ก.ล.ต. ไฟเขียวปรับเกณฑ์ เปิดช่องศูนย์ซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการ “Tokenized Carbon Credit-REC-Carbon Allowance” เสริมโครงสร้างพื้นฐานสู่ตลาดคาร์บอนเครดิตระดับภูมิภาค ดันไทยเข้าใกล้เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero พร้อมประกาศใช้กฎหมายมีผลบังคับแล้วตั้งแต่ 1 กันยายน 2568
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์ครั้งสำคัญ เพื่อเปิดทางให้ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขาย และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถให้บริการผลิตภัณฑ์โทเคนดิจิทัลที่สะท้อนการลดการปล่อยคาร์บอน ได้แก่ Tokenized Carbon Credit, Tokenized Renewable Energy Certificate (REC) และ Tokenized Carbon Allowance
การตัดสินใจครั้งนี้สอดรับมติที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. เดือนมีนาคม 2568 ซึ่งเห็นชอบหลักการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเพื่อสิ่งแวดล้อม มุ่งหนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emission ของประเทศ พร้อมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ผ่านตลาดทุนดิจิทัล โดย ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศ และเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับทิศทางดังกล่าว
ทั้งนี้ผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลในหมวดดังกล่าว ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการอนุญาตประกอบ “ธุรกิจอื่น” ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. โดยมีข้อกำหนดสำคัญ ได้แก่
1. การคัดกรองโทเคนดิจิทัลที่นำมาให้บริการอย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพ
2. การเปิดเผยข้อมูลที่เพียงพอ ครอบคลุมรายละเอียดที่นักลงทุนต้องใช้ประกอบการตัดสินใจ
ผู้ประกอบการยังคงต้องดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดตลอดระยะเวลาที่ให้บริการ ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังได้ความหมายและมิติใหม่ของตลาดทุนดิจิทัล ได้แก่
1.Carbon Credit คือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากกิจกรรมที่ผ่านการรับรอง สามารถซื้อขายหรือใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซ
2.Renewable Energy Certificate (REC) คือใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ยืนยันคุณลักษณะพลังงานสะอาด
3.Carbon Allowance คือสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามโควตาที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตามเมื่อสินทรัพย์เหล่านี้ถูกแปลงเป็นโทเคน (Tokenization) จึงสามารถซื้อขายบนแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างสะดวก โปร่งใส และตรวจสอบได้
นอกจากนี้การเปิดเสรี “โทเคนคาร์บอนเครดิต” ผ่านตลาดดิจิทัลครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของการเชื่อมโยง Green Economy กับ Digital Asset Economy ของไทย ขณะเดียวกันยังช่วยวางตำแหน่งประเทศไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายคาร์บอนเครดิตในภูมิภาค ท่ามกลางแรงกดดันจากกระแสโลกที่มุ่งเน้นความยั่งยืน
อย่างไรก็ตามแม้ความท้าทายยังอยู่ที่การกำกับดูแลและมาตรฐานการรับรองเครดิต แต่ทิศทางนี้สะท้อนถึงการยกระดับบทบาทตลาดทุนไทยจาก “สนามลงทุน” ไปสู่ “เวทีสิ่งแวดล้อมโลก” อย่างเต็มรูปแบบ