xs
xsm
sm
md
lg

“เนม Getsunova” จับไมค์ทอดไก่ “วิงสต๊อป” การรุกครั้งใหม่ของ S&P สนามแฟรนไชส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 – เครือเอสแอนด์พี เคลื่อนทัพครั้งใหญ่ ผุดบริษัทใหม่ คว้าสิทธิ์แฟรนไชส์ ไก่ทอดดัง “วิงสต๊อป” (Wingstop ) จากอเมริกาบุกไทย ดันนักร้องดัง “เนม Getsunova” ทายาทตระกูลขึ้นแท่นบริหาร พร้อมกลยุทธ์ตลาดที่น่าสนใจ แผนผุดครบปีหน้า 7 สาขา เป้าโกย 100 ล้านบาท


นายปราการ ไรวา ผู้บริหารแบรนด์วิงสต๊อปประเทศไทย หรือ Wingstop Bro กล่าวว่า ทางกลุ่มเอสแอนด์พี ได้ตั้งบริษัท S & P WINGS จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท เพื่อเป็นผู้รับสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์แบรนด์ วิงสต๊อป (Wingstop)” ไก่ทอดจากอเมริกามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของเครือเอสแอนด์พีในการซื้อแฟรนไชส์อาหารต่างประเทศมาทำตลาดในไทย หลังจากที่ทำธุรกิจเบเกอรี่่และอาหารมานานมากกว่า 50 ปีแล้ว

สาเหตุที่มองตลาดไก่ทอดเนื่องจากว่า ตลาดอาหารจานด่วนหรือคิวเอสอาร์ในไทยนั้น มีหลายเซ็กเมนต์ แต่ว่าเซ็กเมนต์ไก่ทอดเป็นตลาดใหญ่ที่สุด มูลค่ามากกว่า 30,000 ล้านบาท มีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องประมาณ 8%-10% ต่อปี และผู้บริโภคคนไทยก็มีความคุ้นเคยกับเมนูไก่ทอดอยู่แล้วด้วย แม้ว่าในตลาดจะมีผู้เล่นมากมายหลายแบรนด์ มีการแข่งขันที่รุนแรงก็ตาม แต่ก็ยังมีช่องว่างให้ทำตลาดได้อีกเช่นกัน ซึ่ง“วิงสต๊อป (Wingstop)” ก็จะเป็นแบรนด์ใหม่อีกทางเลือกหนึ่งให้กับคนไทยที่มึความแตกต่างจากแบรนด์เดิมในตลาด

อีกความมั่นใจของ ปราการ คือ การที่อยู่ในเครือข่ายร่มธงของเอสแอนด์พี่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดอาหารอยู่แล้วมากกว่า 50 ปี ทำให้สามารถได้รับการสนับสนุนในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบบริหารจัดการ เรื่องบุคกลากร เรื่องโลจิสติกส์หรือแม้แต่การสั่งซื้อวัตถุดิบด้วยกัน แม้ว่าจะแยกออกมาเป็นคนละบริษัทก็ตาม


สำหรับ “วิงสต๊อป (Wingstop)” นี้แม้จะใหม่ในไทย แต่เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดโลกอยู่แล้ว ก่อตั้วงมือปพ.ศ. พ.ศ. 2537 และปี พ.ศ. 2540 คือจุดเริ่มต้นของสาขาแฟรนไชส์แห่งแรก และภายในปี พ.ศ. 2545 Wingstop ได้สร้างสถิติยอดขายครบหนึ่งพันล้านชิ้น ปัจจุบันมีมากกว่า3,000 สาขา ใน 18 ประเทศ เช่น อเมริกา เปอโตริโก เม็กซิโก แคนาดา สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ สเปน ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย คูเวต บาห์เรน อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และไทย เป็นตลาดล่าสุด

ทั้งนี้แผนการลงทุนในไทย ปีนี้เปิดสาขาแรกที่เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ เปิดวันแรกคือ เสาร์ที่ 13 ธันวาคม พื้นที่ 208 ตารางเมตร ลงทุนกว่า 11 ล้านบาท เปิดบริการ 10.00–02.00 น. และมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีกในปีหน้าให้ครบประมาณ 6-7 สาขา เจาะตามศูนย์การค้าและเน้นในกรุงเทพเป็นหลักก่อน ใช้พื้นที่เฉลี่ย 150 – 250 ตารางเมตร คาดว่าปีหน้าจะมีรายได้รวมประมาณ 100 ล้านบาท โดยใช้งบการตลาดประมาณ 5% จากยอดขาย กลุ่มเป้าหมายหลักคือ คนรุ่นใหม่ Gen Z


นายปราการ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้สนใจ แบรนด์ Wingstotop เป็นพิเศษ ไม่ได้เกิดจากชื่อเสียงระดับโลก หรือความสำเร็จกว่า 3,000 สาขาใน 18 ประเทศเท่านั้น แต่เริ่มจากความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสรสชาติของแบรนด์ที่มีความเข้มข้น สนุก และมีเอกลักษณ์ในแบบที่หาไม่ได้จากแบรนด์อื่น โดยมีแก่นของแบรนด์ที่ชัดเจนมากว่าไม่ได้เป็นแค่แบรนด์ไก่ทอดดังประโยคติดร้าน “We’re not in the wings business. We’re in the flavour business.” เพราะเราเชื่อว่ารสชาติไม่ใช่แค่เรื่องของอาหาร แต่เป็น “ประสบการณ์” ที่ทำให้ชีวิตของผู้คนมีรสชาติพิเศษขึ้นในทุกๆวัน ผ่านรสชาติที่แบรนด์นำเสนอด้วยความกล้า ชัดเจน และเต็มไปด้วยคาแรกเตอร์ จึงไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์ Wingstop จะมีฐานลูกค้าทั่วโลก เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่คนรุ่นใหม่ทั้งโลกเทใจให้ แม้กระทั่งในประเทศไทยเองก็เคยมีกระแสคนรักแบรนด์นี้เรียกร้องอยากให้ Wingstop มาเปิดในประเทศไทยตั้งแต่ยังไม่เปิดบริการด้วยซ้ำ”

พร้อมกับย้ำว่า “ลูกหลานในเครือเอสแอนด์พีส่วนใหญ่ก็เข้ามาช่วยกันทำธุรกิจของครอบครัวกันทุกคนแล้ว เหลือผมคนเดียวที่ยังไม่ได้เข้ามาทำ น้องสาว หลานๆ ก็ทำแล้ว เพราะทำงานอยู่ในวงการเพลง ( “เนม Getsunova” ) พอได้รับการชักชวนให้มาบริหารแบรนด์นี้ ก็คิดไม่นานก็ตอบตกลง เพราะอยู่ในวงการบันเทิงมามากกว่า 20 ปี ก็คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องมาร่วมบริหารงานที่บ้าน ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักเลยว่า วิงสต๊อป คืออะไร เท่าที่ไปศึกษาดูถึงรู้ว่าแบรนด์นี้ไม่ใช่แค่ไก่ทอด มีอะไรที่น่าสนใจอีกมาก วิธัการคิด การทำธุรกิจก็น่าสนใจแปลกแตกต่างจากที่อื่น”

ด้วยความที่อยู่ในวงการบันเทิงมานาน ทำให้ ปราการ มองว่า เป็นอีกหนึ่งความได้เปรียบที่มีคอนเน็คชั่นในวงการบันเทิง ดนตรี ที่ดี ซึ่งสิ่งนี้สามารนำมาช่วยเสริมและต่อยอดการทำตลาดให้วิงสต๊อปได้ดี เช่น การทำคอลแลปกับแบรนด์อื่นๆ เช่นที่ในต่างประเทศก็ทำกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดนตรี บันเทิง กีฬา แฟชั่น เป็นต้น


นายศิวกร เบญจราชจารุนันท์ ผู้จัดการทั่วไป แบรนด์ วิงสต๊อป (อดีตเคยบริหารงานมาหลายแบรนด์ เช่นที่ แบล็กแคนยอน ชายสี่ แบร์เฮ้าส์ ) กล่าวว่า นอกจากจุดแข็งในตัวเองของ วิงสต๊อป แล้ว การที่เป็นแบรนด์ในเครือของเอสแอนด์พี ก็ยิ่งช่วยทำให้เสริมความแข็งแกร่งมากขึ้นอีก โดยเฉพาะมีระบบอีโคซิสเต็มที่เกี่ยวกับอาหารโดยตรงจะช่วยได้มาก เพราะธุรกิจอาหารทุกวันนี้เผชิญกับปัญหาและความท้่าทายอย่างมากทั้งเรื่องต้นทุนดำเนินการ วัตถุดิบ แรงงาน พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปรวดเร็ว รวมทั้งการแข่งขันที่รุนแรง

แต่วิงสต๊อปก็มีกยุทธ์ในการทำตลาดที่่ชัดเจนรวมทั้งเรื่องราคาที่วางไว้ และที่สำคัญคือ ผลิตภัณฑ์ไก่ทอดวิงสต๊อปที่เป็นเอกษณ์ สามารถสู้ตลาดได้แน่นอน


กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดในประเทศไทย 4 ข้อหลักที่วางไว้ เพื่อให้แบรนด์เติบโตได้อย่างยั่งยืนประเทศไทย คือ
1. กระบวนการทำความเข้าใจคนรุ่นใหม่ (ConZmer Centric)
สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของ Wingstop ดังนั้นแบรนด์จึงออกแบบกระบวนการทำความเข้าใจคนรุ่นใหม่จากอินไซต์จริง เช่น การจับมือร่วมกับนักศึกษามหาลัยธรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง หลักสูตร Design, Business & Technology Management กว่า 80 คน เพื่อเรียนรู้ไม่เพียงแค่พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ แต่ทำความเข้าใจลึกลงไปถึงความคิดและวัฒนธรรม (Mindset & Culture) ของคนรุ่นใหม่ ความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์และภาพลักษณ์ของแบรนด์ ฯลฯ เพราะ Wingstop ไม่ได้ต้องการทำแบรนด์เพื่อคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ต้องการสร้างแบรนด์จากคนรุ่นใหม่จริงๆ

2. กลยุทธ์ผู้นำด้านรสชาติ (Flavour Pioneers)
หัวใจของ Wingstop คือการเป็นธุรกิจแห่งรสชาติ (“We’re in the flavour business”) ดังนั้นทุกอย่างจึงเริ่มต้นจากรสชาติเป็นศูนย์กลาง
2.1 ความหลากหลายของรสชาติ (Variety) เพราะแต่ละคนมีชีวิต เรื่องราว และ ความชอบที่แตกต่างกัน Wingstop จึงออกแบบให้แต่ละรสมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของทุกคน ซึ่งเริ่มต้นเปิดตัวในประเทศไทยด้วย 9 รสชาติ 3 ระดับความเผ็ด
● NO HEAT
1.การ์ลิก พาร์เมซาน (GARLIC PARMESAN)
2.เลมอน เปปเปอร์ (LEMON PEPPER)
3.ฮิกคอรี สโมก บาร์บีคิว (HICKORY SMOKED BBQ)
● SOME HEAT
4.ฮอท ฮันนี่ รับ (HOT HONEY RUB)
5.หลุยเซียน่า รับ (LOUISIANA RUB)
6.เท็กซัส บัฟฟาโล (TEXAS BUFFALO)
● ALL THE HEAT
7.แมงโก ฮาบาเนโร (MANGO HABANERO)
8.อินเฟอร์โน (INFERNO)
9.อะตอมมิค บลาสต์ (ATOMIC BLAST)


ทั้งหมดนี้มีตั้งแต่รสชาติยอดฮิตที่คัดมาแล้วว่าโดนใจมหาชน ไปจนถึงรสชาติแปลกใหม่สุดท้าทาย เพื่อมอบประสบการณ์รสชาติความอร่อยแบบที่คนไทยไม่เคยสัมผัสจากที่ไหนมาก่อน
2.2 มาตรฐานระดับโลก (Standardized) รสชาติของ Wingstop ได้รับการพิสูจน์มาแล้วจากแฟนๆ ทั่วโลกจนเกิดเป็นความชื่นชอบ ดังนั้น เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์แบบเดียวกับทุกประเทศ จึงยึดมาตรฐานการผลิตและคุณภาพที่เข้มข้นเหมือนกันทั่วโลก เพื่อให้ “รสชาติของ Wingstop” เป็นรสชาติระดับสากล ไม่ว่ารับประทานที่ใดบนโลกก็เป็นรสชาติเดียวกัน
โดยระดับราคา เริ่มที่ 159 บาทสำหรับไก่อะลาคาร์ท 6 ชิ้น (โบวเลส/เทนเดอร์ 3 ชิ้น) โดยมีราคาต่อบิลเฉลี่ย 350-400 บาท สำหรับลูกค้า 2 คน โดยมีเครื่องดื่มเครือโคคาโคล่าเป็นพันธมิตร

3. ระบบปฏิบัติการแบบมาตรฐานโลก (Process & Operation: Global Standardized)
รสชาติที่ดีเริ่มจากระบบที่ดี Wingstop จึงให้ความสำคัญกับหลังบ้านที่แข็งแรง ผ่านการวางมาตรฐานด้าน กระบวนการทำงาน ระบบการจัดการควบคุมคุณภาพ
การฝึกอบรมทีมงานมาตรฐานสากลเพื่อให้ประสบการณ์ของลูกค้าในไทย “เสมอต้นเสมอปลาย” ไม่ว่าจะเข้าร้านวันไหน เวลาไหน หรือสาขาใด ก็ต้องได้รสชาติและบริการแบบเดียวกับทั่วโลก เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายสาขาในอนาคตอย่างราบรื่น


4.การทำแบรนด์และการตลาด (Strengthening Brand & Marketing) เพื่อให้ Wingstop เติบโตเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z ในปัจจุบัน แบรนด์ได้วางแนวทางด้านการตลาดบนสองแกนหลัก ดังนี้

4.1 การสร้างคัลเจอร์ของแบรนด์ (Culture) การทำการตลาดต้องโดดเด่นและแตกต่าง (Unique & Bold) เพื่อสร้างคัลเจอร์ของแบรนด์ให้เกิดขึ้นจริงในไทย เราเชื่อว่า Gen Z ไม่ใช่แค่กลุ่มอายุ แต่คือคัลเจอร์ที่กำลังก่อตัว (Gen Z is a culture, and it’s forming) และ Wingstop ต้องเป็นส่วนหนึ่งของคัลเจอร์นี้ หรือเป็นพื้นที่ในการทำให้วัฒนธรรมนี้เติบโต ผ่านกิจกรรมและเนื้อหาที่สะท้อนตัวตนของคนรุ่นใหม่ สิ่งที่แบรนด์ได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่คือ Gen Z ไม่ได้มีแบบเดียว ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน หรือมีไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกันหมด แต่ความงดงามของ Gen Z คือความหลากหลายของการมีซับคัลเจอร์ ซึ่งแบรนด์มีหน้าที่เรียนรู้และทำความเข้าใจคนรุ่นใหม่

4.2 กลยุทธ์ที่ยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) Wingstop ให้ความสำคัญกับการฟังเสียงของผู้บริโภค และนำอินไซต์มาพัฒนาการตลาดที่จับต้องได้ ผ่านการปฏิสัมพันธ์ที่น่าสนใจ เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ไม่ใช่เพียงผู้รับสาร หรือเป็นเพียงผู้เฝ้าดูแบรนด์อย่างเดียว แต่ Gen Z พร้อมจะมีความคิดเห็นสะท้อนมายัง
แบรนด์ได้เสมอ


ดังนั้น ตั้งแต่ Wingstop ยังไม่เปิดบริการอย่างเป็นทางการ เราได้ทำกิจกรรมที่ทำให้ประสบการณ์จากแบรนด์เป็นสื่อกลางในการสะท้อนความคิดเห็นของ Gen Z และแบรนด์นำมาปรับตัวอยู่เสมอ เช่น ป้ายพูดได้ (Hoarding Talking) ที่นอกจากจะทำหน้าที่สื่อสารว่า Wingstop จะมาเปิดบริการในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นป้ายที่ตั้งใจสร้างบทสนทนาของ Gen Z ในโซเชียลมีเดียที่มีต่อแบรนด์ เมื่อแบรนด์ทราบว่าแฟนๆ Wingstop ตื่นเต้นที่แบรนด์จะมาเปิดบริการในประเทศไทยเสียที แต่ไม่อยากรอนาน ป้ายนี้จึงสื่อสารกลับไปว่าแบรนด์ได้ยินแล้วว่าแฟนๆ ไม่อยากรอนานข้ามปี เดี๋ยวแบรนด์จัดให้ เพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมและรู้สึกว่า Wingstop เป็นแบรนด์ที่สร้างมาจากเสียงของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง อีกทั้งเป็นพื้นที่ในการสร้างรสชาติของประสบการณ์ร่วมกัน และถือเป็นการเปิดเกมธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ยังไม่เปิดร้านอย่างเป็นทางการ จนทำให้เกิดกระแสตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นป้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น