xs
xsm
sm
md
lg

GULF ชี้ครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง หนุนรายได้-EBITDA ปี 68 โตตามเป้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



GULF คงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 25% และ EBITDA พุ่ง 40% จากปีก่อน ชี้ครึ่งปีหลังมีผลดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องจากมีโรงไฟฟ้าใหม่เข้าระบบ รวมทั้งรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังลมและโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะเติบโตต่อเนื่องจาก 6 เดือนแรกปีนี้ที่มีรายได้รวม 80,788 ล้านบาท โดยบริษัทคงประมาณการรายได้ปี 2568 เติบโตตามเป้าหมายที่ ตั้งไว้ 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน และกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตขึ้นอีก 40% จากปีก่อน

โดยครึ่งปีหลังบริษัทจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาอีกประมาณ 597 เมกะวัตต์ ทั้งโซลาร์ฟาร์ม จำนวน 5 โครงการ และโซลาร์ร่วมกับระบบแบตเตอรี่ จำนวน 2 โครงการ ที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568

ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson Generation กำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอเมริกา มีรายได้โตขึ้นจากค่า Capacity Payment (CP) ที่ปรับเพิ่มขึ้น จากเดิม 29 เหรียญสหรัฐต่อเมกะวัตต์ต่อวัน เป็น 270 เหรียญสหรัฐต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2568 จนถึง พ.ค. 2569 ทำให้บริษัทรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจากโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้ไฟฟ้าของกลุ่ม data center เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ในปีหน้าตั้งแต่ช่วงกลางปีจนถึงเดือน พ.ค. 2570 ค่า CP จะสูงขึ้นเป็น 329 เหรียญสหรัฐต่อเมกะวัตต์ต่อวัน จะทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 1,000-1,200 ล้านบาทต่อปี

ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โครงการ Borkum Riffgrund 2 (BKR2) ที่ประเทศเยอรมนี และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมจากกลุ่ม Gulf Gunkul Corporation (GGC) เป็นช่วงไฮซีซันทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น


นางสาวยุพาพินกล่าวว่า การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในช่วงครึ่งปีหลังจะนำเข้าเพิ่มอีก 30 ลำ หรือประมาณ 2 ล้านตัน จากในช่วง 7 เดือนของปีนี้นำเข้ามาแล้ว 32 ลำ หรือประมาณ 2.1 ล้านตัน เพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้า IPP ขนาด 5,000 เมกะวัตต์ของกลุ่มบริษัท และโรงไฟฟ้าหินกอง ส่งผลให้รายได้จาก shipper fee เพิ่มขึ้น

ส่วน AIS คาดว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่อง มาจาก AIS มีการนำเสนอแพกเกจที่ดีให้ลูกค้า และค่าใช้จ่ายต่างๆ ของ AIS ที่จะลดลงด้วย

ขณะเดียวกันบริษัทยังทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจ data center ซึ่งบริษัทร่วมลงทุนกับ Singtel และ AIS ได้เริ่มทยอยเปิดให้บริการเฟสแรก ขนาด 25 เมกะวัตต์ ไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ และมีแผนขยายเป็น 200-300 เมกะวัตต์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย

“บริษัทยังมองโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ ที่มีแผนการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์ร่วมกับระบบแบตเตอรี่ รวมทั้งวินด์ฟาร์มเพิ่มเติมอีก หลังในช่วงต้นปีที่ผ่านมาทยอยเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนไปแล้วหลายโครงการ นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำอีกหลายโครงการ และยังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ในสหรัฐฯ เพิ่มเติม”

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้อีก 30,000 ล้านบาทในเดือนกันยายนนี้ โดยจะเสนอขายแก่นักลงทุน ทั้งนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ และประชาชนทั่วไป เพื่อนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้สถาบันการเงินและใช้ในการขยายธุรกิจต่อไป ซึ่งจะออกหุ้นกู้ทั้ง 3 ปี 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัทลดลงได้อีก


กำลังโหลดความคิดเห็น