พิษณุโลก - “ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตฯ” มาตามแผนเดิมเปิดโครงการ "เสริมทักษะอาชีพ สู่ Soft Power ชุมชนวังทอง" แม้ ครม.สัญจรพิษณุโลก เลื่อน..บอกมาคนเดียว-ให้เลือกพรรคเดียว ทำเอา “ส.ส.พงษ์มนู ทองหนัก” อมยิ้มขอคะแนนทันที
วันนี้ (23 มิ.ย. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, น.ส.ณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ "เสริมทักษะอาชีพ สู่ Soft Power ชุมชน ให้ดีพร้อม" หลักสูตร "อาหารพื้นบ้าน ทำง่าย ขายคล่อง Soft Power ไทย" ที่ศูนย์ประสานฯ หน้าที่ว่าการอำเภอวังทอง พิษณุโลก โดยมีนายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายพงษ์มนู ทองหนัก ส.ส.พิษณุโลก เขต 3 (วังทอง-เนินมะปราง) ผู้นำท้องที่, ท้องถิ่น และชาวบ้าน อ.วังทองกว่า 150 คนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
ทันทีที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขึ้นกล่าวบนเวทีก็หยอดคำหวานทันทีท่ามกลางชาวบ้านที่มาต้อนรับว่า เดินทางมาตรวจราชการตามแผนเดิม รมต.อุตสาหกรรม ในชุดของ ครม.สัญจรของนายกรัฐมนตรีซึ่งเลื่อนกำหนดออกไป ทำให้ รมว.หลายกระทรวงก็เลื่อนไปด้วย แต่ตน (กระทรวงอุตฯ) มาคนเดียว ก็ขอให้ประชาชนเลือกคนเดียว ซึ่งตนอยู่ "พรรครวมไทยสร้างชาติ" มี ส.ส.เขต 3 ในพิษณุโลกคนเดียว ก็ขอให้เลือกพร้อมชี้ไปยัง “นายพงษ์มนู ทองหนัก” ส.ส.หนึ่งเดียว ซึ่งยกมือไหว้ขอคะแนนทันที เรียกเสียงฮากันทั้งฮอลล์
อย่างไรก็ตาม คนในกระทรวงอุตฯ แจ้งผู้สื่อข่าวว่า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ใดๆ เพราะประเด็นการเมืองที่กำลังร้อนแรงปะทุ หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวเสร็จได้เดินพบปะชาวบ้านและปรุงอาหารพร้อมชิมยำมะม่วง และชิม "ผัดไทย" ของดีอำเภอวังทอง พร้อมกับ ส.ส.พงษ์มนู และผู้บริหารกระทรวงฯ
อนึ่ง กระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการ "เสริมทักษะอาชีพ สู่ Soft Power ชุมชน ให้ดีพร้อม" หลักสูตร "อาหารพื้นบ้าน ทำง่าย ขายคล่อง Soft Power ไทย" เน้นให้ฝึกทักษะด้านอาชีพ สร้างสรรค์เมนูอาหารจากวัตถุดิบพื้นถิ่น เช่น ฐานที่ 1 การทำปลาส้ม ฐานที่ 2 การทำน้ำพริก ฐานที่ 3 การทำไข่เค็ม เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน สามารถพึ่งตนเอง ทำประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม สร้างรายได้และกระจายรายได้สู่ชุมชน ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ โดยเน้นสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์อาหารและสินค้าชุมชน