xs
xsm
sm
md
lg

”ไฮโซเม-วาสนา“ ปั้น BioActive+ ลุยอาหารเสริม ปักธง 5 ปี ติดระดับโลก รายได้แตะ 2 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไฮโซเม-วาสนา” ปั้น “BioActive+” สู่สินค้าระดับโลก แรงไม่หยุด เปิดตัว 4 เดือน กวาดยอดขาย 921 ล้านบาท มั่นใจแตะ 1,500 ล้านสิ้นปี 68 พร้อมตั้งเป้าใน 5 ปี สินค้าติดระดับโลก กวาดรายได้ทะลุ 20,000 ล้านบาท โดยกว่า 5,000 ล้านบาทมาจากประเทศไทย

ดร.วาสนา อินทะแสง ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไบโอแอคทีฟ เอ็นแซต 1984 จำกัด เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอาหารเสริมไทยยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง หลังผู้บริโภคยุคใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพ ความงาม และการดูแลตัวเองมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดอาหารเสริมไทยมีมูลค่าสูงถึง กว่า 90,000 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่ม Liquid Supplement และ Functional Supplement ที่เติบโตอย่างโดดเด่น จากความต้องการสินค้าที่ “ดื่มง่าย ดูดซึมเร็ว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เร่งรีบ” ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดีที่สุดเพื่อยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตคนไทย ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ และการวิจัยเชิงลึก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด


ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 บริษัทได้เปิดตัว “BioActive+” แบรนด์น้องใหม่ระดับโลก เบื้องต้นเปิดตัวด้วย 4 สูตรหลัก คือ 1.Concentrated Liquid Collagen – คอลลาเจนเข้มข้น รส Mixed Berry ฟื้นฟูโครงสร้างผิว เพิ่มความยืดหยุ่นและชุ่มชื้น 2.Concentrated Liquid Asta Drink – แอสตาแซนธินเข้มข้น รส Fruit Punch ผิวเด็กทนแดดและช่วยปลุดพลังงานระดับเซลล์ 3.Concentrated Liquid Gold – สูตรต่อต้านอนุมูลอิสระ รส Fresh Lemon พร้อมDuo TetraSOD และ GF Fermenta MnSOD 4.Concentrated Liquid Gluta – สูตรเพื่อผิวกระจ่างใส รส Strawberry Lychee ผสมDuo กลูต้าไธโอนและเซราไมด์จากข้าวญี่ปุ่น ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนเปิดตัวสูตรใหม่ช่วงปลายปีอีก 3 SKU เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มโอกาสทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา BioActive+ กลายเป็นผู้เล่นที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาด ด้วยกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ชัดเจน การลงทุนทางการตลาดระดับแมส และนวัตกรรม Concentrated Liquid Supplement ที่โดดเด่นในแง่การดูดซึมสารอาหารอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเพียง 4 เดือนหลังการเปิดตัว (5 พฤษภาคม– 9 กันยายน 2568) “BioActive+” ทำยอดขายพุ่งทะลุ 921 ล้านบาท (ข้อมูลซัปพอร์ตจาก Insight Data ของยอดขาย นับตั้งแต่ วันที่ 5 พฤษภาคม - 9 กันยายน 2568)

แบรนด์มียอดคำสั่งซื้อสิ้นค้าทั้งหมด 1,541,707 กล่อง หรือ จัดจำหน่ายไปแล้วมากกว่า 15 ล้านหลอด คิดเป็นวันละ 121,394 หลอด ชั่วโมงละ 5,058 หลอด นาทีละ 84 หลอด
(ข้อมูลซัปพอร์ต จาก Insight Data ของยอดขาย นับตั้งแต่ วันที่ 5 พฤษภาคม - 8 กันยายน 2568) และตั้งเป้าแตะ1,500 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2568 หรือคิดเป็นMarket Share ประมาณ 3% ของตลาดอาหารเสริมไทย


ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เกิดจากกลยุทธ์การตลาดแบบ 360° ภายใต้งบการตลาด 10-15% ของยอดขาย เพราะความโดดเด่นของ BioActive+ ไม่ได้อยู่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่ยังรวมถึงการสร้างแบรนด์และการตลาดที่เข้มข้น ครอบคลุมทั้ง Branding – Communication – Sales Activation และในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ BioActive+ เตรียมเดินหน้าขยายตลาดเต็มกำลัง ด้วยกลยุทธ์ Omnichannel Expansion โดยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมใช้งบการตลาดเพิ่มเติมเพื่อสร้าง Awareness และทดลองซื้อ ควบคู่กับการใช้ Data-Driven Marketing & Personalization ผ่าน CRM เพื่อนำเสนอแคมเปญเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะบุคคล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดการขาย


“ที่ผ่านมาตนลงทุนและเป็นผู้ถือหุ้นในแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย รวมถึงดูแลบริษัทรวมกว่า 27 บริษัท ตอนนี้ก็ปรับลดลงมาเยอะ ที่ผ่านมาตนเน้นทำ OEM และไม่ได้ออกหน้ามาทำแบรนด์เอง แต่พบว่าเป็นการลงทุนที่ไม่ได้เงินกลับมา ลูกค้าติดหนี้ตนมากมาย จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้ลุกมาทำแบรนด์และขายเอง ถือเป็นการออกหน้ามาทำแบรนด์ขายเองเป็นครั้งแรกกับ BioActive+ ซึ่งจะเป็นแบรนด์เดียวที่จะทำหลังจากนี้ คาดหวังว่าใน 5 ปี BioActive+ จะเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และทำรายได้ที่ 20,000 ล้านบาท โดยกว่า 5,000 ล้านบาท มาจากประเทศไทย“ ดร.วาสนา กล่าว


ด้านนายสุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไบโอแอคทีฟ เอ็นแซต 1984 จำกัด กล่าวเสริมว่า “BioActive+ ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์อาหารเสริม แต่เป็นแบรนด์ที่ช่วยสร้างไลฟ์สไตล์สุขภาพที่ยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทั้งในแง่สุขภาพ ความงาม และการฟื้นฟูร่างกาย และจากการวางกลยุทธ์แบรนด์อย่างแข็งแกร่ง การสื่อสารสอดคล้องต่อเนื่อง และการลงทุนด้านการตลาดอย่างเป็นระบบ “BioActive+” กำลังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็น Key Player รายสำคัญในตลาดอาหารเสริมแนว Functional Health ของไทย และเตรียมขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ อาทิ จีน และ ประเทศในเอเชีย ในอนาคตอันใกล้.
กำลังโหลดความคิดเห็น