xs
xsm
sm
md
lg

ดีพร้อมMOU4พันธมิตรตั้งนิคมฯSME คาดสร้างมูลค่าศก.ได้กว่า 1 พันล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ผนึก 4 ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย กรอ.-กนอ.-ธพว.-สป.อว. ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เดินหน้าสร้างนิคมฯ SMEs เพื่อจัดสรรพื้นที่รองรับผู้ประกอบการย้ายถิ่นฐานหรือขยายการผลิตเข้าสู่พื้นที่นิคมฯ ให้ได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบ และจัดระเบียบ SMEs ให้พัฒนาเข้มแข็ง พร้อมวางแผนต่อยอดด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และยังเปิดโอกาสให้เข้าถึงเทคโนโลยี แหล่งทุน และตลาด คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 1 พันล้านบาท

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเผชิญความเปลี่ยนแปลงรอบด้านต่อการอยู่รอดและการเติบโตของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นกำลังหลักในการสร้างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ดังนั้นกระทรวงอุตฯจึงเดินหน้านโยบาย “Mind as One” การรวมพลังหัวใจเดียวกัน ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัดและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกมิติ ตั้งแต่การสร้างองค์ความรู้ การเชื่อมโยงเครือข่าย ไปจนถึงการผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการกับพันธมิตร ทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) และสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) เพื่อผลักดันโครงการเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลก โดยมี “นิคมฯ SMEs” เป็นกลไกสำคัญ

เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการSMEsย้ายถิ่นฐานหรือขยายการผลิตเข้าสู่พื้นที่นิคมฯ เพื่อรับการดูแลอย่างเป็นระบบ ลดภาระการจัดการสิ่งแวดล้อมและของเสีย เพิ่มความโปร่งใส มีมาตรฐาน และช่วยจัดระเบียบ SMEs ให้เติบโตในทิศทางเดียวกัน พร้อมเอื้อต่อการวางแผนพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต

ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงบูรณาการองค์ความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี แต่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานกับ SMEs และชุมชนโดยรอบ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง เบื้องต้นคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 1 พันล้านบาท


นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีเป้าหมายสำคัญคือยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการทั้งในระดับ SMEs และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ตลอดจนส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการไทยให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลกในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี การสร้างนวัตกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจให้เข้มแข็ง ด้วยการบูรณาการเครือข่ายความร่วมมือผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) การบูรณาการความร่วมมือในการส่งเสริมนิคมอุตสาหกรรม SME เพื่อพัฒนาเครือข่ายและห่วงโซ่อุปทานภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมกันจัดสรรพื้นที่ในนิคม SMEs ผนวกกับการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติและทิศทางอุตสาหกรรมในอนาคต ความร่วมมือในลักษณะนี้ช่วยให้เกิดการบูรณาการองค์ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการในทุกมิติ อีกทั้งยังมุ่งหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภายใต้บันทึกความเข้าใจครั้งนี้ กนอ. จะจัดสรรพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเป้าหมายสำหรับจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม SME ต้นแบบในสัดส่วนอย่างน้อย 5% พร้อมจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่เหมาะสม ยืดหยุ่นต่อการพัฒนา และผลักดันให้เกิดการจับคู่ธุรกิจระหว่างสถานประกอบการขนาดใหญ่ SME และชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานกับภาคอุตสาหกรรม เสริมสร้างศักยภาพของ SME ผ่านสถาบันวิทยาการอุตสาหกรรม กนอ. (I-EA-T Academy) และส่งเสริมให้ SME มีแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมแบบ CSR in Process โดยบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับดีพร้อม

ทั้งนี้เพื่อเป็นแม่เหล็กในการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการ SME มาใช้พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม กนอ.ได้กำหนดสิทธิประโยชน์เบื้องต้น ดังนี้ 1. พิจารณาส่วนลดอัตราค่าเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม 2.จัดเวทีให้ผู้ประกอบการ SME ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ และ 3. จัดแสดงสินค้าในงานกิจกรรมสำคัญของ กนอ. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมา กนอ. ได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดสิทธิประโยชน์และดำเนินการอื่นๆ ในการส่งเสริมสนับสนุน SME พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรม และได้กำหนดพื้นที่นำรองในการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะ SME (I-EA-T Incubation Center) 5 แห่ง ได้แก่ นิคมฯ ลาดกระบัง, นิคมฯ แหลมฉบัง, นิคมฯ มาบตาพุด, นิคมฯ บางปู และอาคาร กนอ. สำนักงานใหญ่ ซึ่งจะเป็นพื้นที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของ SME บนโครงสร้างพื้นฐานที่จัดสรรโดย กนอ.


ศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่าการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ดังกล่าว อว. มุ่งขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME ไทยและเครือข่ายในห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี นวัตกรรม งานวิจัย และองค์ความรู้ต่าง ๆ พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของ SME ไทย ให้สามารถพัฒนาธุรกิจ เติบโต และขยายกิจการอย่างยั่งยืน

ขณะที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) มุ่งขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการผลักดันนโยบายและมาตรการที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม โดยการร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กรอ. ร่วมขับเคลื่อนการยกระดับภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและเครือข่าย SME จดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรเพื่อนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน ควบคู่กับการกำกับดูแลให้มีการบริหารจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ไทย ยกระดับเพิ่มผลิตภาพ สามารถปรับตัวสู่อุตสาหกรรมสีเขียว โดยความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในครั้งนี้ ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุน ทั้งด้านการพัฒนาควบคู่ด้านเงินทุน ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นเพียง 3% ต่อปีคงที่ตลอด 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุดถึง 50 ล้านบาท ช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ไทยและเครือข่าย SME ตลอดห่วงโซ่อุปทานมีแหล่งทุนนำไปลงทุน ปรับปรุง หรือขยายธุรกิจ ช่วยลด ซึ่งจะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SME ไทย พร้อมก้าวสู่อุตสาหกรรมสีเขียว มีศักยภาพเติบโตอย่างเข้มแข็งยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น