ผู้จัดการรายวัน 360 – “ลาลามูฟ” ชี้ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง เร่งเครื่องขยายพื้นที่ให้บริการ พร้อมเพิ่มบริการใหม่ๆ ในไทยเต็มที่ เล็งศึกษาตลาดรับส่งพนักงานองค์กร หลังเปิดบริการ รับส่งผู้โดยสารไปแล้ว พร้อมรุกเจาะตลาดกลุ่มเอสเอ็มอี
นายเบน ลิน กรรมการผู้จัดการ ลาลามูฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ลาลามูฟมีแผนที่จะขยายธุรกิจและบริการใหม่ๆรวมไปถึงการขยายพื้นที่การให้บริการให้ครอบคลุมมากที่สุด ในตลาดเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไทยเป็นตลาดที่มีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีและมีศักยภาพอย่างมากในระยะยาว แม้ว่าปัจจุบันไทยยังไม่ได้เป็นตลาดใหญ่ที่สุดของลาลามูฟก็ตาม
ล่าสุดลาลามูฟเปิดบริการใหม่ในไทย ซึ่งเริ่มทดลองมาระยะหนึ่งแล้วคือ การบริการรับส่งคน โดยให้บริการในกรุงเทพและปริมณฑลก่อน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีแม้ว่าจะเพิ่งเริ่มก็ตาม ซึ่งจากนี้จะเริ่มจริงจังเต็มที่มากขึ้น โดยค่าบริการที่คิดนั้น คือ 1. ค่าบริหารจัดการแพลตฟอร์ม สำหรับบริการรับ-ส่งผู้โดยสาร คือ 10% สำหรับรถของพาร์ทเนอร์ที่ไม่มีสัญญาสติกเกอร์ และ 7% สำหรับรถของพาร์ทเนอร์ที่มีสัญญาสติกเกอร์
ลาลามูฟได้เริ่มขยายพื้นที่บริการไปที่พัทยาเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา และขอนแก่นในปีนี โดยในส่วนของพัทยาชลบุรีนี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ด้วยมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) สูงถึง 1,059,797 ล้านบาท และในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีรวมถึงเมืองพัทยามากถึง 24 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 2 แสนล้านบาท ตั้งแต่ปี 2566 ลาลามูฟได้เริ่มให้บริการในพื้นที่นี้อย่างจริงจัง และสามารถสร้างฐานผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยในปัจจุบันมีจำนวน คนขับพาร์ทเนอร์กว่า 10,000 คน และมีคนสนใจสมัครเป็นพาร์ทเนอร์คนขับในชลบุรีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 2,000 คนต่อเดือน ขณะเดียวกัน ยังมีลูกค้าในระบบกว่า 12,000 ราย และเติบโตขึ้นเกือบ 1.5 เท่า ในเวลาเพียงหนึ่งปี โดยกว่า 75% ของออร์เดอร์ทั้งหมดในชลบุรี เป็นการจัดส่งข้ามจังหวัด ไปยังพื้นที่สำคัญ ทั้งในเขตเศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรมอย่าง จ.ฉะเชิงเทรา จ.ระยอง รวมไปถึงกรุงเทพฯ ปริมณฑล
กลุ่มลูกค้าหลักของลาลามูฟในชลบุรี ได้แก่ ธุรกิจขนาดย่อย ขนาดเล็ก และขนาดกลาง (MSME) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ต้องใช้การขนส่งอยู่เป็นประจำ ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ โดยกลุ่มธุรกิจประเภทนี้เป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนมากกว่า 99% ของประเทศ และสร้าง GDP คิดเป็น 35.17% ของประเทศ (ข้อมูลไตรมาส 4 ปี 2567)
นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างการศึกษาถึงบริการใหม่ๆในไทยอีก เช่น การบริการรถรับส่งพนักงานบริษัทหรือองค์กรจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมีลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งต่างๆ เช่น ก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ก็เคยให้บริการรบส่งพนักงานบ้างเช่นกัน ขณะเดียวกันก็มีผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่เคยเจรจากับลาลามูฟในการร่วมมือกันส่งสินค้าแบบประจำ
ทั้งนี้ลาลามูฟตั้งเป้าหมายว่าปีนี้ผลประกอบการจะเติบโต 30% จากการขยายบริการต่างๆ ด้วยรถบริการที่มีมากถึง 9 ชนิดคือ รถมอเตอร์ไซค์, รถเก๋ง 4 ประตู, รถ 5 ประตู, รถยนต์อเนกประสงค์, รถกระบะ, รถกระบะ 4 ประตู, รถกระบะตู้ทึบ, รถกระบะโครงเหล็กสูง และ รถ 4 ล้อจัมโบ้
นาย เบน ลิน กล่าวต่อว่า กลุ่มตลาดที่ใหญ่น่าสนใจคือ ธุรกิจเอสเอ็มอีในไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับลาลามูฟ ไม่เพียงเป็นแพลตฟอร์มให้บริการขนส่งแบบออนดีมานด์เท่านั้น แต่ยังต้องการที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ที่ผู้ประกอบการ SME ไว้วางใจและพร้อมจะเติบโตไปกับผู้ประกอบการ
จากข้อมูลพบว่าในช่วงปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนยอดการใช้บริการขนส่งลาลามูฟจากภาคธุรกิจราว 25% ของปริมาณออเดอร์การขนส่งทั้งหมด และมีจำนวนผู้ใช้บริการในกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่ใช้งานเราอย่างต่อเนื่อง เติบโตขึ้นกว่า 30% สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ผู้ประกอบการ SME มอบให้ลาลามูฟในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร้านดอกไม้ เบเกอรี่ ไปจนถึงวัสดุก่อสร้างและอะไหล่รถยนต์ ลาลามูฟก็พร้อมตอบโจทย์ธุรกิจ SME ในทุกอุตสาหกรรมด้วยบริการขนส่งที่รวดเร็ว ใช้งานง่าย ราคาคุ้มค่า อีกทั้งรูปแบบการให้บริการขนส่งแบบออนดีมานด์ที่มีความยืดหยุ่น ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ประหยัดเวลา และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถโฟกัสที่การเติบโตด้านอื่น ๆ ในระยะยาวได้มากขึ้น
ล่าสุดจัดงาน LALAMOVE x SME, Your Move Our Mission ผลักดันผู้ประกอบการไทยเติบโตไปด้วยกัน โดยมีวิทยากรเข้าร่วมงานเสวนาด้วย
นายธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของเพจ “Torpenguin” กล่าวว่า “ในยุคที่สภาพเศรษฐกิจมีความผันผวนสูง การปรับตัวถือเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ SME เพราะหากยึดติดกับวิธีการแบบเดิม ๆ อาจทำให้ธุรกิจหยุดนิ่งและไม่สามารถแข่งขันได้ ผู้ประกอบการต้องรู้จักใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลและบริการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ มาช่วยแก้ปัญหาความยุ่งยากในการขนส่งสินค้า ทำให้ SME มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการออเดอร์ และสามารถโฟกัสกับการพัฒนาสินค้าและบริการหลักได้อย่างเต็มที่”
นายอิทธิกร เทพมณี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ขนมสุนัข “JAIKLA” กล่าวว่า “หนึ่งในความท้าทายของธุรกิจ SME คือการบริหารจัดการทั้งด้านวัตถุดิบและด้านการขนส่ง โดยเฉพาะเมื่อมีความต้องการสินค้าไม่สม่ำเสมอทำให้บริหารจัดการได้ยาก การมีพาร์ทเนอร์ด้านการขนส่งมืออาชีพอย่างลาลามูฟ ช่วยให้เราสามารถควบคุมต้นทุนและรักษาประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจได้ แม้จะมีทรัพยากรที่จำกัด และช่วยให้เราสามารถส่งวัตถุดิบและสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ JAIKLA เติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันในตลาดได้”