วันนี้ (24 มิ.ย.) ณ อาคารกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม แถลงผลการขยายระยะเวลาและปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปรับปรุงใหม่) ปี 2568
นายยู่สิน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ทำให้เศรษฐกิจเกิดความซบเซาและมีการชะลอตัวอย่างรุนแรง ผู้ประกอบการในพื้นที่ขาดเงินทุนหมุนเวียน อยากย้ายถิ่นฐานไปประกอบอาชีพที่อื่น รัฐบาลจึงมีแนวคิดเรื่องโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือโครงการซอฟท์โลน (Soft Loan) เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 1.5% เพื่อให้ผู้ประกอบการดำรงธุรกิจต่อไปได้
นายยู่สิน เผยว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้รับการร้องเรียนว่าโครงการดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ แต่สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยังคงเกิดผลกระทบต่อเนื่องและการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ดีเท่าที่ควร ประชาชนในพื้นที่เริ่มไหลออกไปอาศัยที่อื่น เช่น กลุ่มเด็กและเยาวชนผู้ที่จะต้องมาสืบทอดรุ่นต่อไป กลับไม่เข้าพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ทำให้ท้องถิ่นขาดบุคลากร จึงมีการประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอขยายระยะเวลาและปรับหลักเกณฑ์ จึงได้มีการต่อสัญญาโครงการเกิดขึ้น และเพิ่ม 4 อำเภอใน จ.สงขลา คือ เทพา , จะนะ , นาทวี และ สะบ้าย้อย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเรื่องดังกล่าว ขยายโครงการออกไปอีก 2 ปีครึ่ง
นายยู่สิน เผยอีกว่า โครงการดังกล่าวนั้น วงเงินทั้งหมด 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงิน 12,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการรายเดิมที่เคยได้รับสินเชื่อของโครงการ ส่วนวงเงิน 3,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่ยังไม่เคยได้รับสินเชื่อของโครงการมาก่อน โดยทั้งรายเก่าและรายใหม่ กู้ได้วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท ซึ่งอัตราดอกเบี้ย สถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ยจากผู้ประกอบการในอัตราร้อยละ 1.99 ต่อปี
นายยู่สิน เผยต่อว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้กู้รายเดิม จะต้องมีการประกอบกิจการในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2 ปี ตามเงื่อนไขเดิม หรืออาจต้องเป็นคนในพื้นที่นั้นด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ประกอบกิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและการให้การบริการ รวมถึงเจ้าของธุรกิจรายย่อย (SMEs) ก็ได้ เพื่อใช้หมุนเวียนในธุรกิจ
ทั้งนี้ รายงานแจ้งว่า ผลการดำเนินงาน อนุมัติสินเชื่อรวม 2,980 ราย (แบ่งเป็นผู้ประกอบการรายเดิม 2,776 ราย และผู้ประกอบการรายใหม่ 208 ราย) วงเงินรวม 17,017 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 16 พ.ค.2568 นอกจาหนี้ มีสินเชื่อคงค้าง 2,568 ราย วงเงินรวม 10,261 ล้านบาท