xs
xsm
sm
md
lg

“ธนกร”ควงรมช.อุตฯมอบนโยบายราชการ ชู4โมเดล “ฝ่า-ฟัน-ดึง-ดัน” ขับเคลื่อนอุตฯไทยโตยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ธนกร” รมว.อุตฯ ชู 4 โมเดล “ฝ่า-ฟัน-ดึง-ดัน” ด้าน “จ่าเอก ยศสิงห์” ย้ำ ลุยงานเต็ม 120 วัน ชูแนวคิด“ปิดเร็ว-เปิดเร็ว-พึ่งพาได้” เพื่อร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่อนาคตอย่างยั่งยืน

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มอบนโยบายแก่ข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ในโอกาสประชุมผู้บริหารและพบปะข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม

นายธนกร กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ดังนั้นเราต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้สอดรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมดิจิทัล และพลังงานสะอาด ท่ามกลางความท้าทายจากสงครามการค้า มาตรการภาษีตอบโต้ และปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อสังคมและธุรกิจ

โดยใช้นโยบาย “ฝ่า-ฟัน-ดึง-ดัน” เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย กล่าวคือ ฝ่า : รับมือปัญหาเร่งด่วนจากสงครามการค้าและมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) โดยเร่งช่วยเหลือ SME  ที่ได้รับผลกระทบ เสริมสภาพคล่องด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ปกป้องจากการทุ่มตลาด และยกระดับระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบดิจิทัล (ROO Digital + Traceability) เพื่อให้แข่งขันได้อย่างโปร่งใสและยั่งยืน

ฟัน : จัดระเบียบอุตสาหกรรมอย่างเด็ดขาด ด้วยการปราบปรามโรงงานเถื่อน การลักลอบนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน และการทิ้งกากอุตสาหกรรม พร้อมบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด ควบคู่กับการยกระดับมาตรการสิ่งแวดล้อม

ดึง : เดินหน้าดึงเม็ดเงินลงทุนด้วย 2 แนวทางหลัก คือ ขับเคลื่อน BCG และพลังงานสะอาด ยกระดับภาคการผลิตไทยสู่มาตรฐานสากล ลดคาร์บอน ลดต้นทุนพลังงาน และเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ผ่านมาตรการสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ 2030 โครงการโซลาร์รูฟท็อป และตลาดคาร์บอนอุตสาหกรรม ควบคู่กับการ สร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ทันสมัยและโปร่งใส ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบ ลดขั้นตอน เอื้อต่อธุรกิจ ส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานและดิจิทัล และผลักดันกฎหมายสำคัญ เช่น พ.ร.บ. การจัดการกากอุตสาหกรรม และ พ.ร.บ. มอก. เพื่อสร้างระบบการผลิตที่รัดกุม ยั่งยืน และแข่งขันได้ในเวทีโลก

ดัน : วางรากฐานสู่อุตสาหกรรมอนาคต สนับสนุน SMEs เข้าถึงเทคโนโลยีและพัฒนาทักษะแรงงาน ผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดิจิทัล–AI–เซมิคอนดักเตอร์ และอาหารแห่งอนาคต–ชีวเศรษฐกิจ ควบคู่กับอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์อย่างการแพทย์ เทคโนโลยีสุขภาพ และปาล์มน้ำมัน


“ทุกอย่างต้องเริ่มทำทันทีภายใน 4 เดือน เราจะไม่เพียงแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะสร้างอนาคตใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันในระดับโลก สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ซึ่งหลายโครงการที่กระทรวงฯ ได้ดำเนินการไปแล้ว มีความสอดคล้องกับแนวทางการของรัฐบาลนี้ จึงสามารถเริ่มดำเนินการต่อได้ทันที ในส่วนของประเด็น "จีนเทา" โดยส่วนตัวขอเสนอให้ใช้คำว่า "นักธุรกิจ/นักลงทุนต่างชาติที่ไม่ดี" เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระดับประเทศ เพราะทุกประเทศมีคนดีแลคนไม่ดีปะปนกัน จึงอยากให้คำนึงถึงความเป็นพี่เมืองน้องที่มีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน และเชื่อมั่นว่า ด้วยวิสัยทัศน์และพลังร่วมมือของทุกฝ่าย จะทำให้อุตสาหกรรมไทยจะก้าวสู่อนาคต”นายธนกร กล่าว

จ่าเอกยศสิงห์ กล่าวว่า รัฐบาลมีกรอบเวลา (Quick Win) 120 วัน ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ประกาศไว้ในการยุบสภาและจัดการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการทำงานของกระทรวงฯ เช่นกัน จึงขอความร่วมมือจากข้าราชการ ร่วมมือและเปิดใจการทำงานอย่างตรงไปตรงมา อะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำสามารถแจ้งได้ทันที เพื่อให้การทำงานเดินหน้าไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น

ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำ นโยบาย "เปิดเร็ว-ปิดเร็ว-พึ่งพาได้" โดยระบุว่า ยืนยันแนวคิด "ปิดทันที" หากโรงงาน/ธุรกิจทำผิดกฎหมาย แต่หากมีการแก้ไขถูกต้องแล้ว จะต้อง "เปิดให้เร็ว" เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาคอุตสาหกรรม ต้องการให้อุตสาหกรรมในยุคนี้สามารถก้าวหน้าไปได้อย่างสำคัญและยั่งยืน เน้นการปฏิบัติงาน ด้วยการลงพื้นที่ ขณะที่นโยบายภาพรวมใหญ่ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ดำเนินการไปแล้วอย่างครอบคลุม จึงขอให้ทุกฝ่ายนำนโยบายเหล่านั้นไปเป็น แนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน


กำลังโหลดความคิดเห็น