การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เตรียมพร้อมรับการเปิดเสรีซื้อขายไฟฟ้าในอนาคต เร่งพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้า พร้อมนำนวัตกรรมและ AI มาปรับใช้ในองค์กร คาดเปิดบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบเจาะจงแหล่งที่มา (UGT2 )ในปลายปีนี้ ย้ำงดจ่ายไฟฟ้าตามตะเข็บชายแดนทั้งเมียนมาและกัมพูชา
นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)หรือPEA เปิดเผยในโอกาสการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคครบรอบ 65 ปี Move For The Future “Smart Technology & Sustainable”ว่า ตลอด 65ปี PEA ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมาย และพัฒนาเทคโนโลยีรองรับความท้าทายใหม่ รวมถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าสะอาดจำนวนมากจากกลุ่ม Data Center ทำให้ PEA ต้องเร่งพัฒนาโครงข่ายที่มีความเข้มแข็ง มีการลงทุนSmart Grid รวมทั้งนำนวัตกรรมและAIมาใช้ในองค์กรและดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ PEA เตรียมพร้อมรองรับตลาดไฟฟ้าเสรีโดยมีTPA Platform เป็นกลไกหลักจัดการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ตรวจสอบเส้นทาง และคำนวณค่าบริการ (wheeling Charge) และEnergy Trading Platform ตลาดการซื้อขายไฟฟ้าที่โปร่งใส ยุติธรรม ยืดหยุ่นในยุคพลังงานสะอาด โดยPEAมีการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าจริงผ่านแพลตฟอร์มระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่3 ภายใต้ERC Sandbox
นายมงคล กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดให้บริการไฟฟ้าสีเขียวแบบผู้ใช้ไฟฟ้าระบุแหล่งที่มาพลังงานสะอาดได้ (Utility Green Tariff : UGT 2) คาดว่าจะประกาศได้ภายในปลายปี2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราไฟฟ้าUGT2 คาดว่าจะมีอัตราค่าไฟฟ้าสูงกว่าUGT 1 ที่คิดอัตราค่าไฟฟ้าอยู่ที่ อัตราค่าไฟฟ้าปกติบวกค่า Ft บวกค่าพรีเมี่ยมที่ 6สต./หน่วย
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่สนใจใช้ไฟฟ้าUGT2 จะเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสะอาด กลุ่มData Center ฯลฯ โดยไฟฟ้าที่เสนอขายภายใต้UGT2 มีหลายพันเมกะวัตต์มาจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่
สำหรับค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (UGT) คืออัตราค่าบริการไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถเลือกใช้ไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม โดยที่ยังคงได้รับไฟฟ้าที่มีคุณภาพ มั่นคง และเชื่อถือได้เหมือนเดิม โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน 100% ได้ พร้อมกับได้รับใบรับรองพลังงานหมุนเวียน หรือ REC ตามมาตรฐาน 1- REC 110 The International Tracking Standard Foundation ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ภาคเอกชนสามารถบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ซึ่งปัจจุบัน PEA เปิดให้บริการ UGT1 (อัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว แบบไม่เจาะจงแหล่งมา) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเปิดให้บริการ UGT2 (อัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว แบบเจาะจงแหล่งมา)ได้เร็วๆนี้
ปัจจุบัน PEA งดจำหน่ายไฟฟ้าแนวตะเข็บชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมาและกัมพูชาแล้ว คงเหลือเพียงสปป.ลาว แต่ทางลาวก็ไม่ได้มีการเรียกซื้อไฟฟ้าจากPEA แต่อย่างใด
นายมงคล กล่าวว่า PEA ได้วางเป้าหมายสู่การเป็น Digital and Green Gid และเร่งเครื่องสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์อย่างแท้จริง หรือ PEA Move to Al Organization เพื่อยกระดับ ความมั่นคง (Reliablity),ประสิทธิภาพ (Effiency) และ ประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) ให้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอบโจทย์ยุคเปลี่ยนผ่านพลังงานได้อย่างสมบูรณ์
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ครบรอบ 65ปีในวันที่ 28 กันยายน 2568 เริ่มต้นจากการบุกเบิกนำไฟฟ้าสู่ประชาชน เร่งรัดพัฒนาไฟฟ้าสู่ชนบท ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจนสามารถขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึงในพื้นที่รับผิดชอบ 74 จังหวัดทั่วประเทศ (ยกเว้น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ) โดยมีลูกค้ารวม 22ล้านราย โดยPEAมีการพัฒนาคุณภาพระบบไฟฟ้าและการบริการ ขับเคลื่อนองค์กรสู่ Digtal Utitity ยกระดับโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัยรองรับพลังงานสะอาดและเดินหน้าบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้วิสัยทัศน์ "ไฟฟ้าอัจฉริยะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน" (Smart Energy for Better Life and Sustainability)
ทั้งนี้ PEA มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตมีการ ดำเนินโครงการขยายเขตไฟฟ้าให้ครัวเรือนรายใหม่ (คฟม.)สำหรับบ้านที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้และอยู่ห่างจากแนวสายไฟฟ้าเดิม จำนวน 50,000 บาทต่อ 1 ครัวเรือน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โครงการขยายเขตไฟฟ้าเพื่อการเกษตร (คฟก.) PEA ขยายเขตไฟฟ้าไปยังพื้นที่ทำกิน เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้เครื่องมือทางการเกษตรที่ใช้ไฟฟ้าได้ เช่น เครื่องสูบน้ำ ,โครงการพัฒนา Microgrid และ BESS ระบบไฟฟ้าขนาดเล็กอิสระที่เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลัก(Grid) โดยมีแบตเตอรี่กักเก็บไฟฟ้า(Battery Energy Storage System) เพื่อกักเก็บและจ่ายไฟฟ้าคืนกลับสู่ระบบเมื่อจำเป็น ช่วยเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และรองรับการใช้พลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ห่างไกล
มีโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าให้พื้นที่เกาะต่างๆ ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เพื่อขยายการให้บริการพลังงานไฟฟ้าให้หมู่บ้านต่างๆ บนเกาะจำนวน 11 เกาะ (เกาะขามใหญ่ จังหวัดชลบุรี เกาะจิก จังหวัดจันทบุรี เกาะช้าง เกาะพยาม จังหวัดระนอง เกาะกระเต็น จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะไม้ไผ่ จังหวัดพังงา เกาะโหลน จังหวัดภูเก็ต เกาะหมากน้อย จังหวัดพังงา เกาะฮั่ง เกาะปอ จังหวัดกระบี่ และ เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล) ช่วยลดความเหลื่อมล้ำเพิ่มขีดความสามารถสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน
โครงการจัดหาไฟฟ้าให้กลุ่มบ้านในพื้นที่ห่างไกล ด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน โดยมีเป้าหมาย 10 กลุ่มบ้านๆ ละ ไม่ต่ำกว่า80 ครัวเรือน
นอกจากนี้ ได้ธุรกิจ PEA Climate Solution โดยจัดหาใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน(Renewable Energy Certficate:REC) สำหรับองค์กรที่มีเป้าหมายจะมุ่งสู่ความยั่งยืน หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality) ที่ได้กำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานสะอาดและองค์กรที่ได้รับผลกระทบการส่งออกจากมาตรการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ,บริการไฟฟ้าสีเขียว (UGT) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% ได้ พร้อมกับได้รับใบรับรองพลังงานหมุนเวียน หรือ REC
นอกจากนี้ PEA ยังได้ขยายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าของ PEA VOLTA เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันให้บริการแล้ว มากกว่า 400 สถานีทั่วประเทศ PEA มีแผนจะลงทุนเพิ่มปีละประมาณ 100 สถานี ในพื้นที่ที่เหมาะสม