื้นที่ประมาณ 8,000ไร่เติบโตเป็นที่น่าพอใจ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทย แม้ว่าจะต้องเผชิญปัจจัยลบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯทำให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการตัดสินใจลงทุนไประยะหนึ่งก็ตาม

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ (13.48%), ผลิตภัณฑ์โลหะ (10.45%), เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ (9.68%), เคมีภัณฑ์ (7.82%) และผลิตภัณฑ์พลาสติก (6.55%) โดยนักลงทุนจากญี่ปุ่น (23.41%) ยังคงครองแชมป์การลงทุนสูงสุด ตามมาด้วย จีน (16.76%) สิงคโปร์ (9.93%) และสหรัฐอเมริกา (5.79%) ส่งผลให้ปัจจุบัน กนอ. มีเม็ดเงินลงทุนสะสมรวมกว่า 15.32 ล้านล้านบาท และมีการจ้างงานในระบบกว่า 1 ล้านคน 


ส่วนในปี 2569 กนอ.คาดว่าจะมียอดขายที่ดินอยู่ที่ 12,000 ไร่ โดยกนอ.กำหนดยุทธศาสตร์มุ่งสู่การเป็น “Green & Digital Innovation” ปรับบทบาทจากผู้พัฒนาที่ดินสู่การเป็น“ผู้สร้างสรรค์ระบบนิเวศอุตสาหกรรมและนักลงทุนเชิงกลยุทธ์” (Strategic Investor) โดยมุ่งเน้น 2 แกนหลัก เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ได้แก่

1. การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon City) ตั้งเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 ซึ่งในปี 2568 มีแผนขยายผลการตรวจรับรอง Carbon Neutrality ให้ครอบคลุมนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. บริหารจัดการเองทั้ง 13 แห่ง ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco I.E.) ไปสู่ SDG I.E.
ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ นอกจากนี้ ยังเตรียมร่วมมือกับธนาคารโลกและกระทรวงการคลัง ดำเนินโครงการนำร่องในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และแหลมฉบัง ด้วยงบลงทุนกว่า 3,400 ล้านบาท เพื่อติดตั้งระบบพลังงานสะอาด ทั้งโซลาร์ลอยน้ำและโซลาร์รูฟท็อป รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 91,250 ตันต่อปี และสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิตให้กับองค์กร

2. พลิกโฉมสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Transformation) โดยการพัฒนาระบบการเงินแบบ Cashless เต็มรูปแบบ เพื่อรองรับการชำระเงินดิจิทัลทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Mobile Banking หรือ QR Payment เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ เพิ่มความโปร่งใส และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลระดับสากล โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปี 2569


ส่วนความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญ ในปีงบประมาณที่ผ่านมา กนอ. ได้เร่งขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
“ความคืบหน้าล่าสุดของ โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) งานถมทะเลและระบบสาธารณูปโภค มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 93.68 ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดย กนอ. กำลังเร่งดำเนินการในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในระยะที่ 2 เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือสินค้าเหลวและคลังสินค้า เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ เช่นเดียวกับ นิคมอุตสาหกรรม Smart Park ที่มีความคืบหน้าการก่อสร้างร้อยละ 93.68 พร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2568 เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง (New S-Curve) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”


นอกจากนี้ กนอ.ยังเตรียมผนึกกำลังพันธมิตร หนุน SMEs เข้าสู่ Supply Chain ระดับโลก ผ่านแนวทาง “Quick Big Win” โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เชื่อมโยงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยกับบริษัทชั้นนำระดับโลก อาทิ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ Supply Chain ไทย และผลักดันให้เกิดการใช้ Local Content ภายในประเทศมากขึ้น รวมถึงการเตรียมจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพื่อ SMEs โดยเฉพาะ เพื่อเป็นพื้นที่ให้บริการและสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยอย่างครบวงจร

ขณะเดียวกัน เตรียมมอบของขวัญปีใหม่ ด้วยการจัดโปรโมชั่น “ฟรี 2 ต่อ” ใน 3 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับนักลงทุน โดยมาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินใน 3 นิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร, นิคมอุตสาหกรรมสงขลา และนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว โดยมอบสิทธิประโยชน์ “ฟรี 2 ต่อ” คือ ต่อที่ 1 ฟรีค่าเช่าที่ดิน 2 ปีแรก และ ต่อที่ 2 ฟรีค่าบริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก 2 ปี สำหรับผู้ที่ทำสัญญาเช่าตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2569 เพื่อลดต้นทุนและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มธุรกิจได้อย่างมั่นคง

“ในปี2568 กนอ.ตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ที่ 12,000ไร่ แต่เจอภาษีทรัมป์ ทำให้นักลงทุนชะลอไปหลายเดือน เดิมตั้งเป้าขายที่นิคมฯไว้ 12,000 ไร่ หั่นเป้าลงเหลือ 8,000ไร่ หายไป4,000ไร่ แต่ปี2569ตั้งเป้าขายที่ดินไว้ 12,000ไร่ จากนี้ไปกนอ.จะไม่ใช่แค่การเป็นผู้จัดหาพื้นที่ แต่เราจะยกระดับสู่การเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและความยั่งยืน เราพร้อมเปลี่ยนผ่านนิคมอุตสาหกรรมไทยสู่ยุค Carbon Neutrality และสร้างระบบนิเวศการลงทุนที่ครบวงจร เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมเติบโตเคียงคู่กับนักลงทุนในเวทีโลกอย่างยั่งยืน”


กำลังโหลดความคิดเห็น